บทที่8แตะย้อนเกล็ดมังกร

1776 Words
หลังจากโดนมู่หรงเจี่ยนไล่ตะเพิดออกมาเวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วยามที่หลี่ซวงเจี้ยงถูกกักไว้อยู่ในเรือนของตัวเอง ไร้ข่าวคราวอาการของมู่หรงเจี่ยนจากเรือนหลัก เรียกได้ว่าตอนนี้หลี่ซวงเจี้ยงนั้นโดนคุมขังอย่างแท้จริง ด้านนอกห้องมีสวีเสียนองครักษ์ลับของจวนอ๋องเฝ้าอยู่ แม้แต่ลวี่ซานกับเถาอียังโดนคุมตัวไปสอบสวนร่วมด้วย หลี่ซวงเจี้ยงนั่งคิดกับตนเอง เรื่องที่เขาแพ้เหอเถาอย่างรุนแรง นางย่อมไม่เคยรู้ว่าก่อน ถึงนางจะกลัวเข็ดขยาดมู่หรงเจี่ยนปานใดแต่ก็ไม่เคยคิดจะทำอะไรให้เขาถึงแก่ชีวิตมาก่อน มู่หรงเจี่ยนผู้นี้นอกจากใช้ปากคอเราะรายและเคี่ยวกรำนางอย่างหนักในคืนวันนั้น แต่ตัวเขากลับดีต่อนางไม่น้อย เขาทูลขออภัยโทษให้นางดูแลการกินการอยู่ของนางไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ไหนจะเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ประทานให้นางล้ำค่ายิ่งกว่าตอนนางยังเป็นคุณหนูเสนาบดีเสียอีก หากไม่ได้เขายามนี้นางย่อมเป็นนักโทษรอความตายที่คุกขังเดี่ยวนั่น หลี่ซวงเจี้ยงเดินกัดเล็บวนไปมาด้วยความกระวนกระวายใจเพื่อรอข่าวคราวอยู่นาน จนกระทั่งมีบ่าวรับใช้ที่นางไม่คุ้นหน้ายกสำรับเข้ามานางจึงได้หยุดความคิดฟุ้งซ่านเหล่านั้นแม้อาหารตรงหน้าจะเลิศรสเพียงใดหลี่ซวงเจี้ยงก็กลืนไม่ลง ในใจนางมีเรื่องให้กลุ้มใจมากมาย ทั้งเป็นห่วงลวี่ซานเถาอีที่ยามนี้ต้องมาต้องโทษเพราะความประมาทของนางอีก แต่ที่หลี่ซวง-เจี้ยงหนักใจที่สุดก็จะเป็นอาการของบุรุษปากร้ายใจดีผู้นั้น นางหวังให้มู่หรงเจี่ยนปลอดภัย หากเขาเป็นอะไรไป โทษทัณฑ์ลอบปลง พระชนม์ชินอ๋องผู้สูงศักดิ์ของต้าเย่ ชีวิตนางย่อมจบสิ้นได้ไปเยือนดินแดนปรโลกตามมู่หรงเจี่ยนแน่ เวลาผ่านไปแล้วสองชั่วยามมู่หรงเจี่ยนจึงรู้สึกตัวขึ้นมาด้วยความอ่อนเพลีย สีหน้าเขาซีดขาว เมื่อลืมตาเห็นสวีกงกงกับหมอหลวงเฝ้าอยู่ “ท่านอ๋องฟื้นแล้ว” สวีกงกงมีสีหน้าโล่งใจ ท่านอ๋องของเขาแข็งแรงดั่งหลอมมาจากเหล็กก็ไม่ปาน มีก็แต่เหอเถาที่ทำให้เกือบไปเยือนปรโลกได้หนำซ้ำสตรีที่หยิบยื่นความตายให้ยังเป็นสตรีที่พึงใจมาตลอดหลายปี ท่านอ๋องของเขาช่างอาภัพนัก! คิดแล้วสวีกงกงก็น้ำตาคลอ “ทำหน้าเช่นนั้นจะเตรียมงานสวดศพข้าแล้ว ?” มู่หรงเจี่ยนพูดราบเรียบพลางถอนหายใจเพราะเห็นสีหน้าของสวีกงกงเขาถึงกับกุมศีรษะ เขายังไม่เป็นอันใดสวีหลินคนนี้ก็น้ำตาคลอแทบร่ำไห้ราวอิสตรี “ยามนี้ท่านอ๋องเพิ่งฟื้น ร่างกายจึงยังอ่อนเพลียอยู่บ้างกระหม่อมได้ฝังเข็มพร้อมจัดเทียบยาให้พระองค์แล้วเรียบร้อย พ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงเยว่หงกล่าว “อืม ตรวจสอบพิษแล้วหรือยัง” ได้ยินคำว่ายามู่หรงเจี่ยนย่อมจะไม่ชอบใจนัก จึงได้แต่เปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นแทน เขาอยากรู้นักนางมารน่าชังผู้นั้นได้เคี่ยวน้ำแกงหวังให้เขาตายตกไปจริงหรือ คิดแล้วก็อดยิ้มเยาะในความโง่เขลาของตัวเองไม่ได้ “ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ น้ำแกงนั้นหาได้มีอันใดผิดปกติเพียงแต่ใส่เหอเถาบดละเอียดมาเล็กน้อยเท่านั้น เพราะ พระวรกายของพระองค์ทรงเหนื่อยล้าจากการพักผ่อนน้อย บวกกับต้องลมเย็นเป็นเวลานานจึงมีอาการแพ้รุนแรงมากกว่าปกติ พ่ะย่ะค่ะ" “ขอบใจท่านมาก สวีกงกงส่งท่านหมอหลวงกลับไปเถอะ” มู่หรงเจี่ยนกล่าวขอบคุณหมอหลวงเฒ่า พลางคิดในใจด้วยความโล่งโปร่งสบายใจ ที่แท้นางก็ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเขาจริง ๆ หมอหลวงเยว่หงเห็นท่าทางไม่แยแสต่อความเป็นความตายของอ๋องเจ็ดก็หงุดหงิดขึ้นมาไม่ได้ เขารักษาผู้สูงศักดิ์มาตลอดแต่ก็ไม่เคยเห็นผู้ใดดื้อรั้นเท่าคนผู้นี้มาก่อน ตั้งแต่วัยเยาว์ยามป่วยไข้ ตอนยังเป็นองค์ชายเจ็ดหากอาการไม่รุนแรงจริงจะไม่ให้สวีกงกงไปเชิญเขามาเด็ดขาด อีกทั้งอ๋องดื้อรั้นผู้นี้เกลียดการกินยานัก มู่หรงเจี่ยนถึงกับกล้ากินสามส่วนเททิ้งเจ็ดส่วน สิ้นเปลืองสมุนไพรล้ำค่าของเขาจริง ๆ หมอหลวงเฒ่าอย่างเขาเกลียดผู้ป่วยประเภทนี้ที่สุดหากไม่รักชีวิตไยต้องเชิญเขามารักษาด้วย! คิดได้ดังนั้นก็อดกำชับเขาเสียงแข็งไม่ได้ “เป็นหน้าที่ของกระหม่อมอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ท่านอ๋องขอพระองค์ทรงกินยาที่กระหม่อมจัดไว้ให้ครบด้วย ถึงร่างกายท่านจะแข็งแรงดั่งเหล็กกล้าแต่อย่างไรเหล็กกล้าล้วนมีวันสึกกร่อนได้ กระหม่อมทูลลา” ด้วยอาศัยว่าอ๋องเจ็ดผู้เหี้ยมโหดยังอ่อนแรงอยู่ หมอหลวงเฒ่าก็ถือโอกาสบ่นจนเสร็จสรรพแล้วน้อมกายคารวะเก็บล่ามยาจากไปด้วยตนเองทันที สวีกงกงตะลึงพรึงเพริดตาเฒ่าเยว่หงยังไม่ทันได้ให้เขาไปส่งก็รีบบึ่งไปเองเสียแล้วช่างเจ้าอารมณ์สมคำเล่าลือจริง ๆ ส่วนมู่หรง-เจี่ยนรู้ว่าหมอหลวงเฒ่าผู้นี้ชังผู้ป่วยเช่นเขามาก แต่ก็ยังดูแลเขาตั้งแต่ยังเป็นองค์ชายจึงได้ปล่อยผ่านไป เพียงแต่หมอหลวงเฒ่าจากไปไม่ทันไรมู่หรงเจี่ยนก็ลุกไปห้องหนังสือราวกับคนที่หมดสติสองชั่วยามก่อนไม่ใช่เขาอย่างไรอย่างนั้น เขานั่งอยู่บนโต๊ะหนังสืออ่านฎีกาเงียบ ๆ พลางขมวดคิ้วไป ฮ่องเต้ผิงหวา หรือมู่หรงผิงด้วยรู้ว่าน้องชายของตนแค้นเคืองคนผู้นี้นักจึงให้คนนำฎีกานี้มาให้เขาพิจารณา ย่อมเป็นเรื่องที่เหล่าขุนนางพากันขอลดโทษหลี่เหิง เสนาบดีใหญ่ใฝ่ซ้ายบิดาหลี่ซวงเจี้ยงที่ต้องอาญาอยู่ ลดโทษหลี่เหิงงั้นหรือ ? มือเขากำฎีกานั้นแน่น แค่ตายอย่างเดียวจะพอได้อย่างไรในใจของมู่หรงเจี่ยนย่อมอยากสับคนผู้นี้ให้แหลกเป็นหมื่นชิ้นเหล่าขุนนางอ้างเหตุผลที่ขอให้ลดโทษว่า เพรา หลี่เหิงแม้จะสนับสนุนกบฏ องค์ชายสาม แต่ที่ผ่านมาเขามีความดีความชอบต่อราชวงศ์และแผ่นดินไม่น้อยจึงขอละเว้นโทษจากประหารชีวิต เป็นให้ลาออกจากการเป็นขุนนางและเนรเทศจากฉางอันห้ามกลับเข้ามาอีกตลอดชีวิตแทน เมื่ออ่านครั้งแรกเขาถึงกับเลือดลมตีขึ้นมาด้วยความโมโหแต่ยามนี้เขารู้สึกว่าฎีกาเหล่านี้น่าสนใจไม่น้อย คนรักอำนาจเช่นหลี่เหิงเมื่อมีชีวิตอัปยศไร้อำนาจในมือเช่นนี้ย่อมเลือกตายเสียจะดีกว่า ใบหน้ามู่หรงเจี่ยนปรากฏรอยยิ้มอำมหิตที่มุมปาก ก็ดี เขาต้องการให้หลี่เหิงได้แต่แหงนหน้ามองความอัปยศที่เขาประทานให้ ให้หลี่เหิงได้มีชีวิตอยู่ไม่สู้ตายและเมื่อโดนเนรเทศ เขาย่อมส่งคนไป ‘ดูแล’ อดีตเสนาบดีใหญ่ฝ่ายซ้ายของราชสำนัก ต้าเย่เป็นอย่างดี มู่หรงเจี่ยนจึงตอบรับเห็นด้วยกับฎีกานี้แล้วให้คนนำไปถวายฮ่องเต้ทันที เมื่อคิดถึงหลี่เหิง ในใจย่อมคิดถึงบุตรีของหลี่เหิง มู่หรงเจี่ยนสะกดความฟุ้งซ่านในหัวว่าที่ยอมละเว้นโทษตายหลี่เหิงหาได้เกี่ยวกับนางไม่ ถึงวันนี้ได้รู้หลี่ซวงเจี้ยงไม่ได้ใช้พิษทำร้ายเขา แต่นางก็ไม่เคย ใส่ใจเขาสักนิด บิดานางจะอยู่หรือตายไยเขาต้องคอยสนใจความรู้สึกนางด้วย “ท่านอ๋องจะให้บ่าวไปบอกคุณหนูหลี่ว่าท่านฟื้นแล้วเลยหรือไม่” สวีกงกงเห็นเขาดูฎีกาอยู่นานมาก ตอนนี้ยามซวีท่านอ๋องของเขาควรกินยาพักผ่อนได้แล้ว จึงเบี่ยงเบนความสนใจมู่หรงเจี่ยน มู่หรงเจี่ยนชะงักเล็กน้อยแต่ก็ตอบกลับเสียงเฉยชา “ยามนี้นางทำอะไรอยู่” “บ่าวให้คนคุมตัวนางไว้ที่เรือนรอคำสั่งของท่านอ๋อง แต่ให้คนยกสำรับไปให้นาง นางก็กินแล้วเรียบร้อย ยามนี้นางคงใกล้เข้านอนแล้ว” สวีกงกงตอบ สวีกงกงเห็นท่านอ๋องไม่ตอบแต่สีหน้ายังคงเยียบเย็นจึงเดาพระทัยว่าคราวนี้คุณหนูหลี่คงได้แตะย้อนเกล็ดมังกรของท่านอ๋องแล้ว สวีกงกงเองก็ขุ่นเคืองกับการกระทำที่เลินเล่อของหลี่ซวงเจี้ยงเช่นกัน เขาเฝ้าถนอมท่านอ๋องตั้งแต่ยังเล็กคอยระแวดระวังภัยทุก ฝีก้าวเพื่อให้ท่านอ๋องมีชีวิตดีจนวันนี้ แต่เกือบมาเสียรู้เพราะน้ำแกงตะพาบใส่เหอเถาถ้วยเดียวของนาง สวีกงกงจึงพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น “บ่าวเข้าใจแล้ว จะรีบไปบอกให้คนโบยนางตามกฎจวนเดี๋ยวนี้” แต่มู่หรงเจี่ยนกลับทำเพียงลูบจอกชาเงยหน้าสบตาสวีกงกง นิ่ง ๆ เลิกคิ้วถามเสียงเรียบเฉย “ข้าสั่งแล้ว ?” ราวกับว่ามีคลื่นความกดดันแฝงมากับน้ำเสียงทุ้มต่ำนั้น สวีกงกงรีบส่ายศีรษะตอบ “หาไม่ขอรับ” “คราวหลังอย่าคิดทำอะไรที่ข้าไม่ได้สั่งอีก” ยามนี้สวีกงกงได้รู้แล้วว่าผู้แตะเกล็ดย้อนหาใช่แม่นางน้อยผู้นั้นแต่กลับเป็นเขาเสียเอง ‘เพราะหลี่ซวงเจี้ยงของเกล็ดย้อนของท่านอ๋อง’ มู่หรงเจี่ยนวางจอกชาลงเสียงดัง ยิ้มเยาะตัวเอง เขาป่วยเกือบตายเพราะหลี่ซวงเจี้ยง แต่นางถึงกับยังกินอิ่มนอนหลับ นอกจาก หลี่ซวงเจี้ยงจะไม่ใส่ใจว่าตัวเขาจะแพ้อะไรบ้าง แต่ใจของนางไม่พะวงถึงความเป็นความตายเขาเลยแม้แต่น้อย เขานึกโกรธขึ้นมาแล้วจริง ๆ อยากรู้นักนางมารน่าชังผู้นั้นไร้หัวจิตหัวใจหรืออย่างไร! “ไปเรียกนางมานี่!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD