EP.26 #งานด่วน

1204 Words
“ยัยลิล!” “หะ… หะ?” เสียงตะโกนข้างหูปลุกฉันจากอาการเหม่อลอย โบอิ้งทำหน้ามุ่ยใส่ สายตาจับผิดจ้องมา “อะไร ทำไมมองแบบนั้น” “แกนั่นแหละเป็นอะไรเนี่ย เหม่อแบบนี้มาหลายวันแล้วนะ มีเรื่องอะไรกังวลใจหรือเปล่าอ่ะ” ฉันก้มหน้าก้มตาทำออเดอร์ให้ลูกค้าเพื่อเลี่ยงที่จะตอบคำถามเดิม ๆ ของเพื่อนรักตลอดหลายวันที่ผ่านมา อย่างที่โบอิ้งบอกนั่นแหละ พักนี้ฉันไม่ค่อยมีสมาธิทำอะไรสักเท่าไหร่ เรียนก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ทำงานก็ผิดพลาดบ่อย ๆ จนคนรอบข้างเริ่มเป็นห่วง โชคดีที่ช่วงนี้งานพากย์เสียงยังไม่มีบททำเสียงสยิว ๆ นั่น ไม่อย่างนั้นฉันอาจทำให้พี่ภีมเสียงานอีกแน่ ๆ “ลิลลา… ฉันเป็นเพื่อนแกนะ แกมีอะไรก็บอกเล่าให้ฉันฟังบ้างสิ แกจะแบกโลกทั้งโลกไว้คนเดียวแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันเป็นห่วงแกนะยัยบ้านี่” โบอิ้งยังคงไม่ล้มเลิกความตั้งใจ ดูเหมือนครั้งนี้ยัยนี่จะไม่ยอมปล่อยฉันง่าย ๆ แน่ “ทำหน้าแบบนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องซิลเลอร์สินะ” มือที่กำลังทอดไก่ชะงักเล็กน้อย ไม่แปลกหรอกที่โบอิ้งจะเดาออก เพราะเรื่องที่มีอิทธิพลต่อชีวิตฉันขนาดนี้ก็มีแต่เรื่องของซิลเลอร์เท่านั้นแหละ “เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะแก หมอนั่นติดต่อกลับมาแล้วเหรอ แกเจอกับน้องแกแล้วใช่ไหมอ่ะ” ฉันถอนหายใจอย่างไม่คิดจะปิดบังอีกต่อไป เหนื่อยที่จะเก็บความรู้สึกแย่ ๆ แบบนี้เอาไว้คนเดียวแล้วเหมือนกัน “อือ วันก่อนซิลกลับมาที่ห้องน่ะ…” ฉันเริ่มเล่าถึงเรื่องในวันนั้นให้โบอิ้งฟัง เล่าทุกอย่างยกเว้นในส่วนที่มีแอร์บัสร่วมอยู่ด้วย… “แย่จริง ๆ เลยหมอนั่น! ทำไมถึงนิสัยเสียได้ขนาดนี้กันนะ!” หลังจากฟังเรื่องราวจนจบ โบอิ้งแสดงอาการโกรธเคืองทันที “แต่เป็นแบบนี้ก็ดี” “ดียังไง” ฉันเงยหน้ามองเพื่อนรักด้วยความไม่เข้าใจ น้องชายฉันย้ายออกไปแบบนี้มันจะดีได้ยังไงกัน “หมอนั่นไม่อยู่ก็ดีแล้วไง แกจะได้เลิกทำงานหนักเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัวสักที คราวนี้ก็จะได้พักบ้างอะไรบ้างแล้วนะลิล แกทำงานมานานเกินพอแล้วนะ ร่างกายจะแย่เอานะ” จริงอยู่… การที่ฉันไม่ต้องหาเงินมาส่งเสียซิลเลอร์นั้นช่วยลดรายจ่ายของฉันลงไปมาก แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ เพราะการที่ฉันยอมเหนื่อยทุกวันนี้ก็เพื่ออนาคตที่ดีของเราสองคน ถ้าหากไม่มีซิลเลอร์ แล้วสิ่งที่ฉันสู้อุตส่าห์ทนทำมาทั้งหมดมันจะไปมีความหมายอะไรล่ะ “เอาน่า ๆ เลิกคิดมากเหอะแก หมอนั่นก็โตแล้ว อายุน้อยกว่าเราแค่ปีเดียวเองนะ แถมยังเป็นผู้ชายอีก ยังไงก็ดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว ห่วงแต่ตัวแกเองเถอะ มัวแต่คิดมาก เดี๋ยวก็ป่วยหรอก” “ก็มันอดไม่ได้นี่โบ ที่ผ่านมาฉันมีอนาคตของเราสองคนเป็นเป้าหมาย จู่ ๆ ซิลเลอร์มาทิ้งกันไปแบบนี้ฉันก็ต้องเซเป็นธรรมดาอ่ะ” พูดแล้วก็อยากร้องไห้ คืนนั้นฉันจำไม่ได้ด้วยว่าร้องไห้หนักแค่ไหน รู้แค่ว่าตอนตื่นเช้ามาก็นอนอยู่บนที่นอนในห้องของตัวเองแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าขึ้นห้องมาได้ยังไง แล้วที่สำคัญ… แอร์บัสกลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันจำอะไรไม่ได้เลย เฮ้อ… “น่า ๆ เลิกคิดมากได้แล้ว เดี๋ยววันศุกร์นี้เราก็ได้ไปดริ๊งกันให้หายเครียดแล้ว รีแลค ๆ หน่อยเพื่อน” “วันศุกร์นี้?” ฉันขมวดคิ้วนิด ๆ “ใช่ ก็ที่พวกขุนทัพกับไอ้ไม้เสียบผีนั่นชวนเราไปเที่ยวผับวันศุกร์นี้ไง นี่แกลืมเหรอยัยลิล ฉันโทรไปชวนแกแล้วนะ” โบอิ้งเท้าสะเอวเหมือนจะเอาเรื่องที่ฉันบังอาจลืมนัดสำคัญของมัน พอพูดมาถึงตรงนี้ฉันจำได้ทันทีเลย ลืมไปซะสนิทว่าคืนก่อนโบอิ้งโทรมาชวนฉันไปเที่ยวกับพวกขุนทัพ เพราะช่วงนี้ฉันมัวแต่คิดเรื่องซิลเลอร์ก็เลยลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลย เฮ้อ… เรื่องแค่นี้ยังลืมเลย สงสัยฉันต้องรีบดึงสติตัวเองกลับมาไว ๆ แล้วสิ ไม่อย่างนั้นการใช้ชีวิตของฉันมีปัญหาแน่ ๆ . . . วันต่อมา สตูดิโอ “อ้าว ลิลลามาพอดี พี่ต้องขอโทษจริง ๆ นะที่วันนี้พี่เรียกตัวทั้งสองคนมาด่วนน่ะ” เสียงพี่ภีมเอ่ยขอโทษทันทีที่ฉันเดินเข้ามาในสตูดิโอ ขุนทัพมาถึงก่อนแล้วสินะ เขานั่งอยู่ไม่ไกลจากพี่ภีมมากนัก พอต้องมายืนอยู่ต่อหน้าเขาแบบนี้รู้สึกทำตัวไม่ถูกเลยแฮะ ทั้งที่เราสองคนก็ร่วมงานกันบ่อย ๆ แต่ใจฉันมันยังไม่ชินสักทีน่ะสิ “ไม่เป็นไรค่ะพี่ภีม วันนี้ลิลมีแค่งานที่ร้านชิคเก้นริง ตอนนี้ส่งต่อให้ยัยโบทำแทนแล้วค่ะ” ฉันยิ้มบอกพลางรู้สึกขอบคุณยัยเพื่อนรักที่อุตส่าห์ทำงานแทนฉันในใจ เอาไว้กลับไปจะพาไปเลี้ยงไอศกรีมนะ “แล้วงานด่วนที่ว่าคืออะไรเหรอฮะ” “อ้อ! พอดีมีอนิเมะเรื่องสั้นติดต่อเข้ามาน่ะ บทมันไม่ยาวมาก แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็จบแล้ว พี่เห็นว่าค่าตอบแทนน่าสนใจก็เลยเรียกทั้งสองคนมาปรึกษาน่ะ เพราะถ้าทั้งสองคนสนใจจะรับ พี่จะได้พักคิวเรื่องยั่วรักฯไว้ก่อน” พี่ภีมอธิบายพร้อมกับยื่นบทพากย์ใหม่ให้ฉันกับขุนทัพ “เนื้อหาด้านในเป็นแนวแอบรักนะ ลองอ่านดูกันก่อน” ฉันเปิดอ่านบทด้านในคร่าว ๆ เพื่อทำความเข้าใจ เนื้อหาก็ไม่ได้มีอะไรยากเท่าไหร่ เหมือนกับบททั่วไปที่เคยพากย์มา แต่จะต่างไปสักนิดก็ตรงที่นางเอกแอบรักพระเอกแต่ไม่กล้าบอกนี่แหละ ได้แต่แอบบอกรักในใจอยู่ตลอด อ่า… เหมือนฉันที่แอบปลื้มขุนทัพเลยแฮะ “…” ฉันแอบเหลือบมองขุนทัพเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เขารู้ตัว วันนี้เขายังดูดีเหมือนเดิมเลยแฮะ ยังคงทำให้หัวใจดวงน้อยของฉันสั่นไหวได้ตลอดเวลา ในวินาทีนั้น จู่ ๆ ดวงตาคมเข้มเลื่อนมาสบตากับฉันเหมือนรู้ว่ากำลังถูกมอง ฉันรีบดึงสายตากลับด้วยความร้อนรน ใบหน้าร้อนเห่อไปหมด ให้ตายสิ… แอบมองเขามาสามปีก็ยังไม่กล้าสบตาเขาตรง ๆ สักทีนะ แล้วหัวใจทำไมต้องเต้นแรงขนาดนี้ด้วยเล่า!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD