ตอนที่ 2 สามหนุ่มมาเฟีย

1654 Words
คิงส์ตันนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังดำขลับหลังโต๊ะทำงาน ไล่สายตาตรวจดูเอกสารของธุรกิจท่าเรือนำเข้าและส่งออก มือถือที่วางอยู่ใกล้กันก็ปรากฏแสงบนหน้าจอพร้อมกับอาการสั่น โชว์หราชื่อของคนที่โทรเข้ามา มาเฟียหนุ่มวางแฟ้มในมือลง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย เลื่อนขึ้นไปทาบข้างหู “ครับม้า” “อาเฉิง นี่งานของลูกยุ่งมากเลยเหรอ หรือลืมไปแล้วว่ายังมีป๊ากับม้าอยู่ที่ฮ่องกง” น้ำเสียงตัดพ้อของผู้เป็นแม่ดังขึ้น หากลูกชายเพียงคนเดียวของบ้านขาดการไปนานกว่าสองสัปดาห์ ก็จะเป็นฝ่ายโทรมาเองเหมือนอย่างครั้งนี้ และเฉิงก็เป็นชื่อเล่นที่มีเฉพาะคนในครอบครัวเท่านั้นที่เรียกแบบนี้ได้ “ช่วงนี้งานผมยุ่งมากครับ ท่าเรือกำลังจะมีสินค้าส่งออกล็อตใหญ่ ผมเลยต้องตรวจเช็กให้ละเอียด ม้าอย่าน้อยใจไปเลยนะครับ” “ยุ่งยังไงก็ควรจะหาเวลาโทรมาบ้าง” “ขอโทษครับ ต่อไปผมจะโทรไปหาบ่อย ๆ ม้าไม่ได้แค่จะโทรมาบ่นที่ผมไม่มีเวลาให้ใช่ไหมครับ” คิงส์ตันเอ่ยเข้าเรื่องทันที เขารู้ดีว่าการที่ผู้เป็นแม่โทรมาหาก่อนนั้น ไม่ได้มีเพียงแค่คิดถึงลูกชาย แต่มีอีกหนึ่งเรื่อง นั่นก็คือการดูตัว “สิ้นเดือนนี้ม้าได้นัดคนเอาไว้ที่ภัตตาคารเซียงหยง” “ใครอีกครับม้า” “ชื่อลี่หลิน อายุยี่สิบสี่ปี เป็นลูกสาวของเพื่อนม้าเอง น้องเพิ่งเรียนจบโทและกลับมาจากอเมริกา” “ม้าก็รู้ว่าธุรกิจของผมมันเสี่ยง และผมก็มีงานมากมายให้รับผิดชอบ ไม่มีเวลาออกไปเจอใครหรอกครับ” ไม่รู้ว่าเพื่อนของผู้เป็นแม่มีกี่คนกันแน่ นับตั้งแต่สองปีก่อนจนมาถึงปัจจุบัน แม่ของเขาก็ได้นัดหญิงสาวที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบสองปีไปจนถึงยี่สิบเจ็ดปีเพื่อให้เขาดูตัว ส่วนเขาก็มักจะหาข้ออ้างมาปฏิเสธ ไม่ว่าจะนัดกับผู้หญิงคนไหนเอาไว้ก็จะบอกว่าไม่ว่าง ไม่มีเวลา งานในความรับผิดชอบนั้นอันตรายต่อชีวิต ไม่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจไปให้ใครได้อีก นอกจากโฟกัสแค่เรื่องธุรกิจที่ทำ “ก็แค่ไปกินข้าวด้วยกันไม่ถึงชั่วโมง ลูกคงไม่ใจจืดใจดำปล่อยให้ผู้หญิงไปนั่งรอตามลำพังในห้องอาหารหรอกนะ ทำแบบนี้มันเสียมารยาทมากรู้ไหม อีกอย่างม้าก็สนิทกับเพื่อนคนนี้มาก อย่างน้อยก็ไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อ ลองไปทำความรู้จักกันก่อน ถ้าไม่ชอบจริง ๆ เดี๋ยวม้าค่อยหาคนอื่นไปให้ลูกใหม่” คิงส์ตันเงียบไปชั่วขณะ ไม่ว่าจะปฏิเสธอย่างไรก็ไม่อาจเอาชนะความต้องการของผู้เป็นแม่ได้ ท่านอยากให้ลูกชายแต่งงานและมีหลานให้อุ้มเร็ว ๆ ซึ่งความคิดนี้ไม่เคยมีอยู่ในหัวของมาเฟียหนุ่ม อนาคตของเขาไม่เคยมีคำว่าคู่ชีวิต เพราะความรักมันเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ และทำให้ใจของคนอ่อนแอ ไร้ความเด็ดขาด เมื่อเห็นว่าลูกชายเงียบไปหลายวินาที เสียงของผู้เป็นแม่ก็ดังขึ้น “อาเฉิง ได้ยินที่ม้าพูดไหม” “ได้ยินครับ” “งั้นตกลงตามนี้นะ สิ้นเดือนนี้ลูกไปหาลี่หลินที่ภัตตาคารเซียงหยง เวลาเที่ยงตรง ยังไงลูกก็ต้องไปให้ได้ แล้วก็ห้ามไปสายล่ะ” “ครับ” ผู้เป็นแม่ได้ในสิ่งที่คาดหวังก็วางสายไป มือหนาเลื่อนโทรศัพท์ออกจากหูพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะเอ่ยเรียกลูกน้องคนสนิทเข้ามาหา “เรื่องที่สั่งให้ไปจัดการ เรียบร้อยรึยัง” “ครับนาย คืนนี้สองทุ่มผมจะพามาหา” เพลิงเอ่ยตอบ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป คืนนี้สามหนุ่มมาเฟียเจ้าของธุรกิจสีเทาที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในแถบเอเชีย ได้นัดรวมตัวกันที่ผับของคิงส์ตัน เพื่อนสนิทผู้ร่วมก่อตั้งแก๊ง Dragon Demon ร่วมกับเขาอีกสองคน ก็คือราชัน นักค้าอาวุธเถื่อนซึ่งเปิดธุรกิจนำเข้ารถหรูบังหน้า และสิงห์ เจ้าของบ่อนคาสิโนและอาบอบนวดทั้งในไทยและฮ่องกง หลังจากได้รับรายงานว่ามีรถหรูเข้ามาจอดด้านหลังผับ ซึ่งเป็นที่จอดเฉพาะรถของพวกเขาเท่านั้น คิงส์ตันก็ได้สั่งให้คนไปเตรียมเครื่องดื่มขึ้นมาบนห้องทำงาน มาเฟียหนุ่มเจ้าของสถานที่ลุกออกจากเก้าอี้หนังล้อเลื่อน ย้ายไปนั่งบนโซฟาราคาแพงที่ตั้งวางไว้กลางห้องทำงานที่รายล้อมด้วยผนังปูนครึ่งหนึ่ง กระจกสีดำครึ่งหนึ่ง มีเพียงคนด้านในที่มองเห็นบรรยากาศภายนอกทั้งสองชั้นของผับ บุคคลอื่นไม่สามารถมองทะลุกระจกเข้ามาเห็นความเคลื่อนไหวของคนด้านในได้ มือหนาคีบน้ำแข็งปล่อยลงในแก้วสีใส ก่อนจะเทวิสกีนำเข้าลงไปครึ่งแก้ว ยกขึ้นกวัดแกว่งไปมาเพื่อให้ความเย็นเคล้าเข้ากับดีกรีของน้ำเมา จากนั้นก็ยกจรดริมฝีปากกระดกลงคอไปอึกใหญ่คล้ายกับเรียกน้ำย่อย ไม่นานนักประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามา ปรากฏร่างหนุ่มหล่อมาดนิ่งที่เพิ่งกลับมาจากคุยธุรกิจที่ประเทศญี่ปุ่น “เดินหน้าบึ้งเข้ามาเลยนะมึง” ราชันมาถึงเป็นคนแรก หลังจากปิดประตูก็เข้ามานั่งโซฟาอีกตัว พร้อมกับเลื่อนมือออกไปรับแก้วน้ำสีอำพันที่คิงส์ตันเป็นคนยื่นให้ “มึงเสือกแนะนำใครมาให้กู แม่งทำกูเสียเวลาฉิบหาย” ราชันพูดจบก็ยกแก้วจรดริมฝีปากเงยหน้ารับน้ำเมาลงคอจนหมดแก้ว ก่อนจะหยิบซิกกาในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาจุดสูบเพื่อระบายความหงุดหงิด ทั้งสองหนุ่มได้นั่งพูดคุยกันถึงเรื่องที่ราชันเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อเจรจาข้อสัญญากับเจ้าของท่าเรือที่นั่น แต่ทว่าผลการเจรจาในครั้งนี้ล้มเหลว แถมเพื่อนยังไปขู่ว่าจะถล่มท่าเรือจนทางนั้นออกอาการกลัวจนหัวหด “งั้นคืนนี้มึงอยากระบายอารมณ์สักหน่อยไหม กูให้คนเตรียมเด็กเอาไว้ให้ละ” คิงส์ตันรู้ดีว่าวิธีนี้นั้นได้ผลกับหนุ่มหล่อและยังโสดอย่างราชัน ได้ปลดปล่อยเสียหน่อย อารมณ์ขุ่นเคืองที่ระงับไว้ในอกจะได้คลายลงบ้าง ในขณะที่เพื่อนไม่ปฏิเสธเขาจึงออกคำสั่งกับลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่ด้านนอกให้พาสาวสวยเข้ามาข้างใน ไล่หลังหญิงสาวที่เขาสั่งให้ลูกน้องจัดหามาให้กับราชัน ก็มีมาเฟียอีกคนเดินตามกันเข้ามาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลอยู่ในใจ “อ้าวไอ้สิงห์ เดินหน้าตึงมาแบบนี้ธุรกิจมีปัญหาหรือว่าเป็นเพราะเรื่องผู้หญิง” คิงส์ตันลองคาดเดาจากสีหน้าของเพื่อน แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับนิ่งเงียบไปชั่วครู่ เดินเข้าไปคว้าขวดไวน์ซึ่งวางอยู่บนตู้มาไว้ในมือ ก่อนจะหย่อนก้นลงโซฟาที่ยังว่างอีกตัว เทไวน์ใส่แก้วแล้วกระดกดื่มติด ๆ กันจนน่าแปลกใจ “กูกำลังจะแต่งงาน” ประโยคของสิงห์ทำเอาเพื่อนทั้งสองคนหันมาจ้องเขาอย่างพร้อมเพรียง “มึงจะแต่งกับใคร อย่าบอกนะว่าคนที่ไปเจอกันที่ฮ่องกง” คิงส์ตันนึกสงสัยว่าเป็นผู้หญิงคนไหนกันที่ทำให้สิงห์ยอมเปิดใจ แล้วคิดถึงเรื่องอนาคต “อือ” สิงห์ขานรับในลำคอ ก่อนเอ่ย “แต่พวกมึงอย่าคิดว่ากูรักผู้หญิงคนนั้น กูแต่งเพราะมันจำเป็นต่างหาก” “แล้วจะแต่งกันเมื่อไหร่” ราชันถามต่อ “คงเร็ว ๆ นี้” สิงห์เอ่ยตอบสั้น ๆ ก่อนจะละสายตาจากแก้วไวน์ เบี่ยงสายตามองใบหน้าของเพื่อนทั้งสองสลับกัน แล้วเป็นฝ่ายตั้งคำถามบ้าง “แล้วพวกมึงสองคนล่ะ ดูเหมือนชีวิตจะราบรื่นมากเลยนะ” “ราบรื่นห่าอะไร กูเพิ่งบ่นกับไอ้คิงส์ตันไปหยก ๆ เรื่องท่าเรือที่ญี่ปุ่น” ราชันขมวดคิ้วเป็นปม เลื่อนมือไปหยิบแก้ววิสกีที่สาวสวยเตรียมไว้ให้กระดกลงคอไปหลายอึก “แล้วมึงล่ะ” สิงห์หันไปถามคิงส์ตัน “เรื่องธุรกิจไม่มีปัญหา แต่กูกำลังลำบากใจกับม้าของกูนี่แหละ” คิงส์ตันกลืนน้ำเมาลงคอ ก่อนจะวางแก้วลงกระแทกโต๊ะพลางถอนหายใจ เรื่องงานในแต่ละวันผ่านพ้นไปด้วยดี ศัตรูมีบ้างแต่ก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้เขาหนักใจ แต่ทว่ากับเรื่องของผู้เป็นแม่นั้นทำเอามาเฟียอย่างเขาถึงกับไปไม่เป็น พอขัดใจเข้าหน่อยท่านก็น้อยใจแล้วก็หาว่าเขาไม่รัก “หึ มึงก็เลือกสักคนให้ม้าของมึงชื่นใจดิวะ” ราชันกระตุกยิ้มมุมปาก เอ่ยแซวเพื่อนที่ถูกผู้เป็นแม่หาคู่ดูตัวมาให้ไม่เว้นว่างในแต่ละเดือน แต่ทว่าคิงส์ตันก็ยังหนักแน่น ไม่หวั่นไหวกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น ไม่ต่างจากสิงห์ที่ลอบขำในลำคอ เพราะทั้งคู่นั้นรับรู้เรื่องนี้มาโดยตลอด “เลิกพูดเรื่องกูดีกว่า แค่นี้กูก็ปวดหัวจะแย่อยู่ละ เรื่องม้ากูเอาไว้ก่อน กูมีวิธีจัดการ” คิงส์ตันเอ่ยตัดบทเพราะไม่อยากทำให้เสียบรรยากาศ นาน ๆ ทีพวกเขาจะได้มารวมกลุ่มกันอย่างพร้อมหน้า ดังนั้นพากันคุยเรื่องอื่นและดื่มด่ำกับน้ำเมายังจะดีกว่าพูดเรื่องส่วนตัวของเขาให้เสียอารมณ์
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD