บทที่ 1

2015 Words
แสงตะวันยามรุ่งส่างส่องผ่านร่องไม้แก่ตกกระทบลงบนปลายเตียงนอนของนักเรียนหนุ่ม..ห้องนอนของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยโปสเตอร์ภาพยนตร์ในยุคสมัยของตนเองเต็มไปหมด.. ลมเย็นในช่วงหน้าฝนพัดผ่านหน้าผากสวยได้รูป เด็กหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นมาเนื่องจากแสงสีส้มอ่อนที่ตกกระทบลงบนเปลือกตานวล “ อื้อ.. เช้าแล้วเหรอ.. ” ก๊อก ก๊อก.. “ ทายเอ๊ย.. ตื่นได้แล้วลูก เดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะ ” ยายผู้เป็นที่พึ่งพาหนึ่งเดียวของเด็กหนุ่มกล่าวขึ้น.. แต่ชายหนุ่มยังคงนอนลืมตานิ่งเฉยอยู่แบบนั้น.. ราวกับว่ากำลังหลงอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง “ จ้ายาย.. ทายกำลังตื่นแล้วครับผม ” ประโยคนั้นเป็นเพียงความคิดที่ไม่ได่เอื้อนเอ่ยออกไปแล้วประตูห้องก็ถูกปิดลง.. หากแต่ผมกำลังนึกคิดและหาคำตอบว่า.. เหตุใดตัวผมถึงมีอาการออทิสติกทั้งๆที่ผมสามารถจินตนาการถึงเรื่องราวมากมาย เข้าใจสีหน้าและความรู้สึกของผู้อื่นได้ดี.. แต่อีกทางหนึ่ง..ผมชอบเหม่อมองดูพัดลมบนเพดานหมุนวนไปมา ชอบจัดข้าวของให้เรียงกันเป็นระเบียบ และไม่กล้าสบตาผู้คนยกเว้นตอนที่สามารถแอบมองอยู่ห่างๆ.. เช้าวันนี้อากาศดูสดใสขึ้นมากจากอาทิตย์ก่อนที่มีเพียงมรสุมพายุลูกใหญ่ปกคลุมทั่วท้องฟ้าใหญ่.. ถ้าผมสามารถไปวิ่งเล่นตากน้ำฝนเม็ดใหญ่ๆข้างนอกนั้นในคืนที่มีพายุหนักๆ มันจะเป็นอย่างไรนะ ฟ้าจะผ่าลงมาจริงๆหรือเปล่า และถ้าหากไปยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ล่ะ..ผมจะเป็นอย่างไรนะ..อาทิตย์ที่แล้วผมได้แต่คิดถึงเรื่องนี้ ผมลุกขึ้นจากเตียง เปิดประตูห้องแล้วเดินไปยังห้องน้ำ.. ข้างๆแก้วใบใหญ่มีแปรงฟันสีเขียวถูกทาทับด้วยยาสีฟันคอลเกตวางเอาไว้.. คงเป็นคุณยายซินะ วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของโรงเรียนมัธยมปลายของผม..ความตื่นเต้นผสมปนเปไปกับความกลัวที่ฝังอยู่ข้างในจิตใจ..โรงเรียนใหม่..เพื่อนใหม่ กลิ่นหอมจากต้มกระดูกหมูของคุณยายลอยตลบอบอวลไปทั่วบ้าน กลิ่นของมันหอมยั่วยวนน้ำย่อยในกระเพาะของผมเสียจริง ก๊อก ก๊อก “ คุณยายครับ..” เสียงทุ้มของหนุ่มข้างบ้านสะท้อนดังขึ้นมาจนถึงห้องน้ำบนบ้าน “ ผมมารับเพทายไปโรงเรียนพร้อมกันครับ ” หญิงชราผมสีขาวยิ้มต้อนรับชายหนุ่มอย่างเอ็นดู “ มาทานข้าวด้วยกันซิลูกมา.. ยายทำต้มกระดูกหมู.. ของโปรดไอ้ทายมัน ” ชายหนุ่มไม่ปฏิเสธใบหน้าที่อบอุ่นและยิ้มตอบกลับอย่างจริงใจ “ งั้นผมฝากท้องด้วยนะครับคุณยาย ” “ คุณไพรทูรย์ มาแล้วเหรอ ” ผมวิ่งลงมาจากบันไดไม้ แล้วตะโกนเรียกชื่อของเขายาวจนสุดเสียง “ ไง เพทาย วันนี้พร้อมไปโรงเรียนใหม่กันหรือยัง ” ชายหนุ่มตอบกลับมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเท่าวัยรุ่นคนนึงจะสดใสได้ “ กะ..ก็..กะ..เกร็งเกร็งอยู่นิดหน่อยนะทูน ” ผมตอบเขาไปแบบติดอ่างและแน่นอนว่าผมไม่ได้สบตาของเขา “ เพทายไม่ต้องกลัวนะ..ไปกับพี่ไม่ต้องกลัวอะไร ” เขาเอื้อมมือหนาขึ้นมาลูบหัวของผมอย่างเบามือและเขาก็พูดเสริมต่อว่า “ ดีจังเลยนะ..ไว้ผมยาวได้ด้วย ” เขารวบเอาผมยาวประบ่าของผมขึ้นมาถักเปียเอาไว้ทั้งสองข้าง.. บนแคร่ไม้ไผ่อันใหญ่มีกับข้าววางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด หนึ่งในนั้นมีต้มกระดูกหมูของโปรดของเพทายวางเอาไว้ “ ดีนะที่โรงเรียนเขาอนุญาตให้ทายมันไว้ผมยาวได้ ดีจริงๆที่ผอ.โรงเรียนเขารู้จักสนิทสนมกันกับฉัน เขาเข้าใจเหตุผลและจัดการเรื่องนี้ให้ ลองมันไม่มียายแบบฉันดูซิ รองทรงก็คงไม่ได้ไว้.. ได้ไว้ทรงนักเรียนหัวเกรียนเป็นแน่.. มาๆลูกมานั่งบนโต๊ะนี่เร็ว ” หญิงชรากวักมือเรียกสองหนุ่มให้ขึ้นไปนั่งกินข้าวบนแคร่ใหญ่ “ ยาย..ทำไมวันนี้ถึงทำอาหารเยอะเลยล่ะ ” ผมเอียงหน้าไปทางอื่นและไม่สบตาคู่สนทนาเหมือนเคย “ ก็พ่อทูนมากินข้าวด้วย ทำเผื่อไว้ก็ไม่เสียหาย ไม่หมดก็เก็บไว้กินคาบอื่นก็ได้ ” ผมหยักคิ้วขึ้นแล้วกระพริบตาสองครั้ง “ จ้ายาย ” ไพรทูรย์เริ่มตักอาหารเข้าปากและไม่ลืมที่จะตักชิ้นกระดูกหมูมาวางลงบนจานของเพทาย “ กินเยอะๆนะเพทาย ” เพทายยิ้มเป็นการขอบคุณและยังคงไม่สบตาเจ้าตัวอีกเหมือนเคย “ วันนี้คุณยายจะไปตั้งโต๊ะขายขนมครกหน้าตลาดไหมครับ ” เขาถามขึ้นมา “ ถ้าคุณยายไปตั้งโต๊ะขายขนม ตอนเย็นผมจะแวะไปอุดหนุน ” เขาพูดจบแล้วส่งยิ้มหวานให้กับหญิงชรา “ พ่อหนุ่มนี่ยิ้มสวยจริงจริง โตขึ้นมาต้องได้เป็นดาราดังแน่ๆเลย ทั้งหล่อและยิ้มสวยขนาดนี้ ถ้าไอ้เพทายมันเป็นผู้หญิง ยายอยากได้พ่อไพรทูรย์นี่แหละเป็นลูกเขย ” หญิงชราแซวหลานชายตรงหน้าและหัวเราะร่าอย่างชอบใจ “ ถึงผมจะเป็นผู้ชายผมก็เขินเป็นนะครับยาย.. แต่ผมหล่อจริงใช่ไหม ก็พอรู้ตัว ” สองยายหลานหัวเราะคิกคักชอบใจกันใหญ่ “ ทายก็หน้าตาดีนะยาย โตขึ้นทายก็จะไปเป็นดาราเหมือนกัน ” บทสนทนากลางวงข้าวเงียบลงทันที ทั้งสองคนหันมามองหน้าเด็กหนุ่มแล้วห้องเราะออกมาอีกครั้ง “ ไอ้ทายเอ้ย..เรื่องหน้าตายายไม่เกี่ยง แต่แกปกติให้ได้ก่อนยายขอแค่นี้ จะไปเป็นอะไรยายก็จะไม่ห้าม ” เพทายถอนหายใจและก้มหน้าลงแต่ปิดหน้าเศร้าใจเอาไว้ไม่มิด.. “ ทายไม่ได้อยากเกิดมาไม่เต็มบาทสักหน่อยนะยาย ก็พ่อนั่นแหละที่พูดอยู่ได้ว่าทายเป็นเด็กเอ๋อ ” หญิงชราได้ยินเช่นนั้นก็ใจหายกลัวหลานชายจะเครียดแล้วชักขึ้นมาเหมือนในอดีต “ โอ๋..ยายขอโทษนะลูก ทายเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ ยายพูดเล่นเท่านั้นเองลูก ” หญิงชราลุกจากแคร่ใหญ่เดินอ้อมมาหยุดตรงหน้าเด็กพิการแล้วโอบกอดเด็กคนนั้นเอาไว้แน่น.. ผมเข้าใจดีว่ายายไม่ได้ตั้งใจจะล้อเลียนผม และที่ยายพูดก็คือเรื่องจริง ไม่สมประกอบทำอะไรก็ยากทั้งนั้น.. “ ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับยาย ผมอายุตั้งสิบหกแล้ว ชินแล้วล่ะครับ ” หญิงชราผละตัวออกจากหลานชายแล้วยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาประครองแก้มทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มเอาไว้ “ ทาย.. ยายไม่เคยเชื่อแบบสนิทใจเลยนะว่าทายเป็นออทิสติก.. แค่ลักษณะคล้ายไม่ได้แปลว่าทายจะต้องเป็นแบบนั้นนะ ตอนทายยังเด็กทายเป็นเด็กปกติจะตาย ” หญิงชราพูดจบแล้วเคลื่อนตัวเข้าไปสวมกอดเด็กหนุ่มอีกครั้ง “ ไป..ไปเตรียมตัวไปโรงเรียนได้แล้ว เดี๋ยวสายนะ แล้วอย่าลืมเอาข้าวกล่องที่ยายทำไว้ให้ไปด้วยนะลูก ” รถประจำทางสีเขียวเบอร์สิบสองกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ศาลารอรถที่สองหนุ่มนั่งอยู่ ภาพตรงหน้าเป็นเด็กนักเรียนชายขี่มอเตอร์ไซค์รุ่น Honda Tena ผ่านไปไม่รู้กี่คัน เพทายสงสัยว่าไพรทูรย์ไม่อยากขับมอเตอร์ไซค์แบบนั้นไปโรงเรียนบ้างเหรอ.. “ ทูน.. ” หนุ่มหล่อถอดสายหูฟังข้างหนึ่งออกจากหูแล้วหันหน้ากลับมาหาเด็กหนุ่ม “ ทูน ไม่อยากขับมอเตอร์ไซค์เหมือนเด็กผู้ชายพวกนั้นเหรอ..” ไพรทูรย์ยิ้มบางๆส่งกลับไปให้เด็กหนุ่ม “ ก็ถ้าพี่ขับมอไซค์ ใครจะนั่งรถประจำทางไปโรงเรียนกับเพทายล่ะ ถ้าหากเอาเพทายไปนั่งมอเตอร์ไซค์ด้วยได้ พี่ขับมอเตอร์ไซค์ไปโรงเรียนตั้งนานแล้ว ” ใบหน้าของเด็กหนุ่มสลดลงทันที “ ทายขอโทษ ” ชายหนุ่มมองใบหน้าเศร้าตรงหน้าแล้วยกมือแกร่งขึ้นมาลูกหัวของเด็กหนุ่มอีกครั้ง “ ไม่เป็นไรหรอกทาย.. ” ปิ๊บ ปิ๊บ “ นั่น..รถประจำทางมาถึงแล้ว เร็ว..ขึ้นรถกัน ” ชายหนุ่มผู้เป็นพี่เช็กสัมภาระต่างๆแล้วจูงมือน้องชายขึ้นไปบนรถ เด็กนักเรียนในชุดนักเรียนสีขาวใหม่ เปร่งออร่าเป็นประกายออกมาทั่วโรงเรียน นักเรียนเป็นร้อยร้อยคน ใบหน้าแปลกใหม่ที่ไม่คุ้นเคย.. ทำเอาเพทายหวั่นใจอยู่หน่อยหน่อย.. ถ้าเพื่อนไม่ชอบจะทำยังไงดีนะ.. เพทายคิดอยู่ในห้อง “ ทาย.. ทายไปยืนดูรายชื่อตรงบอร์ดทางซ้ายมือที่เขาติดเอาไว้ตรงนั้นนะ.. ไล่รายชื่อว่าชื่อขอทายอยู่ห้องไหนเลขที่อะไร แล้วกลับมาเจอกันที่ตรงนี้แล้วพี่จะพาไปส่งที่ห้อง ” ไพรทูรย์ชี้มือไปยังประกาศสีขาวที่ติดอยู่บนบอร์ดใหญ่ เขียนกำกับเอาไว้ว่ารายชื่อเด็กนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่สี่ “ ส่วนพี่จะไปดูห้องของตัวเอง ไม่แน่ใจเลยว่าจะได้อยู่ห้องร่วมกับเพื่อนเก่าอีกไหม.. ” ณ โรงเรียนมัธยมแห่งนี้ ทุกเทอมสุดท้ายหลังจากสอบปลายภาคไปแล้ว เด็กนักเรียนทุกคนจะต้องถูกย้ายห้องไปเรื่อยๆตามคะแนนสอบและเกรดที่ออกมา.. เห็นแบบนี้ การแข่งขันสูงไม่ใช่ย่อย.. ไพรทูรย์โบกมือเป็นสัญญาณบอกว่าไปก่อนนะ.. จู่ๆความรู้สึกเหงาโหวงก็ก่อนตัวขึ้นมากลางใจของเด็กหนุ่ม บนหน้ากระดาษสีขาวที่ทอดยาวไปเรื่อยๆ ชื่อของผมอยู่ตรงกลางของบอร์ดประกาศพอดี.. ผมถูกเลือกให้อยู่ห้องมอสี่ทับหก มีประชากรร่วมชั้นอยู่ราวๆสี่สิบคน.. ผมจะทำตัวยังไงดีนะ “ เพทาย ” เสียงทุ้มคุ้นเคยจากด้านหลังทำให้เพทายรู้สึกอุ่นใจขึ้นมานิดนิด “ พี่ยังอยู่ห้องสองเหมือนเดิม แล้วเพื่อนๆก็อยู่ครบกันหมดเลยด้วย ” เพทายรู้สึกยินดีที่พี่ตัวเองได้อยู่กับเพื่อนกลุ่มเดิมแล้วไม่ได้แยกจากกันไปไหน “ ดีใจด้วยนะทูน.. และทายได้อยู่ห้องหกล่ะ ” ไพรทูรย์ปรบมือฉลองให้เพทาย “ เด็กเก่งนะเนี่ยได้อยู่ห้องหก ยินดีด้วยนะที่สอบเข้ามาอยู่โรงเรียนเดียวกันกับพี่ได้ ” เพทายิ้มบางออกมา “ ทายแค่ฟลุ๊คหรอกน่า ” ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาลูบหูเด็กชายเป็นครั้งที่สามของวัน จนเพทายคิดว่าไพรทูรย์ลูบมันบ่อยเกินไปแล้ว “ ป่ะ เดี๋ยวพี่ไปส่งห้องนะ ” ห้องเรียนประจำชั้นมัธยมปีที่สี่อยู่บนตึกอาคารสองของโรงเรียน ตารางเรียนของทุกห้องถูกติดเอาไว้ที่หน้าห้องเรียนของแต่ละชั้น และทุกวิชาจะได้เปลี่ยนห้องเรียนไปเรื่อยๆ.. ไพรทูรย์เดินมาส่งเพทายถึงห้องเรียนและฝากอาจารย์ประจำชั้นช่วยดูแลเพทายด้วย ภายในห้องเรียนมีนักเรียนแปลกหน้าแปลกตาเต็มไปหมด เพทายรู้สึกประหม่าเล็กน้อยที่ต้องทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่เหล่านี้ “ จุ๊ๆ.. นักเรียนทุกคนเงียบเสียงก่อน ครูมีเพื่อนคนสำคัญที่ต้องแนะนำให้พวกเธอรู้จัก ” อาจารย์สาวเดินมาจูงมือเพทายเข้าไปในห้องเรียนแล้วบอกให้เพทายแนะนำตัว เพทายหันหน้าเอียงข้างและเลี่ยงสบตากับทุกคน “ สวัสดีครับ.. ผมชื่อเพทาย ผมมีภาวะออทิสติกสเปกตรัม ฝากทุกคนช่วยเหลือผมด้วยนะครับ และ.. ” พูดยังไม่ทันจบประโยค เด็กนักเรียนชายคนหนึ่งในห้องก็ตะโกนตอบกลับมาว่า “ ทำไมเราต้องช่วยแกด้วยวะ ไอ้ตัวประหลาด ” เสียงโฮ่ของเพื่อนในห้องดังขึ้นพร้อมกันทันที.. สองขาต้วมเตี๋ยมเริ่มอ่อนแรง เพทายจะรับมือกับมันไหวไหมนะ..
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD