บทที่ 4

3024 Words
ใต้ผ้าห่มอุ่น..เป็นภาพของเด็กหนุ่มตัวเล็กนอนขดอยู่ใต้อ้อมแขนแกร่งของพี่ชายคนโปรด.. เมื่อคืนนี้ไพรทูรย์ค้างที่บ้านของเพทาย เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่ของไพรทูรย์โทรศัพท์มาที่บ้านของเพทายและแจ้งว่าจะกลับบ้านดึกมาก ส่งผลให้สองหนุ่มต้องมานอนร่วมอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน เช้าวันเสาร์แสงแดดอ่อนกลับมาเยือนภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกครั้ง.. อากาศเย็นสบาย ไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป “ อื้อ.. ทูน ” เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมองดูรอบรอบและพบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดอุ่นของพี่ชาย.. แต่เด็กหนุ่มรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเพราะไม่ชินกับการถูกกอดและถูกจ้องมองจากใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้า แม้เจ้าตัวจะไม่ได้ลืมตาอยู่ก็ตาม.. “ ทูน.. ทายอึดอัด ” เพทายพยายามยกแขนหนักของพี่ชายออกจากการเกาะกุมตัวของเขาเอาไว้ เพทายรู้สึกว่าพี่ชายเหมือนเป็นหมีขั้วโลกเหนือตัวใหญ่ที่กำลังนอนทับเขาอยู่ตอนนี้ “ ออกไปนะ..แขนของหมีใหญ่ ” เด็กหนุ่มยกแขนใหญ่ออกจากตัวไปได้ แต่ทันทีที่เจ้าตัวจะลุกขึ้นจากเตียงนอน แขนของหมีใหญ่คว้าร่างบางของเด็กหนุ่มเข้าไปเกาะกุมเอาไว้อีกครั้ง “ ยังนอนไม่อิ่มเลย.. พี่ไม่ให้ไปไหนหรอก..มาให้พี่กอดต่อซะดีๆ นกเพนกวิน ” เสียงทุ้มมีเสน่ห์กล่าวขึ้น “ อื้อ..ไม่เอา ทายจะไปอาบน้ำ ” ชายหนุ่มยังคงกอดรัดร่างกายของเด็กหนุ่มเอาไว้แน่น “ ไม่ให้ไปหรอก เพทายตัวหอม พี่ชอบนอนกอด ” เด็กหนุ่มใช้มือเล็กทุบแผงหน้าอกใหญ่ของพี่ชายไปมาอย่างเบามือ “ ทำไมไม่ใส่เสื้อนอน ” เด็กหนุ่มเอียงหน้าถาม “ ก็เสื้อผ้าของเพทายมันตัวเล็กพี่ใส่ไม่ได้น่ะซิ.. ก็เลยต้องถอดเสื้อนอน ” เด็กหนุ่มทุบแผงหน้าอกของพี่ชายอีกครั้ง “ เสื้อของทายไม่ได้เล็กสักหน่อย ทูนนั่นแหละไม่อยากใส่เอง ” ผู้เป็นพี่ชายหัวเราะเบาๆ ชายหนุ่มรู้สึกขำที่เด็กหนุ่มตรงหน้ารู้ทัน “ และอากาศเมื่อคืนหนาวเย็นเพราะฝนตกตลอดทั้งคืน.. พี่คิดว่าคงเป็นไข้ซะแล้ว.. แต่พี่ก็นึกขึ้นได้ว่ามีนกเพนกวินนอนอยู่ข้างๆและนกตัวนั้นอุ่นมากเลย ” เด็กหนุ่มนิ่งเงียบและไม่ได้ตอบอะไรกลับคืนมา.. “ ทำไมถึงเงียบไปล่ะเพทาย.. ” ชายหนุ่มเอ่ยถามร่างบางที่อยู่ใต้การเกาะกุมของเขา “ ทูน.. ช่วงนี้ทายรู้สึกแปลกๆ..และไม่รู้ว่ามันคือความรู้สึกอะไร ” ชายหนุ่มรีบปลดเปลื้องแขนแกร่งที่พันธนาการร่างบางเอาไว้ “ พี่ขอโทษ..ไม่แกล้งเพทายแล้วก็ได้ ” “ ทายไปอาบน้ำก่อนนะ ” เพทายลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินต้วมเตี๊ยมไปเข้าห้องน้ำ เด็กหนุ่มไม่ทันสังเกตท่รทางที่เปลี่ยนไปของพี่ชาย ไพรทูรย์เริ่มกังวลกับการกระทำที่สนิทสนมเกินไปของตนเอง.. ไพรทูรย์กลัวว่าวันหนึ่งเพทายอาจรู้สึกบางอย่างเกินมากกว่าพี่น้องกับตนเอง และไม่ต้องการให้ตนเองเป็นฝ่ายทำร้ายน้อง แม้ว่าจะเอ็นดูน้องขนาดไหนก็ตาม.. เด็กหนุ่มหยิบแปรงสีฟันที่ถูกทายาสีฟันทับเอาไว้เข้าไปในปาก แล้วก็นึกคิดไปถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อครู่.. เพทายรู้สึกว่ามันอบอุ่นมากมากเลย และต้องการที่จะได้อยู่กับความรู้สึกแบบนี้ต่อไป.. เพทายเริ่มรู้สึกว่าอยากพยายามมองหน้าของพี่ชายตรงๆดูสักครั้ง อยากรู้ว่าแววตาที่พี่ชายมองมาที่ตนเป็นอย่างไร แต่เพียงแค่คิดความหวาดกลัวก็ไหลเข้ามากระทบบนจิตใจจนร่างบางตัวสั่นเทา.. เด็กหนุ่มทำความสะอาดร่างกายเสร็จแล้วเดินกลับมายังห้องนอน แต่พบว่าไม่เจอพี่ชายของตนอยู่ในห้องนอนแล้ว.. เพทายรีบแต่งตัวแล้วเดินดุ่มดุ่มลงไปข้างล่าง เพทายคิดว่าไพรทูรย์คงลงไปหาคุณยายข้างล่างบ้าน.. แต่ก็ได้พบอีกว่าพี่ชายของเขาไม่ได้ลงมาหาคุณยาย แต่คงกลับบ้านไปเสียแล้ว “ ไม่บอกลากันเลยนะทูน.. ” ไพรทูรย์เลื่อนรั้วประตูบ้านออกจากกัน บริเวณกว้างหน้าบ้านมีรถนิสสันคันสีขาวจอดเอาไว้ใต้ต้นจำปา ผู้ปกครองของชายหนุ่มกลับมาถึงบ้านแล้ว.. ชายหนุ่มหมุนลูกบิดเปิดประตูบ้าน รองเท้าส้นสูงสีดำถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ บนโต๊ะทานข้าวมีขนมไทยที่ชายหนุ่มชอบทานวางเอาไว้หลากหลายอย่าง “ อ้าว ทูนลูก.. กลับมาแล้วเหรอ นอนค้างบ้านน้องทายหลับสบายไหม ” สาววัยกลางคนกล่าวขึ้นทักทายผู้เข้ามาใหม่ “ พ่อล่ะครับ ” ชายหนุ่มเอ่ยถามผู้เป็นแม่ทันทีที่นั่งลงบนเก้าอี้โต๊ะทานข้าว “ อยู่บ้านอีกหลังนึงน่ะลูก.. วันนี้พ่อไม่ได้กลับมาบ้านเรา ” ไพรทูรย์เผยยิ้มบาง..แล้วลุกขึ้นไปโอบกอดผู้เป็นแม่เอาไว้แน่น.. “ ทูนคิดถึงแม่จังเลยครับ ทำไมเมื่อคืนถึงกลับดึกนักล่ะครับ ” สาววัยกลางคนอมยิ้มกับกริยาท่าทางของลูกชาย “ แม่ติดดูโปรเจคนักแสดงคนหนึ่งในช่องน่ะลูก กว่าแม่จะบินกลับมาถึงที่นี่ก็เช้าแล้ว ” ชายหนุ่มซบหน้าหล่อลงบนอกของผู้เป็นแม่ “ แล้วแม่ต้องบินไป-กลับแบบนี้อีกนานเลยเหรอครับ ” สาววัยกลางคนถอนหายใจออกมาเบาเบา “ ก็คงอีกสักพักใหญ่เลยลูก พอปิดโปรเจคไป แม่อาจจะลาออกมาอยู่ที่นี่ถาวร ” ชายหนุ่มเงยหน้าหล่อจ้องมองผู้เป็นแม่ของตน บนใบหน้าสวยมีริ้วรอยจากการอดนอนและความเหนื่อยล้าให้เห็น “ แม่ซูบลงไปเยอะเลยนะครับ พักผ่อนเยอะเยอะหน่อย ผมเป็นห่วง ” ผู้เป็นแม่เผยรอยยิ้มสวยออกมาพร้อมกับโอบกอดลูกชายแน่นขึ้น “ ขอบใจนะทูน.. แค่ได้เห็นหน้าลูก แม่ก็หายเหนื่อยแล้ว.. ” ไพรทูรย์ผละตัวออกจากอ้อมกอดของสาววัยกลางคนแล้วชี้นิ้วไปที่ขนมไทยบนโต๊ะ “ ทูนกินได้หมดทุกอย่างเลยเหรอครับแม่ ” ผู้เป็นแม่ยกมือสวยขึ้นมาลูบหัวของลูกชายสุดที่รัก “ ได้ทุกอย่างเลยครับ เอ้อ..เอาไปฝากน้องทายด้วยดีไหม ทูนไปรบกวนบ้านเขาอยู่บ่อยบ่อย ” ชายหนุ่มยิ้มบางและเลี่ยงตอบคำถามของผู้เป็นแม่ จากนั้นจึงขอตัวไปอาบน้ำแล้วจะออกมาทำกับข้าวให้แม่ทาน ชายหนุ่มในชุดไปรเวทมองดูสบายตา จัดการค้นข้าวของที่เหลือในตู้เย็นออกมาวางกองไว้บนโต๊ะทำอาหาร.. วัตถุดิบที่เหลือมีอยู่เพียงไม่กี่อย่าง คือเนื้อหมูบด พริกสด กะเทียม หอมแดง มะเขือเทศ ต้นหอม ผักชี และไข่ไก่ 4 ฟอง ดังนั้น เมนูที่ชายหนุ่มจมันออกมาก็คือ น้ำพริกอ่องกับไข่เจียว ไพรทูรย์เริ่มโครกพริก หอมแดงและกระเทียมก่อน การใส่หอมหัวแดงลงไปด้วยช่วยชูกลิ่นของอาหารให้หอมมากยิ่งขึ้น สูตรนี้ชายหนุ่มเรียนมาจากคุณยายของเพทาย.. จากนั้นนำส่วนผสมที่โครกเอาไว้ลงไปผัดกับน้ำมันในกระทะไฟกลาง และเทหมูบดลงไปผัดตาม หลังจากกลิ่นหอมจากวัตถุต่างลอยขึ้นแตะจมูก ชายหนุ่มหั่นมะเขือเทศออกเป็นชิ้นเล็กๆแล้วนำลงไปผัดผสมกับหมูบดในกระทะ จากนั้นลดไฟให้อ่อนลงแล้วทิ้งส่วนผสมทั้งหมดไว้สักระยะ เมื่อมะเขือเทศอ่อนตัวแล้วชายชายหนุ่มใช้ตะหลิวบดขยี้ให้เนื้อของมะเขือเทศละเอียดเป็นเนื้อเดียวกันแล้วปรุงรสด้วยซอสปรุงรสตามเด็กอ้วนตามด้วยน้ำนาลและเกลือ เทอาหารใส่ถ้วย และเป็นอันเสร็จสิ้น ชายหนุ่มตักบ้างสวยที่พึ่งหุ่งเสร็จเมื่อครู่ใส่จานแล้วใบ แล้วเสิร์ฟน้ำพริกอ่องถ้วยใหญ่ลงบนโต๊ะ และไข่เจียวที่ตามมาทีหลัง จากนั้นชายหนุ่มเดินไปเคาะประตูห้องนอนของผู้เป็นแม่และแจ้งว่าตนทำอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก๊อก ก๊อก “ แม่ครับ ผมทำกับข้าวเสร็จแล้ว ออกมาทานด้วยกันซิครับ ” สาววัยกลางคนในชุดไปรเวทมองดูสบายตา ดูดีไม่แพ้ลูกชายของเธอเลย.. เธอมองดูลูกชายตัวสูงของเธอด้วยความเอ็นดูและคิดไปว่า ถ้าเขาโตขึ้นกว่านี้ต้องเป็นดาราได้แน่ หน้าตาระดับเขานี่แหละ สาวสาวจะต้องกรี๊ดกร๊าดกันแน่นอน “ ทูน.. มีแฟนหรือยังลูก ” ผู้เป็นแม่ถามคำถามโดยที่ไม่ให้ลูกชายได้ทันตั้งตัว.. ชายหนุ่มแสดงสีหน้าเขินอายออกมา “ แม่ถามอะไรครับเนี่ย ” ผู้เป็นแม่เอื้อมแขนไปตักเอาไข่เจียวซีกหนึ่งลงไปวางไว้บนจานข้าวของลูกชาย “ ไม่เห็นต้องตกใจเลย ทูนก็อายุตั้งสิบเจ็ดแล้ว ไม่ไปจีบสาวที่ไหนบ้างเหรอ ” ไพรทูรย์เอียงหน้าไปด้านข้างและหลบสายตาคุณแม่และหยักคิ้วขึ้นสูงหนึ่งข้าง ชายหนุ่มพยายามเลียนแบบท่าทางของเพทายเนื่องจากเขินอายที่จะตอบคำถามคุณแม่ “ ก็.. มีผู้หญิงส่งตลับเทปมาให้ผมด้วยครับแล้วพวกเราจะนัดเจอกันหลังเลิกเรียนวันจันทร์หน้า ” สาววัยกลางคนกุมมือขึ้นมาปิดปากเอาไว้ “ สุดยอด.. ลูกฉันโตเป็นหนุ่มแล้วจริงจริงซินะ ” ทั้งสองคนสลับกันเล่าเรื่องราวที่เจอมาก่อนถึงสุดสัปดาห์นี้ให้กันและกันฟัง แม่กับลูกพยายามจะใช้เวลาในช่วงทานข้าวทดแทนช่วงที่อยู่ห่างจากกันให้มากที่สุด เสียงรถสามล้อเครื่องดังมาตามทางและหยุดจอดที่หน้าบ้านของเพทาย “ เท่าไหร่ครับลุง ” ชายสูงอายุหันหน้ากลับมาตอบชายร่างท้วมที่นั่งอยู่หลังรถ “ สามสิบบ้านครับ ” หนุ่มร่างท้วมควักเศษเงินจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ออกมาวางลงบนมือของชายสูงอายุ บนมือหนากระด้างคือเหรียญสิบทั้งหมดสามเหรียญ “ ขอบคุณครับ ” สามล้อเครื่องกลัยรถและขับเคลื่อนออกไปยังนอกพื้นที่บ้านของเพทาย ชายวัยกลางคนร่างท้วมหยุดยืนอยู่ตรงประตูรั้วหน้าบ้าน “ ไม่ได้กลับบ้านมากี่ปีแล้วนะ.. ” ชายวัยสี่สิบห้าปีเปิดประตูรั้วหน้าบ้านออก แล้วแบกสัมภาระเดินเข้าไปในบ้าน เขาเดินสำรวจไปทั่วบ้านแล้วก็พบกับเด็กหนุ่มร่างบางกำลังนั่งฟังเพลงจากเทปคาสเซ็ตของพี่ชายที่ลืมทิ้งเอาไว้บนโซฟาไม้ในบ้าน หนึ่งในนี้นั้นมีเพลงสากลที่ชื่อว่า Nothing’s gonna change my love for you ซึ่งเพทายชอบมันเอามากและฟังมันวนเกินสิบรอบได้แล้ว “ เพทาย! ” ชายร่างท้วมเสียงทุ้มใหญ่ตะโกนเรียกชื่อของเด็กหนุ่มเสียงดังจนทำให้เจ้าตัวตกใจ เด็กหนุ่มเกร็งตัวและเริ่มหายใจติดขัด เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลพรากลงบนแก้มแดง นิ้วมือหงิกงอ ดวงตาเบิกกว้าง ลูกตาขาวโพลน ม่านตาหุบเล็กลง เด็กหนุ่มยกมือที่หงิกงอทั้งสองข้างขึ้นมาทุบที่ศรีษะของตนเองพร้อมกับกรีดร้องออกมา หูฟังคาสเซ็ตหล่นลงจากหูสู่พื้นปูนข้างล่าง หญิงชราเปิดประตูมุ้งรวดหลังบ้านและรีบวิ่งออกมาดูหลานชาย “ ไอ้ทาย! เป็นอะไรลูกใครทำอะไรเอ็ง ” ภาพตรงหน้าหญิงชราเป็นชายร่างท้วมกำลังดึงตัวเด็กหนุ่มเข้าไปโอบกอด เขายกมือขึ้นมาลูบหัวเด็กหนุ่มแล้วกล่าวขอโทษอยู่เป็นระยะ “ ไอ้สิน.. ” หญิงชราหัวใจเต้นแรงและหายใจสั่นถี่ ลูกชายคนโตของเธอกลับบ้านในรอบสิบปี.. ชายร่างท้วมเงยหน้ามองหญิงชราที่เรียกชื่อตนบนใบหน้าเศร้า..“ แม่.. ผมขอโทษ ” เสียงกรีดร้องของเด็กหนุ่มดังไกลถึงบ้านของไพรทูรย์ สองแม่ลูกลุกขึ้นจากเก้าอี้ทานข้าวและรีบเดินจ้ำอ้าวไปที่บ้านของเพทาย “ เพทาย!.. ” ไพรทูรย์เหมือนคนสติหลุดเมื่อเห็นภาพน้องชายทำร้ายตัวเองบนอ้อมกอดของชายร่างท้วม และเด็กชายยังคงทุบศรีษะของตัวเองไม่ยอมหยุด เพทายวิ่งเข้าไปแยกชายร่างท้วมออกจากเพทายและพยุงตัวของเด็กหนุ่มเอาไว้ “ เพทายตั้งสติ! มองหน้าพี่ พี่อยู่นี่! เลิกทำร้ายตัวเองก่อนนะ เพทาย! ” ชายหนุ่มรั้งมือทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มมากุมเอาไว้ หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นแรงขึ้นมากกว่าเดิมและเด็กหนุ่มหายใจถี่มากขึ้น เพทายตัดสินใจปล่อยมือที่กุมมือของเด็กหนุ่มอาไว้และโอบกอดเด็กหนุ่มเอาไว้แทน ร่างกายของเด็กหนุ่มแข็งทื่อ.. เพทายยกมือขึ้นมาลูบหัวของเด็กหนุ่มเบาๆ แล้วก็พูดออกด้วยท่าทีเรียบง่าย “ ไม่เป็นนะครับทาย ค่อยค่อยหายใจ ไม่ต้องคิดมาก ไม่มีอะไรทำร้ายทายได้แล้ว ” เมื่อชายหนุ่มพูดจบ เด็กหนุ่มกลับมาได้สติและค่อยๆผ่อนลมใจเข้าออกช้าๆ ทุกอย่างค่อยๆกลับมาเป็นปกติเช่นเดิม “ ทูน.. ทายตกใจ มันทำให้ทายนึกถึงพ่อ.. ” แล้วเพทายก็หมดสติไปต่อหน้าของไพรทูรย์ “ ทาย..ทาย! ” ชายหนุ่มรีบยกนิ้วมือขึ้นมาตรวจจับชีพจรของเด็กชาย แล้วพบว่าชีพจรยังคงเต้นอยู่..ชายหนุ่มถึงรู้สึกวางใจ ชายร่างท้วมลุกขึ้นจากพื้นและเดินไปยืนข้างๆหญิงชราผมขาว แล้วพูดขึ้นมาว่า “ พ่อมันทิ้งรอยร้าวเอาไว้ให้มันเต็มไปทั้งหมดตัวเลยนะแม่.. ทั้งร่างกายและจิตใจ น่าสงสารมันจริงจริง ” สถานการณ์กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง.. ไพรทูรย์อุ้มเพทายขึ้นไปนอนพักอยู่บนห้องนอน เมื่อแน่ใจว่าเด็กชายไม่เป็นอะไรแล้ว จึงขอตัวกลับบ้านไปกับแม่ ส่วน “ วสิน ” หรือ “ สิน ” ลูกชายคนโตของหญิงชรานามว่า “ วรัสดี ” กำลังเตรียมวัตถุดิบต่างๆในการทำขนมครกให้ผู้เป็นแม่ “ แกหายหัวไปไหนมาไอ้สิน ” หญิงชราเอ่ยถาม.. “ ตั้งแต่น้องตายผมก็ออกมาใช้ชีวิตเอง ผมเกลียดที่ต้องเห็นหน้าไอ้หมอนั่น..และต้องขอโทษที่ผมมันเห็นแก่ตัวที่ทิ้งหลานเอาไว้ให้แม่ดูแล.. ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ผมแค่อยากหยอกหลานเล่นเพียงเท่านั้น ไม่นึกว่ามันจะรุนแรงถึงเพียงนี้ ” หญิงชราถอนหายใจแล้วพูดขึ้นต่อว่า “ แพทย์ประจำตำบลเขาบอกว่า ที่ไอ้ทายมันเป็นแบบนี้คืออาการออทิสติกสเปกตรัม เขาบอกว่ามันไม่สมประกอบและมันก็ใช้ชีวิตแบบนั้นมาตลอด ไม่มีเพื่อน มีแค่แม่กับพี่ข้างบ้าน.. แต่แม่ก็ไม่เชื่อหรอกว่ามันเป็นออทิสติก ตอนมันอายุหกขวบ..ตอนที่แม่มันยังอยู่ มันเหมือนเด็กปกติจะตาย.. อยากพามันไปตรวจในโรงพยาบาบที่มีหมอดีดี.. ค่าตรวจก็แพงแสนแพง แม่จนปัญญาเลยเลี้ยงมันมาเท่าที่เลี้ยงได้ ” วสินยกอุกปรณ์ทำขนมขึ้นรถเข็นแล้วเดินกลับมานั่งรถข้างๆผู้เป็นแม่ “ แล้วพ่อมันล่ะ.. หายหัวไปไหน ” พอวสินพูดเรื่องนี้ขึ้นมา หญิงชรามีท่าทีหงุดหงิดขึ้นมาทันที “ อย่าไปพูดถึงไอ้คนพรรค์นั้น! หลานคนเดียวแม่เลี้ยงได้! เราเลิกคุยกันเรื่องนี้เถอะวสิน แม่จะเตรียมตัวไปขายขนม แม่ฝากดูแลไอ้ทายมันด้วยนะ ” หญิงชราลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากไป เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นกลางบ้านใหญ่ “ สวัสดีครับ ” ไพรทูรย์กดรับสายที่ดังขึ้น “ ไอ้ทูน มึงอยู่ไหนวะ ” เป็นเสียงไอ้ธาร เพื่อนสนิทของไพรทูรย์ “ อยู่บ้าน มึงมีไรเปล่าวะ ” ปลายสายเงียบเสียงไปสักครู่ จากนั้นเสียงของหญิงสาวคนคุ้นเคยดังลอดหูโทรศัพท์ขึ้นมา.. “ พี่ทูนเหรอคะ.. จูนเอง ” ชายหนุ่มนั่งนิ่งตัวแข็งทื่อแม้ว่าจะกำลังยกหูโทรศัพท์แนบหูตนเองอยู่ “ วันนี้เขากินเลี้ยงวันเกิดน้องพี่ธารกัน พี่ทูนไม่มาด้วยเหรอคะ ” ขณะหญิงสาวกำลังพูดเสียงของเพื่อนสนิทไพรทูรย์ก็ดังแทรกขึ้นมา “ มันมาไม่ได้หรอกน้องจูน มันเลี้ยงลูกอยู่บ้าน! ” แล้วเสียงหัวเราะของกลุ่มเพื่อนชายก็ดังเล็ดรอดผ่านหูโทรศัพท์เข้ามา “ น้องจูนพี่ฝากไปบอกเพื่อนรักพี่หน่อยว่า.. ไอ้ธาร ปากดีนักนะมึง อย่าให้กูต้องฟ้องแม่มึงว่ามึงแอบไปซื้อแผ่นซีดีเรื่องอะไรมาเก็บเอาไว้ในห้อง ” หญิงสาวหัวเราะคิกคักแล้วทำตามคำสั่งของชายหนุ่ม “ แต่พี่ทูนจะไม่มาจริงเหรอ.. จูนเหงาแย่เลย ” ไพรทูรย์สูดลมหายใจเข้าลึกและตอบกลับหญิงสาวตามความเป็นจริง “ วันนี้แม่พี่พึ่งกลับมาที่บ้านหลังจากทำงานต่างจังหวัดหลายวันครับ พี่อยากใช้เวลาอยู่กับแม่ แล้วเดี๋ยวเราค่อยไปเจอกันวันจันทร์ก็ได้เนอะคนเก่ง ” ปลายสายงอแงอยู่สักพัก แต่ก็ยอมเข้าใจแต่โดยดีและกดวางสายไป.. แต่ความจริงอีกเรื่องหนึ่งที่ไพรทูรย์ยังไม่ได้บอกกับหญิงสาวคือเจ้าตัวยังคงเป็นห่วงน้องชายบ้านข้างๆอยู่มากเหลือเกิน.. “ จูน ” คือรุ่นน้องโรงเรียนตรงข้ามของไพรทูรย์.. จูนรู้จักกับธารธาดามาเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว และธารธาดาก็รู้ว่าจูนสนใจเพื่อนสนิทของตน แต่ธารธาไม่เคยรู้ว่าสองคนนี้แอบคุยกันมาได้สักพักแล้ว.. ชายหนุ่มวางหูโทรศัพท์ลงและนั่งตัดสินใจอยู่นานว่าจะไปดูอาการของเพทายอีกสักครั้งดีไหม..
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD