“ไข่พะโล้กับพี่ข้างบ้าน“

1564 Words
“ป้าสุคะ! แม่ให้เอาไข่พะโล้มาให้ค่ะ!” เสียงหวานๆ ดังลั่นอยู่หน้ารั้วบ้านข้างๆ น้ำหวานในชุดอยู่บ้านสบายๆ ยืนถือถ้วยกับข้าวส่งกลิ่นหอมกรุ่นอยู่ในมือ เด็กสาวตัวเล็ก หน้าตาน่ารักสดใส ตะโกนเรียกป้าสุเพื่อนบ้านที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เกิด “โธ่…แม่น้องน้ำหวานนี่ก็จริงๆ เลย ป้าบอกกี่รอบแล้วว่าไม่ต้องเผื่อกับข้าว ป้าเกรงใจ” เสียงของ ป้าสุ ดังขึ้นจากในบ้าน ก่อนร่างของหญิงวัยกลางคนจะเดินออกมาเปิดประตูรั้วยิ้มๆ เธอเป็นเพื่อนสนิทของแม่ฉันเอง บ้านเราอยู่ติดกันมาตั้งแต่สมัยเรียน และที่สำคัญ…ฉันเคยแวะเวียนมาบ้านนี้แทบทุกวันตอนเด็กๆ เพราะมี พี่หมอก ลูกชายของป้าเป็นเพื่อนเล่นประจำ แต่ตอนนี้น่ะเหรอ? ไม่กล้าคุยด้วยแล้วค่ะ… “ฮ่าฮ่า แม่ไม่ฟังหรอกค่ะ ป้าสุก็รู้นิสัยดี” น้ำหวานยิ้มกว้าง ก่อนยื่นถ้วยให้ “งั้นเย็นนี้เดี๋ยวป้าให้ เจ้าหมอก เอาถ้วยไปคืนให้ ตอนนี้น่าจะยังไม่ตื่นหรอกมั้ง” ได้ยินชื่อเขา น้ำหวานก็เกือบสะดุดเท้าตัวเอง หมอก ลูกชายป้าสุ ผู้ชายที่โตมาด้วยกัน แต่ตอนนี้ทั้งนิ่ง ทั้งหยิ่ง และไม่รู้ทำไมถึงชอบทำหน้าเหมือนฉันไปแย่งที่นั่งหน้าห้องเขา ตอนเด็กน่ะนะ ใจดีจะตาย เล่นด้วยกันทุกวัน แต่ตอนนี้? สายตาพี่แกคือถ้าตบหน้าฉันได้ก็คงตบแล้ว “อ่อ ถ้างั้น…โอเคค่ะ ฝากขอบคุณป้าด้วยนะคะ น้ำหวานไปก่อนนะ” “จ้า~ ฝากขอบคุณแม่ด้วยนะลูก” ——— “เสียงดังชิบหาย…” เสียงทุ้มต่ำพึมพำอย่างหัวเสียดังขึ้นใต้ผ้าห่ม หมอก ลุกพรวดขึ้นมาพร้อมขยี้ผมแรงๆ อย่างหงุดหงิดเพราะไอ้เสียงใสๆ ของเด็กข้างบ้านนั่น มันทะลุทะลวงเข้าหูเขาทุกเช้า เขาคว้ากางเกงวอร์มใส่ลวกๆ ก่อนจะเดินลงมาข้างล่างด้วยสีหน้าเซ็งจัด “แม่ มีอะไรกินบ้างอะ?” “แหม! พ่อลูกเทวดา ตื่นปุ๊บหิวปั๊บเลยนะเรา” หมอกยกคิ้วข้างหนึ่ง เหมือนจะไม่เข้าใจว่าผิดตรงไหนก่อนจะตอบเสียงนิ่งๆ ว่า “ก็ผมเรียนหนัก ไหนจะโปรเจ็กต์ ไหนจะกิจกรรม ปีนี้ขึ้นปีสามแล้วนะ จะจบอยู่ละ” “จ้าๆ ลูกชายคนเก่ง…” แม่ตอบพร้อมยิ้ม ก่อนยื่นถ้วยไข่พะโล้ให้ “เมื่อกี้น้ำหวานเอามาฝาก กินเลย จะได้หายหงุดหงิด” มือใหญ่รับถ้วยมาก่อนวางลงโต๊ะ มองมันนิ่งๆ แล้วปรายตามองออกไปยังบ้านข้างๆ ที่ตอนนี้กลับเงียบไปแล้ว “ยัยตัวแสบ…” เขาพึมพำเบาๆ ก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมาตักไข่พะโล้เข้าปากโดยไม่รู้ตัวเลยว่า…เขายิ้มอยู่ ——— “กลับมาเร็วจัง เจอพี่เขาไหมล่ะ?” เสียงแม่ดังขึ้นทันทีที่ฉันก้าวเท้าเข้าบ้าน ฉันเลิกคิ้วใส่แม่อย่างไม่เข้าใจ “เจออะไรละแม่ แล้วทำไมต้องเจอเขาด้วยล่ะ ไม่ได้สนิทกันสักหน่อย” แม่หัวเราะในลำคอ ก่อนพูดแบบคนรู้ดี “ไม่สนิทอะไรกัน ทีตอนเด็กๆ วิ่งจับพี่หมอกเขาเป็นลูกหมาอยู่ทุกวัน” ฉันเบ้หน้าอย่างหมั่นไส้ตัวเองในอดีต “ก็นั่นมันตอนเด็กนี่คะ ตอนนี้หนูโตแล้วเถอะ” “แม่ก็แค่อยากให้เจอกันไว้หน่อย ไหนๆ ก็เรียนมหาลัยเดียวกันกับพี่เขา แถมยังอยู่คณะวิศวะเหมือนกันอีก เผื่อเขาจะแนะนำอะไรได้บ้าง” “หนูเรียนภาคคอมฯ ไม่ได้เรียนภาคไฟฟ้าเหมือนเขาสักหน่อย แนะนำอะไรไม่ได้หรอกแม่” ฉันตอบพลางยกมือกอดอก ก่อนจะเดินหนีเข้าห้องครัว “โอ๊ย! ยายคนนี้ เถียงคำไม่ตกฟากเลยนะ!” แม่ตะโกนไล่หลังมา “ไปๆ ขึ้นไปเก็บข้าวของได้แล้ว พรุ่งนี้มหาลัยเปิดแล้ว ยังทำตัวขี้เกียจอีก!” ฉันหันไปแลบลิ้นใส่แม่หนึ่งที ก่อนจะเดินขึ้นห้อง หัวใจดันเต้นแรงขึ้นมานิดหน่อย…กับคำว่า “เจอพี่เขาไหมล่ะ” ของแม่เมื่อกี้ ถึงจะไม่อยากยอมรับก็เถอะ แต่แค่ได้ยินชื่อ “หมอก” …ก็รู้สึกแปลกๆ ทุกทีเลย ——— เช้าวันถัดไป__ “แม่! หนูไปก่อนนะ เดี๋ยวไม่ทันลงทะเบียนรับน้อง!” ฉันตะโกนลั่นทั้งบ้านก่อนวิ่งพรวดออกมาอย่างไม่คิดชีวิต แหม…วันเปิดมหาลัยวันแรกทั้งที ใครจะใจเย็นกันล่ะ!ยิ่งคณะวิศวะที่ฉันสอบติดนี่ ขึ้นชื่อเรื่องรุ่นพี่โหดสุดในสามโลก แต่ก็หล่อสุดในจักรวาลเหมือนกัน อะแฮ่ม…อันนี้ฉันแอบได้ยินมาจากในกลุ่มเฟรชชี่ สนามหญ้าหน้าคณะครึกครื้นไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงเรียกชื่อ และเสียงกรี๊ดกร๊าดของเฟรชชี่หญิงชาย แต่ละคนเหมือนพยายามกลืนความตื่นเต้นของตัวเองไว้ใต้หน้ากากมั่นใจ ฉันยืนเก้ๆ กังๆ มองป้าย “ลงทะเบียนวิศวกรรมคอมพิวเตอร์” แล้วรีบเดินไปต่อแถว แต่ยังไม่ทันได้หยิบปากกา เสียงหวานๆ ก็ดังขึ้นข้างหู “นี่ ปีหนึ่งเหมือนกันใช่ปะ?” ฉันหันไปเจอผู้หญิงผมตรงยาวในชุดนักศึกษาพอดีตัว หน้าเฉยๆ แต่นัยน์ตาดูแสบใช่ย่อย “ใช่ ฉันน้ำหวานนะ” ฉันยิ้มรับ “แบมแบม” เธอตอบสั้นๆ แล้วเสริม “ฉันไม่ค่อยชอบคุยเล่นเท่าไหร่ แต่เธอหน้าดูไว้ใจได้เลยเดินมาทัก” “เอ่อ…ขอบคุณ?” ฉันหัวเราะแห้งๆ ยังไม่ทันจะตอบอะไรเพิ่ม เสียงสดใสอีกเสียงก็ดังขึ้น “โอ๊ยยยยย แถวนี้คนหน้าตาดีเพียบเลยว่ะ!! ฉันนุ่นนะ เธอล่ะ?” อีกคนโผล่มาจากด้านหลัง แววตากระตือรือร้นแบบพร้อมมีเรื่องได้ทุกเวลา “เราน้ำหวาน” ฉันยิ้มกว้าง แค่ไม่กี่นาที ฉันก็ได้เพื่อนใหม่สามคน แบมแบม นุ่น และอีกคนที่เดินมาเติมคือ แจม เด็กสาวผมสั้นแววตาจิกสุดพลัง “โอเค! แก๊งนี้ท่าจะมันส์” แจมหัวเราะ แล้วกอดคอพวกเราทุกคน ฉันได้แต่ยิ้มหัวเราะออกมาแห้งๆอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ดีเหมือนกัน มีเพื่อนเร็วแบบนี้ ในขณะที่เดินผ่านหน้าตึกวิศวะใหญ่ จังหวะนั้นเองที่สายตาฉันเผลอไปปะทะเข้ากับใครบางคนที่กำลังเดินสวนมา …พี่หมอก พี่ข้างบ้านที่เคยเล่นจับหมาในวัยเด็ก แต่ตอนนี้กลับนิ่ง เท่ ขาว สูง ใส่ชุดนักศึกษาพอดีเป๊ะแบบไม่ต้องพยายามอะไรเลย เขาหันมามองฉันแค่เสี้ยววินาที ก่อนจะเบือนหน้าไป…หน้าตายเหมือนเดิมเป๊ะ “หมั่นไส้!!” ฉันเผลอพึมพำออกมา “ใครวะ?” นุ่นถามเสียงดัง “ไม่มีๆๆๆ คนรู้จักแถวบ้านน่ะ!” ฉันรีบพูดกลบเกลื่อน ก่อนเดินเร็วแทบวิ่งหนีสถานการณ์ ใครจะไปคิดล่ะ…ว่าเปิดเทอมวันแรก จะต้องมาเจอ “พี่ข้างบ้าน” ที่ไม่เคยยิ้มให้เลยสักครั้ง! ——— หลังจากพวกฉันลงทะเบียนเสร็จ ก็คาบเรียนแรกเลยทันที โชคดีที่เป็นวันเปิดเทอมวันแรก เลยยังไม่มีอาจารย์มาสอนจริงจัง ส่วนใหญ่ก็เป็นการแนะนำตัวกับพูดถึงภาพรวมของรายวิชาเสียมากกว่า ฉันนั่งฟังไป หาวไป พยายามไม่ให้หลับ เพราะเมื่อคืนดันนอนดึกจากความตื่นเต้น จนกระทั่ง…เสียงสวรรค์ก็ดังขึ้น พักเที่ยง! ฉันกับกลุ่มเพื่อนใหม่รีบคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องทันที ยังไม่ทันได้ตกลงว่าจะกินอะไรกันดี เสียงเข้มๆ แบบห้าวๆ ก็ดังขึ้นจากข้างหลัง “เฮ้! พวกมึง ขอไปกินข้าวด้วยดิ กูเมย์” พวกฉันหันไปตามเสียง ก็เห็นเด็กสาวอีกคนเดินตรงมาหา รูปร่างสูงเพรียว ท่าทางทะมัดทะแมง ผมรวบตึง แต่งตัวเรียบๆ แต่มีพลังงานแบบ “เพื่อนห้องเชือด” เต็มพิกัด “ได้สิ! มาเลย กำลังจะไปอยู่พอดี” นุ่นเป็นคนตอบกลับด้วยท่าทีร่าเริง “แกภาคคอมใช่มั้ย?” แจมหรี่ตามอง “อือ ห้องเดียวกับพวกแกเลยมั้ง เห็นหน้าคุ้นๆ” เมย์ตอบแล้วแทรกเข้ามาเดินเคียงข้างพวกเราเหมือนอยู่กลุ่มกันมานาน เมื่อพวกฉันเดินมาถึงศูนย์อาหารกลางของมหาลัย ภาพแรกที่เจอก็คือ… คนเยอะมากกกก “โห คนเยอะฉิบหาย จะมีโต๊ะให้นั่งมั้ยเนี่ย…” นุ่นบ่นออกมาพลางเอามือพัดหน้าตัวเองไปด้วย “เออ แล้วนี่มันร้อนอะไรขนาดนี้วะ มหาลัยมีหลังคาก็เหมือนไม่มี” เมย์เสริมเสียงเหนื่อย “เอางี้ เดี๋ยวกูโทรหาพี่กูก่อน เผื่อเขาอยู่แถวนี้แล้วจองโต๊ะไว้ให้” แจมพูดพลางควักโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ทันทีอย่างมีความหวัง ฉันหันไปสบตากับแบมแบมที่ยืนอยู่ข้างๆ “แจมมันมีพี่ชายอยู่คณะนี้ด้วยหรอวะ?” แบมแบมกระซิบถาม น้ำเสียงยังฟังดูสงสัยปนระแวง “ไม่รู้ดิ มึงกับกูก็พึ่งจะรู้จักมันตอนเช้านี้เองป่ะ” ฉันตอบไปพร้อมกับยักไหล่เบาๆ พลางกวาดตามองหาที่นั่งว่างอย่างไม่มีความหวัง “แก๊งเรานี่น่าสงสัยกันทุกคนเลยนะ” แบมแบมพึมพำอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มมุมปากแบบเจ้าเล่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD