“ไฮ! พลอยใส”
“คะ!?” นาวาเป็นอีกคนที่ยืนยิ้มแฉ่งรอเด็กเส้นใหญ่กลับมาซ้อมการแสดงสำหรับโชว์รอบต่อไป
ไม่รู้ไปทำอีท่าไหนพ่อของเขาถึงสั่งทีมงานให้ดูแลพลอยชมพูประดุจเจ้าหญิง
“ผมได้ยินใครๆ เขาก็เรียกคุณแบบนี้”
“อ้อ...” ฉายาที่คนอื่นยกย่อง
‘พลอยใสแต่ไม่ใสนะคะ นางร้ายไม่เบา’
“จริงๆ เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องทำให้ใหญ่เลยนะครับ ทำไมไม่มาปรึกษาผมก่อนล่ะครับ ไม่เห็นต้องไปรบกวนพ่อผมเลย ท่านแก่แล้ว วางมือแล้ว แล้วพ่อผมเวลาจะเอาอะไรก็ไม่เคยธรรมดาแบบคนทั่วไปเสียด้วย คนเลยรู้ทั้งบริษัทว่าใครสั่งให้คุณกลับเข้ามาซ้อมอีกครั้ง” นาวาเองก็พร้อมดึงพลอยกลับมา
การหักหน้าน้องชายและบิดาคืองานถนัดเช่นกัน
“พลอยไม่รู้จริงๆ ค่ะ พลอยนึกว่าคุณวาวสุไล่พลอยออกจากการประกวดแล้ว”
“เดี๋ยวนะ! เมื่อกี้เรียกท่านประธานว่าอะไรนะ”
“คุณ วาว สุ”
ฮาๆๆ
นาวาหัวเราะลั่น “รู้แหละว่าที่มันโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเพราะเรื่องอะไร” คนเป็นพี่ชายยกยิ้ม นึกถึงเรื่องนี้ทีไรเป็นต้องขำจนท้องแข็ง
“หัดไปทำการบ้านมาบ้างนะพลอยชมพู หัดหาข้อมูลที่อาจจะเป็นประโยชน์กับชีวิตคุณบ้างนะ เพราะไอ้ความไม่รู้เรื่องรู้ราวของคุณเนี้ยมันทำให้คนอื่นเขามองว่าคุณแอ๊บ ส่วนผมเนี้ย มองว่าคุณซื่อบื้อดี น่ารัก”
“ฮะ!?” สมองน้อยๆ เร่งประมวลผลอีกครั้ง
พลอยชมพูรู้ว่าตัวเองไม่ค่อยทันคนนัก หัวช้า เข้าใจอะไรยากกว่าคนอื่นแต่ก็ไม่ได้โง่ แค่ต้องการเวลาคิดทบทวนก่อนว่าสิ่งที่เข้ามากระทบมันดีหรือร้าย
“เห็นแก่ความบื้อของคุณผมจะใบ้ให้ ชื่อประธานของเราอ่านว่า วา-วะ-สุ เรียกให้ถูกจะได้ไม่โดนไล่ออกอีก แล้วอีกอย่าง! มันเกลียดคนที่เรียกชื่อมันผิดมากๆ เพราะชื่อนี้แม่ของมันเป็นคนตั้งให้”
“มะ แม่ของมัน...”
อีกหนึ่งข้อมูลที่พลอยต้องเอาไปทำการบ้าน
หญิงสาวเริ่มค้นหาชีวประวัติของประธานบริษัทท็อปวันแล้วจึงได้รู้ความจริงส่วนหนึ่งที่เธอไม่เคยคิดจะศึกษา
นายมานพ อำพลวิสุทธิ์ หัวเรือหลักผู้ก่อตั้งท็อปวันเรคคอร์สเมื่อประมาณสี่สิบปีก่อน เดิมทีเขาคือนักร้องคาเฟ่ที่มีความฝันอยากเป็นศิลปิน มีผลงานเพลงเป็นของตัวเองแต่เพราะอีโก้สูงและไม่อยากอยู่ภายใต้สังกัดใดจึงหันมาเขียนเพลง,เล่นและร้องเอง แต่ในสมัยนั้นนักร้องไร้สังกัดจะโด่งดังมีชื่อเสียงไม่มีทางเป็นไปได้ มานพและเพื่อนๆ ที่มีความฝันแบบเดียวกันจึงร่วมทุนก่อตั้งบริษัทเล็กๆ แต่งเนื้อเอง ทำทำนองเอง ร้องเองและขายเองแบบครบวงจร
พอกิจการเริ่มก้าวหน้าก็ค้นหาผู้มีฝันแบบเดียวกันและผลิตศิลปินหน้าใหม่ขึ้นมาประดับวงการ
และหนึ่งในตัวทำเงินสร้างชื่อเสียงและรายได้ให้กับท็อปวันก็คือนักร้องลูกทุ่งสาวเสียงดี แต่เธอออกผลงานเพลงได้ไม่กี่อัลบั้มจากนั้นก็เงียบหาย
ท็อปวันเรคคอร์สแอนด์เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ใช้เวลาสิบปีสร้างความเจริญเติบโตก้าวหน้ามาเรื่อยๆ จนกลายเป็นค่ายเพลงใหญ่ในประเทศและค่อยๆ หันมาจับงานอื่นในวงการมากขึ้น มีบริษัทในเครือมากมายและพนักงานใต้บารมีอีกนับไม่ถ้วน
พลอยชมพูอ่านชีวประวัติคุณมานพและภรรยาคนปัจจุบัน ทั้งคู่มีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคนคือวาวสุ อำพลพิสุทธิ์ ส่วนนาวาคือลูกชายคนแรกกับภรรยาเก่านั่นก็คืออดีตนักร้องสาวสวยดาวรุ่งพุ่งแรงอนาคตไกลที่จู่ๆ ก็หายไปจากวงการเพลงลูกทุ่งเมื่อสามสิบปีก่อนคนนั้น
พวกเขาเป็นพี่น้องพ่อเดียวกันแต่คนละแม่
น่าแปลก! ที่น้องคนเล็กกลับครองตำแหน่งประธานบริษัท ส่วนพี่ชายคนโตกลับรั้งตำแหน่งรองประธาน
“ทำอะไรอยู่พลอย” พอไม่มีงานพิเศษมารินก็อยู่บ้านไม่ต้องทิ้งลูกสาวให้อยู่บ้านลำพังยามดึกเหมือนที่ผ่านมา คนเป็นแม่ไม่เคยสอนการบ้าน พาลูกเข้านอนหรือกินข้ามร่วมกันตั้งแต่พลอยขึ้นชั้นมัธยม
“แม่รู้ใช่มั้ยค่ะ ว่าคุณมานพต้องการอะไรจากพลอย” หญิงสาวไม่ได้ตอบคำถามนั้น เธอนั่งหาข้อมูลประวัติบ้านเจ้าของค่ายแล้วเจอข้อมูลมากมาย ข่าวคาวซุบซิบจิกกัดวีรกรรมผู้ชายบ้านนี้จนเริ่มปวดหัว
“มันมองพลอยตาเป็นมันแต่ไม่รู้จักเจียมสังขาร ทำไมแม่จะไม่รู้”
“แล้วแม่ยังจะให้พลอย...” ลูกสาวกระดากอายที่จะพูดถึง เรื่องน่ารังเกียจพวกนั้นเธอต้องทำใจยอมรับว่ามันคือเรื่องปกติอย่างนั้นหรือ
“รู้มั้ยทำไมเหาฉลามถึงต้องเป็นเหาฉลาม” มารินไม่ได้ตอบคำถามลูกสาวตรงๆ เช่นกัน
บทเรียนบางอย่างก็ไม่อาจสอนกันตรงๆ ให้เข้าใจได้
“เพื่อให้มันปลอดภัยจากสัตว์อื่นค่ะ”
“พลอยคิดว่ามันอยากเป็นแบบนั้นมั้ย ท้องทะเลกว้างใหญ่มีอะไรให้สำรวจตั้งมากมาย ถ้าเป็นพลอย...พลอยอยากเป็นเหาฉลามแบบนั้นมั้ย”
“คงไม่ค่ะ...”
“นั่นแหละ! วิธีการเอาตัวรอดเพื่อให้มีชีวิตต่อไปได้ พลอยจะเลือกเป็นเหาฉลามที่ต้องรอคอยกินของเหลือจากสัตว์ใหญ่แล้วต้องติดตามมันไปทุกทีทั้งๆ ที่ไม่อยากไปมั้ย หรือพลอยอยากจะออกไปเผชิญโลกกว้างตามลำพังแล้วเสี่ยงเป็นอาหารให้กับนักล่าตัวอื่นๆ”
“พลอยอยากทำสิ่งที่พลอยรักค่ะแม่ แต่พลอยรู้ตัวว่าตัวเองไม่แข็งแรงพอจะเผชิญโลกภายนอกคนเดียวได้” หญิงสาวรู้ความต้องการของตัวเองดีและยังรู้จักตัวตนที่แท้จริงมากกว่าใคร
เธอขี้อาย หัวช้า เข้าใจอะไรยากและย้ำคิดย้ำทำ แต่ดนตรีและการขับร้องเป็นสิ่งเดียวที่ทำได้ดีที่สุด
ตัวตนของเธอในด้านนี้เป็นเสมออีกบุคลิกที่เต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง เป็นดั่งโลกอีกใบที่พลอยสามารถเปล่งประกายเฉิดฉายได้อย่างเต็มที่
“แม่อยู่กับพลอยไปตลอดชีวิตไม่ได้ แต่แม่จะตายตาหลับได้ยังไงถ้าพลอยเป็นแบบนี้ อย่างพลอยจะดูแลตัวเองได้เหรอถ้าโดนคนใจร้ายรังแก ต่อให้โดนคนอื่นเห็นแก่ตัว เอาเปรียบก็คงยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ถ้าแม่ตายไปใครจะคอยปกป้องเราฮึ”
พลอยชมพูเม้มปากเม้มแน่นเธอไม่ใช่คนโง่บรมขนาดนั้น แต่เวลาที่โดนคนร้ายกาจใส่ก็ไม่จำเป็นต้องตอบโต้เขาด้วยวิธีร้ายๆ
ก็แค่เอาตัวเองออกมา อยู่ในห่างคนประเภทนั้นเพราะคนหัวช้าอย่างเธอก็ไม่รู้วิธีการต่อกรพวกนั้นยังไง
“แม่ต้องอยู่กับพลอยไปนานๆ ให้พลอยได้มีโอกาสตอบแทนแม่บ้างนะคะ”
“เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะพลอย ถ้าตัวเองยังเป็นที่พึ่งให้ตัวเองไม่ได้ ยังเอาตัวรอดเวลาออกไปเผชิญโลกภายนอกไม่ได้ก็เลิกเพ้อเจ้อเถอะว่าตัวเองจะเป็นที่พึ่งให้คนอื่น” มารินพูดแรงกระแทกใจลูกสาวอย่างจังจนเธอน้ำตาไหล หากก่อนหน้านี้มีเวลาใกล้ชิดสั่งสอนลูกด้วยตัวเอง พลอยชมพูอาจไม่เปราะบางและซื่อบื้อแบบนี้ มารินคอยสยายปีกปกป้องและประเคนโลกสวยงามกับทุ่งลาเวนเดอร์ให้ลูกสาวมาตลอด แต่ปีกของแม่ไม่กว้างพอจะปกปิดโลกทั้งใบได้เมื่อถึงคราวที่ลูกสาวเธอต้องออกไปพบกับความจริงข้างนอก พลอยชมพูจึงกลายเป็นเด็กอ่อนหัดไม่ทันคนและไม่ชินกับสิ่งเลวร้ายเบื้องหลัง
“แม่ไม่ได้พูดเล่นนะพลอย แม่ได้บังคับให้ลูกแม่ต้องไปทำอะไรแบบที่ไอ้บ้ากามนั่นมันต้องการ แม่ไม่สนับสนุนให้พลอยลงประกวดด้วยซ้ำ แต่ถ้านี้คือความฝันของพลอยและถ้าพลอยมั่นใจว่าตัวเองสามารถชนะการประกวดครั้งนี้ได้ เรื่องนั้นพลอยก็ตัดสินใจเอง”
“แต่พลอยต้องเป็นผู้หญิงของเขา...”
“แม่รู้” มารินยกมือปิดหน้า ไม่ช้าน้ำตามารดาก็หลั่งไหลออกมาเหมือนน้ำป่าทะลักในฤดูฝน มันปวดใจที่รู้ทั้งรู้แต่...ก็ทำได้เท่านี้
ทำได้แค่ทำใจยอมรับ
“พลอยต้องยอมเป็นผู้หญิงของคุณท่าน...”
“มองในแง่ดี พลอยจะได้สุขสบาย ไม่ต้องมีชีวิตลำบากแบบแม่ไง มันเหนื่อยมากๆ เลยนะลูกความจนมันน่ากลัวเหลือเกิน” มารินลูบศีรษะลูกสาวตัวน้อยในสายตาของเธอ ตลอดสิบแปดย่างสิบเก้าปีเธอทุ่มสุดตัวเพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกสาวแต่มันก็ยังไม่ใกล้เคียงคำว่าเพียงพอ
มิหนำซ้ำในวันนี้มารินกลับแนะนำให้พลอยชมพูเอาตัวลงไปคลุกกับโคลนตม