ตอนที่ 1: เศษเสี้ยวแห่งความทรงจำ: การจุติในร่างใหม่
จิ่วเฉิน: ความฝันที่จางหายไป
ในห้วงเวลาที่ไร้จุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด, จิ่วเฉิน ชายหนุ่มอายุยี่สิบปลาย ๆ จากโลกศิวิไลซ์ ได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในโลกที่เขาจากมา เขาเป็นนักเคมีอาหารอารมณ์ดี ผู้คลั่งไคล้การหมักและการต้มกลั่นสารพัดอย่าง ตั้งแต่เบียร์คราฟต์ไปจนถึงวิสกี้หายาก ชีวิตของเขามีสีสัน สนุกสนาน และเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
ความทรงจำสุดท้ายที่เขามีคือกลิ่นหอมของข้าวบาร์เลย์ที่กำลังหมักในโรงกลั่นเล็ก ๆ ของเขา ตามมาด้วยความมืดมิดที่ฉับพลัน... และความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงเข้าสู่สมอง
เมื่อเขาลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง, โลกทั้งใบได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
จวินเสวียน: ผู้ถูกตราหน้าว่า "ไร้ค่า"
เขาตื่นขึ้นในร่างของเด็กหนุ่มอายุสิบหกปีชื่อ จวินเสวียน ซึ่งอาศัยอยู่ในอาณาจักรแห่งการบำเพ็ญเพียรและยุทธภพที่เขาเคยอ่านจากนิยายแฟนตาซีจีนโบราณ ร่างกายใหม่นี้ผอมบาง, มีดวงตาที่สดใสแต่แฝงไว้ด้วยความอับอายและความขลาดกลัว — ความรู้สึกที่มาจากเจ้าของร่างเดิม
จวินเสวียนคนเดิมเป็นเพียงศิษย์ไร้พรสวรรค์ของสำนักเล็ก ๆ แห่งหนึ่งนามว่า สำนักเมฆามังกร เขามีพลังวิญญาณอยู่ในระดับต่ำสุดที่มนุษย์จะสามารถมีได้—ระดับ ชี่ธาตุดินขั้นที่หนึ่ง ซึ่งถือว่าแทบจะไม่มีพลังเลยในโลกที่เต็มไปด้วยยอดยุทธ์และผู้บำเพ็ญเพียรที่สามารถแยกภูเขาได้ด้วยการโบกมือ
“ขยะยุทธภพ” คือสมญานามที่ทุกคนในสำนักมอบให้เขาอย่างเปิดเผย ตั้งแต่ศิษย์พี่ศิษย์น้อง ไปจนถึงพ่อครัวในโรงครัว ทุกคนปฏิบัติต่อจวินเสวียนราวกับเป็นเพียงอากาศธาตุ หรือบางครั้งก็เป็นเพียงถังขยะสำหรับระบายอารมณ์
“ให้ตายสิ นี่มันยุคไหนกันวะเนี่ย? วิชาการต่อสู้แฟนตาซี? พลังชี่? แล้วทำไมฉันต้องมาอยู่ในร่างที่ถูกเรียกว่า ‘ขยะ’ ด้วย!?” จิ่วเฉิน หรือตอนนี้คือจวินเสวียน คร่ำครวญอยู่ในใจ เมื่อเขามองมือที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นจากการถูกลงโทษเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไร้เหตุผล
ในช่วงแรก, เขาพยายามใช้ความรู้จากโลกเดิมเพื่อหาวิธีที่จะพัฒนาพลังวิญญาณ แต่โลกนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนสูตรทางเคมี เขาลองผิดลองถูก ทดลองปรุงยาตามตำราโบราณที่ขโมยมาได้จากหอสมุดของสำนัก ผลลัพธ์คือการระเบิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้เขาต้องถูกกักบริเวณหลายครั้ง
ความท้าทายและการค้นพบใหม่
หลังจากยอมรับความจริงที่ว่าเขาไม่สามารถเป็นเซียนหรือยอดยุทธ์ในชั่วข้ามคืนได้, จวินเสวียนจึงใช้สัญชาตญาณเก่าของเขากลับมา—ศิลปะแห่งการกลั่นและการหมัก
“ถ้าฉันเป็นนักสู้ที่ห่วยแตก... งั้นฉันก็จะเป็น สุดยอดนักกลั่นเหล้า ของยุทธภพนี่แหละ!”
ด้วยความรู้อันล้ำค่าจากโลกยุคปัจจุบัน, จวินเสวียนเริ่มใช้สมุนไพรและผลไม้ที่หาได้ในป่ารอบ ๆ สำนักมาทดลองต้มกลั่นและหมักอย่างลับ ๆ เขาใช้เวลาหลายปี (ในร่างนี้) เพื่อปรับปรุงสูตรและซ่อนกิจกรรมของเขาจากสายตาอันดูถูกเหยียดหยามของคนอื่น
เขาใช้ความรู้เรื่องการควบคุมอุณหภูมิและปฏิกิริยาทางเคมีอย่างชาญฉลาด แทนที่จะใช้พลังชี่ในการกลั่น เขากลับใช้การควบคุมไฟอย่างละเอียด ซึ่งเป็นทักษะที่เขาฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้ได้มาซึ่งผลผลิตที่ดีที่สุด
ผลลัพธ์ที่ได้คือ “สุราชำระดวงจิต” (ตามที่เขาตั้งชื่อเอง) – เหล้าที่มีรสชาติซับซ้อนและน่าทึ่งอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่เพียงแต่มีรสชาติดีกว่าเหล้าธรรมดาในตลาดถึงสิบเท่า, แต่ด้วยความบังเอิญทางสมุนไพรบางชนิดในส่วนผสม, มันกลับมีคุณสมบัติในการปลุกพลังชี่ที่ซ่อนอยู่และช่วยบรรเทาความเมื่อยล้าทางจิตวิญญาณได้อีกด้วย—แม้จะไม่แรงเท่าเม็ดยาเซียน, แต่มันก็เป็นสิ่งที่นักบำเพ็ญเพียรหลายคนจะยอมตายเพื่อแลกมา!
เขาเก็บเหล้านี้ไว้เป็นความลับสุดยอด, ซ่อนมันไว้ในถ้ำเล็ก ๆ ที่เขาขุดเองในภูเขาด้านหลังสำนัก เขาจะแอบนำมันมาจิบยามที่รู้สึกท้อแท้หรือคิดถึงโลกเก่า
จิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้และอารมณ์ขันที่รอดชีวิต
แม้จะต้องเผชิญกับการดูถูกเหยียดหยามอย่างต่อเนื่อง, จวินเสวียนไม่เคยสูญเสียอารมณ์ขันและจิตวิญญาณที่มองโลกในแง่ดีของ จิ่วเฉิน ไป
เขายิ้มง่าย, หัวเราะบ่อย, และมักจะตอบโต้คำดูถูกด้วยคำพูดที่ซื่อ ๆ และตลกขบขัน ซึ่งมักจะทำให้ผู้ที่เยาะเย้ยเขาต้องถอยไปเพราะความงุนงง
> “ไอ้ขยะ! แกยังกล้ายิ้มอีกเหรอ?” ศิษย์พี่คนหนึ่งเคยตะคอกใส่เขา
> จวินเสวียนยิ้มตอบอย่างร่าเริง: “แน่นอนครับ/ค่ะ ศิษย์พี่! ใบหน้าอันหล่อเหลาของข้าถูกออกแบบมาให้อารมณ์ดีอยู่แล้ว! ถ้าข้าทำหน้าบูดบึ้ง... ความหล่อของข้าจะลดลง 10% เลยนะ! ท่านคงไม่ต้องการให้ข้าทำลายความงามที่สวรรค์มอบให้มาใช่ไหมล่ะ?”
>
คำตอบแบบนี้มักจะทำให้ศิษย์พี่คนนั้นหงุดหงิดจนแทบกระอักเลือด แต่ก็ไม่สามารถลงมือทำอะไรเขาได้มากไปกว่านี้ เพราะคำพูดของจวินเสวียนไม่ได้เป็นการก้าวร้าว แต่เป็นการแสดงความมั่นใจในตัวเองที่ดูบ้าบิ่นจนน่าตลก
จวินเสวียนเรียนรู้ที่จะใช้ ‘ความไร้ค่า’ และ ‘ความตลก’ ของเขาเป็นโล่กำบัง เขาไม่ทะเยอทะยานที่จะเป็นคนเก่งที่สุด แต่ทะเยอทะยานที่จะเป็น คนที่สนุกที่สุด และ คนที่สบายที่สุด ในโลกใบนี้
ความปรารถนาเดียวที่ซ่อนอยู่ในใจของเขาคือการได้ออกไปจากสำนักแห่งนี้, ไปเห็นโลกกว้าง, และที่สำคัญที่สุด... เปิดโรงกลั่นเหล้าของตัวเอง!
เขาไม่รู้เลยว่าการเดินทางที่กำลังจะมาถึงนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการหลีกหนีจากความเบื่อหน่าย แต่เป็นการเริ่มต้นของนิยายรักต้องห้ามที่ถูกลิขิตไว้กับ... จอมมารผู้ยิ่งใหญ่