เสียงจอแจในโรงอาหารกลางดังอื้ออึงไปทั่ว พัดลมเพดานตัวใหญ่หมุนเอื่อย ๆ อย่างหมดแรง ท่ามกลางแดดยามเที่ยงที่ร้อนเหมือนจะละลายพื้นปูนให้เป็นไอ น้ำหวานยืนพัดหน้าตัวเองเบา ๆ ขณะมองหาโต๊ะว่างอย่างไร้ความหวัง
แจมแนบโทรศัพท์กับหู สายตากวาดไปรอบ ๆ ก่อนจะพูดขึ้นหลังจากวางสาย
“พี่กูบอกว่าวันนี้คนเยอะ เปิดเทอมวันแรก โต๊ะเลยเต็มหมด แต่เขาจองโต๊ะไว้แล้ว ไปนั่งโต๊ะพี่กูกันเถอะ”
น้ำหวานขมวดคิ้วนิดหน่อย “จะดีเหรอวะ พวกกูไม่รู้จักพี่มึงเลยนะ…”
แจมหันกลับมาพร้อมไหล่ที่ยักขึ้นเล็กน้อย “กลัวเหี้ยอะไรล่ะ พี่กูก็เหมือนพี่พวกมึงแหละน่า”
จากนั้นก็ยักคิ้วอย่างกวน ๆ แล้วเสริม “ว่าไง จะแดกมั้ย ข้าวอ่ะ?”
“แดกดิ หิวข้าวจะตายอยู่แล้ว!” แบมแบมโพล่งขึ้นทันที พลางเดินนำไปด้วยสีหน้าเอือมระอากับความร้อน
พวกเธอเริ่มก้าวเท้าไปตามทางเดินที่แน่นขนัดด้วยเฟรชชี่กลุ่มอื่น บางคนก็กำลังบ่นเรื่องอาจารย์ บางคนบ่นเรื่องไม่มีโต๊ะนั่ง แต่ทั้งหมดนั้นไม่ได้ทำให้พวกเธอหยุดเดินเลยแม้แต่นิด
หลังจากที่พวกเธอฝ่าฝูงคนมาถึงบริเวณหลังสุดของโรงอาหาร ในที่สุดแจมก็ชะเง้อมองเห็นโต๊ะเป้าหมาย ด้านข้างติดกระจกบานใหญ่ที่สะท้อนแสงแดดเข้ามาแยงตาเบา ๆ โต๊ะไม้ยาวดูแข็งแรงนั่งอยู่ใต้พัดลมตัวใหญ่ซึ่งยังคงหมุนอย่างเฉื่อยชา
มีผู้ชายสองคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว หนึ่งคนก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือ อีกคนกำลังจิบโค้กจากแก้วพลาสติกใส
“พี่แทนไท!” แจมตะโกนเรียกเสียงดังเมื่อเห็นพี่ชายตัวเอง กวัดมือให้เพื่อน ๆ ตามมาทางนี้
ชายหนุ่มที่นั่งจิบโค้กเงยหน้าขึ้นก่อนจะยิ้มบาง ๆ “นึกว่าจะหาไม่เจอแล้ว”
“ก็เกือบไม่เจอจริง ๆ คนเยอะมากกก คนสวยจะเป็นลมค่ะ…” แจมบ่นพลางทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรง
“อืม ๆ นั่งก่อน ๆ น้อง ๆ ก็นั่งด้วยเลย” แทนไทผายมือเชิญ ก่อนจะชี้ไปยังเพื่อนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“นี่เพื่อนพี่ ไทเกอร์กับเจเจ”
ทั้งสองชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นและพยักหน้าน้อย ๆ เป็นเชิงทักทาย ไทเกอร์ดูนิ่งขรึมในเสื้อเชิ้ตแขนยาวพับถึงศอก ขณะที่เจเจยิ้มกว้าง ในลุคขี้เล่น
“แล้วนี่สั่งอะไรกันยัง?” เจเจเอ่ยถามขึ้น พลางเหลือบตามองไปทางแจมด้วยแววตาเจ้าชู้จนเห็นได้ชัด
“หยุดมองแบบนั้นเลย ไอควาย เลิกม่อน้องกูได้ละ ไอสัส” แทนไทรีบพูดดักทันที น้ำเสียงกึ่งขำกึ่งจริงจัง แววตาเริ่มดุ
“โธ่ไอสัสแทน ขัดกูชิบหาย…” เจเจยักไหล่ แต่ยังแอบอมยิ้มไม่เลิก
“งั้นเดี๋ยวกูกับนุ่นไปสั่งข้าวให้แล้วกัน พวกมึงจะเอาไร?” แบมแบมหันไปถามเพื่อน ๆ หลังจากลุกขึ้นยืน ปัดกระโปรงตัวเองเบา ๆ
“กูเอากะเพราหมูสับไข่ดาวละกัน ง่าย ๆ” น้ำหวานตอบเสียงเรียบ
“กูเอาด้วย ไม่รู้จะกินไร” แจมตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด
“กูด้วย” เมย์ยกมือตามอีกคน
“เค ไม่เอาไรเพิ่มใช่ป่ะ?” แบมแบมถามย้ำ ทุกคนพากันส่ายหน้าเป็นคำตอบ
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสั่งเพิ่ม แบมแบมกับนุ่นก็พยักหน้า ก่อนจะเดินแยกตัวออกจากโต๊ะ ท่ามกลางกลิ่นอาหารที่เริ่มลอยฟุ้งทั่วโรงอาหาร
เสียงจอแจของนักศึกษารอบตัวยังคงไม่ขาดสาย โต๊ะข้าง ๆ หัวเราะคิกคัก บางโต๊ะก็เงียบงันเพราะมีแต่คนก้มหน้ากินข้าว บางคนยังต่อแถวอยู่ไกลลิบหน้าร้าน
แสงแดดลอดผ่านกระจกบานใหญ่ ทำให้ในโรงอาหารสว่างแต่ไม่ร้อน หมอกควันเบา ๆ จากเตาในครัวลอยขึ้นตัดกับแสง พอให้รู้ว่านี่คือช่วงกลางวันของวันเปิดเทอมวันแรก ที่ทุกอย่างยังสดใหม่และเต็มไปด้วยความคึกคัก
“แล้วนี่ไอหมอกกับไอกองทัพจะมาตอนไหนวะ?” เจเจหันไปถามเพื่อน ขณะวางแขนพาดพนักเก้าอี้อย่างสบายใจ
“อีกพักนึง ไอกองบอกว่าคนเยอะ” ไทเกอร์ตอบเสียงนิ่ง ขณะก้มดูมือถือในมือตัวเอง
“มันโทรมาบอกมึงเหรอ?” เจเจถามต่อด้วยความสงสัย
“เออ” ไทเกอร์ตอบหน้าตาเฉย แบบที่เป็นสไตล์เขาอยู่แล้ว
ชื่อ ‘หมอก’ ดังขึ้นมาในวงสนทนา ทำเอาน้ำหวานชะงักนิ่ง ใจเต้นแรงขึ้นมาเฉย ๆ ทั้งที่ไม่ควรจะเป็นอะไร
“หมอก…?” เธอทวนในใจ
ทำไมบนโลกนี้ต้องมีคนชื่อหมอกเยอะนักนะ? แค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาแล้ว หัวใจบีบรัดแน่นในอก จะบังเอิญขนาดนั้นเลยเหรอ? ไม่อยากให้เป็นเขาเลยจริง ๆ …
ขอเถอะ ขออย่าให้เป็น ‘หมอก’ คนนั้น คนที่เธอพยายามลืมมาตลอด ขอให้เป็นแค่ชื่อซ้ำ ขอให้เป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่เขา… สาธุ
เสียงพูดคุยยังดำเนินต่อไปรอบโต๊ะ แต่ในหัวของน้ำหวานเริ่มพร่ามัว อากาศในโรงอาหารที่เคยจอแจ กลับเงียบลงในหูของเธอ เหมือนเวลาหยุดนิ่งแค่ชั่วครู่ กับชื่อเพียงชื่อเดียวที่ปลุกอดีตให้ฟื้นคืน
“นั่นไง มันมาแล้ว” แทนไทเอ่ยขึ้น ขณะหันไปเห็นเพื่อนสองคนที่กำลังเดินตรงมาทางโต๊ะ
“ไอแบมกับนุ่นก็มาพอดีเลย” เมย์หันไปมองและยิ้มเล็ก ๆ ก่อนจะหันกลับมาเตรียมตัวรับอาหาร
เสียงพูดคุยเริ่มคึกคักขึ้นอีกครั้งเมื่อเพื่อนทุกคนมาครบ โต๊ะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและกลิ่นของอาหารที่เพิ่งมาถึง แต่ในความวุ่นวายทั้งหมดนั้น ฉันกลับรู้สึกเหมือนหลุดออกจากวงสนทนาโดยสิ้นเชิง
หัวใจเต้นโครมคราม มือที่วางบนตักกำแน่นแนบกับผ้ากระโปรง เพราะเขา… คนที่ฉันภาวนาไม่ให้ใช่ กลับยืนอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าฉัน
เขา… ‘พี่หมอก’ จริง ๆ
เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงข้ามฉัน ใบหน้าที่นิ่งขรึม กับสายตาเย็นชาคู่นั้นยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เหมือนเมื่อก่อน… เหมือนวันที่เขาหายไปจากชีวิตฉัน โดยไม่บอกลา
“เออ นี่เพื่อนพี่ ชื่อหมอกกับกองทัพ ส่วนนี่น้องกู แจม” แทนไทพูดขึ้น พลางผายมือไปทางน้องสาวที่กำลังนั่งกินข้าวอย่างไม่รู้เรื่อง
“แล้วก็…”
ยังไม่ทันที่แทนไทจะพูดจบ แจมก็รีบแทรกขึ้นด้วยรอยยิ้มเก้อ ๆ
“อ่อ นี่แบมแบม เมย์ นุ่น แล้วก็น้ำหวานค่ะ” แจมรีบแทรกขึ้นก่อนพี่ชายจะพูดจบ พลางยิ้มเก้อ ๆ น้ำเสียงดูร่าเริง แต่ก็แฝงความเก้อเขินเล็กน้อย ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่จับจ้องไปยังสมาชิกใหม่ของโต๊ะ
บรรยากาศรอบตัวยังคงคึกคัก เสียงคนพูดคุย เสียงจานช้อนกระทบกันเบา ๆ กลายเป็นฉากหลังให้กับโต๊ะเล็ก ๆ โต๊ะนี้ แม้จะเพิ่งเจอกันไม่กี่นาที แต่ความเป็นกันเองระหว่างกลุ่มก็เริ่มก่อตัวขึ้น
แม้จะมีบางสายตา… ที่ดูจ้องมากเกินไปก็ตาม หลังจากแนะนำตัวเสร็จ ทุกคนก็เริ่มลงมือจัดการอาหารตรงหน้าของตัวเอง
“ไอหวาน มึงไม่กินไข่ดาวไม่สุกหรอ?” แบมแบมเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนสาวที่กำลังทำหน้ายู่ใส่จานข้าวของตัวเอง
“อ่อ… อืม ลืมบอกอ่ะว่าเอาไข่ดาวสุกๆ แต่ไม่เป็นไรหรอก” น้ำหวานตอบเสียงเบา พยายามกลบเกลื่อนความผิดหวังเล็ก ๆ ในใจ
เธอหยิบช้อนขึ้นเตรียมจะตักข้าวเข้าปาก แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร ก็มีมือหนึ่งเอื้อมเข้ามาตักไข่ดาวไม่สุกออกจากจานเธอไป ก่อนจะวางไข่ดาวอีกฟองหนึ่งแทนที่ ฟองนั้นกรอบนอก ไข่แดงสุกพอดี แบบที่เธอชอบ
ทุกคนชะงัก… แม้แต่เธอเองก็อึ้งจนพูดไม่ออก สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังคนที่ลงมือเปลี่ยนไข่ดาว
“กินสิ ไหนบอกไม่ชอบไข่ดาวไม่สุก”
หมอกพูดเรียบ ๆ ก่อนจะตักข้าวตัวเองเข้าปาก แล้วมองหน้าหญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงข้าม สายตานิ่ง ๆ เย็นชา แต่กลับมีบางอย่างซ่อนอยู่ลึก ๆ ในนั้น
บรรยากาศรอบโต๊ะนิ่งไปชั่วครู่ ทุกคนเงียบงัน งุนงงและช็อกกับภาพตรงหน้า ก่อนจะค่อย ๆ หันกลับไปสนใจจานข้าวของตัวเองอีกครั้ง เหมือนจะปล่อยผ่านเหตุการณ์นั้น… แต่ไม่ใช่ทุกคน
ไทเกอร์นั่งอยู่ข้างหมอก เขามองเพื่อนของตัวเองนิ่ง ๆก่อนจะยิ้มมุมปากเล็กน้อยอย่างรู้ทัน การกระทำเล็ก ๆ แบบนั้น… มันไม่ปกติสำหรับผู้ชายอย่างหมอกเลยจริง ๆ