กัดครั้งที่ 1

1992 Words
รถมอเตอร์ไซค์สีชมพูหวานแหววคันหนึ่ง เคลื่อนตัวเข้ามาจอดช้าๆ ที่ลานจอดรถด้านหลังคณะวิศวะฯ โดยเจ้าของรถเลือกที่จะจอดเจ้าสองล้อคู่ใจไว้ในที่ประจำซึ่งเป็นที่สำหรับจอดรถยนต์ แต่ไม่มีใครสักคนที่จะกล้าเอ่ยปากว่าหรือห้าม แถมยังปล่อยให้ไอ้สองล้อสีชมพูคันนี้ จอดอยู่ของมันแบบนั้นมาเกือบ 3 ปีแล้ว เมื่อดับเครื่องยนต์สนิทแล้วเจ้าของรถก็จัดการล็อกคอรถ จากนั้นก็ลงมือเช็กความเรียบร้อยจนพอใจ และเมื่อแน่ใจว่าคงไม่มีใครมาขโมยลูกสาวสุดที่รักไปจากอกได้ ถึงได้จัดการดึงกุญแจออกมาและเก็บใส่กระเป๋ากางเกงไว้ จากนั้นเจ้าตัวก็ถอดหมวกกันน็อกเต็มใบยี่ห้อดังที่ใช้สำหรับคนขับบิ๊กไบค์ออกจากหัว แล้วนำไปวางลงบนตะกร้าหน้ารถอย่างหวงแหน เพราะมีความใฝ่ฝันว่าสักวันจะได้ใช้มันกับบิ๊กไบค์คู่ใจในอนาคต ใบหน้าที่ไร้การปกปิดจากหมวกกันน็อกใบโตก้มลงไปส่องกระจกที่ติดกับตัวรถเล็กน้อย ลงมือจัดทรงผมของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะหันไปเปิดเบาะรถเพื่อหยิบเอาผ้าขึ้นมาเช็ดให้ลูกสาวสุดที่รัก ระหว่างที่เช็ดก็ผิวปากเป็นท่วงทำนองเพลงโปรดคลอไปอย่างอารมณ์ดี “พี่อาร์ต!!! แฮ่กๆ อยู่นี่เอง” เจ้าของชื่อชะงักมือตัวเองทันทีแล้วเงยหน้ามองคนเรียกเล็กน้อย ก่อนจะขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความแปลกใจ พร้อมกับหันไปเก็บผ้าไว้ใต้เบาะรถเหมือนเดิม เพราะดูจากท่าทางของอีกฝ่ายแล้วคงจะไม่ได้เช็ดรถต่อแน่ๆ “มีเหี้ยไร” อาร์ตถามด้วยความรำคาญก่อนจะนั่งลงบนเบาะรถ ปรายตามองรุ่นน้องที่ยืนหอบเหนื่อยจนตัวโยนอย่างไม่ใส่ใจ “กะ...เกิดเรื่องแล้วพี่ พวกไอ้ต้ากำลังจะตีกับพวกไอ้โชนหน้าคณะ” รุ่นน้องที่คาบข่าวมาบอกพูดด้วยน้ำเสียงกระหืดกระหอบ ใบหน้าเต็มไปด้วยความวิตกปนแตกตื่นอย่างเห็นได้ชัด “สัด!! หาเรื่องให้กูตั้งแต่วันแรก” อาร์ตสบถออกมาด้วยความหงุดหงิดให้กับสิ่งที่ได้ยิน ยกมือขึ้นขยี้ผมของตัวเองจนยุ่งไปหมด แล้วออกเดินนำไปยังจุดหมายด้วยความเร็ว เพราะถ้าขืนช้าแล้วปล่อยให้เกิดการทะเลาะกันขึ้นมาก่อน คนที่ซวยจะเป็นเขาและเขาก็ขี้เกียจจะมีปัญหากับพวกที่ใหญ่กว่า “พวกมึงมีเรื่องเหี้ยอะไรกัน!!! ” เสียงตะโกนดุดันที่ดังขึ้นฝ่าความตึงเครียด ทำให้ทั้งสองฝ่ายที่จ้องจะเปิดศึกต้องหยุดชะงัก ก่อนจะพากันยืนเงียบและถอยห่างจากกันอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าใครมา “เป็นรุ่นพี่กันแล้วเสือกกัดกันเอง ไม่อายน้องมันหรือไงวะ” อาร์ตถามรุ่นน้องเสียงเข้มแล้วมองไปที่ทุกคนดุๆ ก่อนที่สายตาจะสะดุดเข้ากับคนแปลกหน้าที่มีรูปร่างสูงใหญ่ สวมแว่นตาหนาเตอะ และแต่งตัวเรียบร้อยไม่ต่างจากพวกเด็กเรียน แต่กลับมีบรรยากาศรอบตัวแปลกๆ จนเขาต้องหยุดสายตาเพื่อจ้องมองด้วยความสงสัย ให้กับอะไรบางอย่างที่อีกฝ่ายแผ่ออกมา “ขอโทษครับพี่” ฝุ่นที่เป็นคนใจเย็นที่สุดในบรรดาทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น เอ่ยปากขอโทษออกมาพร้อมกับค้อมหัวให้นิดๆ อาร์ตเลยเลิกสนใจคนแปลกหน้าแล้วหันกลับมามองรุ่นน้องทุกคนแทน “อย่าสร้างปัญหาตั้งแต่วันแรก...ถือว่ากูขอ” อาร์ตบอกรุ่นน้องด้วยน้ำเสียงจริงจังแบบที่ไม่ค่อยได้ใช้บ่อยนัก ก่อนจะโบกมือไล่ให้แยกย้าย แล้วเดินแยกไปหากลุ่มเพื่อนของตัวเอง ที่ป่านนี้คงนั่งรวมตัวกันอยู่จุดประจำตรงซุ้มโต๊ะไม้ข้างคณะ “เป็นเหี้ยอะไรมึงหน้าเป็นส้นตีน” กลอนที่เงยหน้าขึ้นไปเจออาร์ตซึ่งกำลังเดินเข้ามาด้วยใบถมึงทึงพอดี เอ่ยปากถามอีกฝ่ายออกไปด้วยความแปลกใจ แต่อาร์ตไม่ได้ตอบคำถามอะไรออกมานอกจากทำหน้าเซ็ง แล้วทิ้งตัวกระแทกลงบนเก้าอี้ด้วยความหงุดหงิด “บุหรี่ดิ๊” อาร์ตเอ่ยปากขอพร้อมกับกระดิกนิ้วเร่งยิกๆ ก่อนจะรับมาจากมือก่อนแล้วจุดขึ้นสูบทันที “มาถึงก็อัดมะเร็ง” อ้นว่าด้วยความขำ ใช้สายตามองใบหน้าหล่อเหลาของเพื่อนสนิทอย่างเอือมระอา อาร์ตจัดว่าเป็นผู้ชายที่เรียกได้ว่าหล่อชนิดหาตัวจับได้ยากคนหนึ่ง กล้าพูดได้เลยว่าในมหา’ ลัยตอนนี้ไม่มีใครหล่อเท่า ถ้าไม่นับเพื่อนในกลุ่มอีกคนที่เรียนคนละคณะ คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าชายแห่งคณะบริหาร ซึ่งมีดีกรีเป็นถึงอดีตเดือนมหา’ ลัย ด้วยการเฉือนเอาชนะอาร์ตตอนประกวดไปได้แค่คะแนนเดียว ผมสีแดงเพลิงที่ตัดกับผิวสีขาวของอาร์ต รูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นบวกกับบุคลิกที่เรียกว่าเป็นเอกลักษณ์ และรอยสักตัวอักษรที่อยู่บนนิ้วแปดตัว ซึ่งข้างหนึ่งสักคำว่า ‘KILL’ ส่วนอีกข้างสักเลขโรมัน ‘XVII’ ที่ไม่มีใครรู้ความหมายของมันนอกจากเจ้าตัว ทำให้อาร์ตเป็นที่ดึงดูดและจดจำได้ง่าย รวมทั้งได้ชื่อว่าเป็นคนที่เด็กวิศวะทั้งคณะให้ความเคารพ จะเรียกว่าเป็นบอสใหญ่ของวิศวะก็ไม่ผิดนัก เลยยิ่งทำให้เจ้าตัวเป็นที่รู้จักไปทั่ว “ว่าไงมึงตกลงมีเรื่องอะไร” กลอนตัดสินใจถามอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหายหงุดหงิด และกำลังนั่งพ่นควันบุหรี่เล่นแบบที่ไม่ได้สนใจว่าตัวเองอยู่ในสถานศึกษา “ไม่มีไร...แค่พวกไอ้น้องโชนคนสวยปีสองของไอ้อ้น แม่งจะตีกับไอ้เด็กแว่นปีหนึ่งเพื่อนไอ้กิง” อาร์ตตอบเนือยๆ ก่อนจะขยี้ก้นบุหรี่ลงบนโต๊ะ “เอ้า!! ไอ้เหี้ย!! ใครช่างบังอาจมายุ่งกับน้องโชนกู” อ้นทำหน้าตาขึงขังเอาเรื่องจนอาร์ตขว้างบุหรี่ในมือใส่เพราะหมั่นไส้ “เห็นใครน่ารักเป็นไม่ได้ของมึงหมดว่างั้น” กลอนส่ายหัวหน่ายๆ และส่งยิ้มปนสมเพชไปให้อ้น อ้นเป็นคนเจ้าชู้ที่เห็นใครสวยเห็นใครน่ารักเป็นไม่ได้จะต้องตามจีบหมด เทียวไล่เทียวขื่ออีกฝ่ายโดยที่ไม่ได้ดูรูปร่างหน้าตาตัวเองเลยสักนิด ไม่ใช่ว่าเจ้าตัวขี้ริ้วขี้เหร่ แต่เป็นคนที่ตัวบาง หน้าหวาน บางทีก็หวานกว่าคนที่ไปตามจีบด้วยซ้ำ จะดีหน่อยก็ตรงที่มีส่วนสูงถึง 180 ซ.ม. ถึงอย่างนั้นปัจจัยโดยรวมของอ้นก็ทำให้หาแฟนกับเขาไม่ได้สักที เลยต้องอยู่เป็นโสดไร้คู่จนทุกวันนี้ แต่ถ้าลองเปลี่ยนความคิดไปเป็นเมียชาวบ้านดู มันอาจจะทำให้เจ้าตัวเลิกโสดก็ได้ “แน่น้อน...แต่ว่านะไอ้อาร์ต ทำไมมึงไม่ปล่อยให้มันตีกันวะ น้องโชนจะได้บาดเจ็บกูจะได้เข้าไปดูแล” อ้นบ่นงึมงำทำหน้าตาเสียดายอย่างสุดซึ้ง อาร์ตเลยทนไม่ไหวต้องคว้าคอเจ้าตัวมาล็อกไว้แน่น แล้วตบลงไปบนหัวทุยนั้นแรงๆ หลายทีติดกันด้วยความหมั่นไส้ จนอ้นได้แต่ดิ้นพล่านโวยวายดังลั่นด้วยความเจ็บ พอหลุดออกมาได้ก็ยกมือขึ้นลูบหัวตัวเอง แล้วส่งสายตามองค้อนอาร์ตจนตาคว่ำ “ไอ้สัด!! อย่ามาแต๋ว” แต่อาร์ตผู้รักเพื่อนก็ยกตีนขึ้นถีบซ้ำ จนอีกฝ่ายกลิ้งตกเก้าอี้ลงไปกองแอ้งแม้งกับพื้น “มึงแม่ง!! ทำร้ายร่างกายกู กลอนดูมันเดะ” อ้นทำท่าทางกระเง้ากระงอดใส่อาร์ตแล้วลุกขึ้นเดินไปเกาะแขนกลอน ออกแรงเขย่าเบาๆ พร้อมกับเอาหัวถูไถไปมาอ้อนๆ “พอไอ้สัด” แต่แทนที่กลอนจะสงสารกลับตบกะโหลกอ้นซ้ำอีกครั้งด้วยความหมั่นไส้ จนเจ้าตัวนั่งหน้างอด่าลมด่าฟ้าที่เพื่อนรุมทำร้าย “แล้วไง...มันจะตีกันเพราะอะไร” กลอนเลิกสนใจอ้นแล้วหันมาคุยกับอาร์ตแบบเป็นการเป็นงานแทน เป็นอันรู้กันดีทั้งคณะว่ากลุ่มของต้ากับโชนไม่ถูกกัน จ้องจะตีกันให้ได้มาตั้งแต่ปีหนึ่ง แต่ที่ไม่ทำสักทีเพราะยังเกรงใจพวกเขาอยู่ “กูก็ไม่รู้ว่าเรื่องเหี้ยอะไร ขี้เกียจจะถามเลยให้พวกมันแยกย้าย” อาร์ตพูดพร้อมกับชักสีหน้าเหนื่อยหน่ายไปด้วย “มึงน่าจะปล่อยให้ตี กูอยากดูแลน้องโชน!! ” อ้นที่เงียบได้ไม่นานส่งเสียงแทรกขึ้นมาแสดงความคิดเห็นอีกครั้ง “ดูแลพ่อง!!! หาเรื่องให้กูต้องเคลียร์ตั้งแต่วันแรก พอๆ สัด!! กูสละตำแหน่ง” อาร์ตสบถออกมาด้วยความเบื่อหน่าย เขาไม่ได้ชอบตำแหน่งหัวโขนที่โดนยัดเยียดให้เป็นเลยสักนิด อยากอยู่สงบๆ เข้าวัด ฟังเทศน์ ฟังธรรม ไปปลูกป่าชายเลน เขาเป็นผู้ชายรักสงบ!!! “ทำใจว่ะ...มันไม่มีใครจะเอาเด็กวิศวะทั้งคณะอยู่เหมือนมึงแล้วไอ้อาร์ต” กลอนตบไหล่เพื่อนพร้อมกับยิ้มขำ เขารู้ว่าอาร์ตอึดอัดกับสิ่งที่เป็นแค่ไหน แต่เจ้าตัวก็ต้องยอมทำตามเพราะขัดใจพวกรุ่นพี่ไม่ได้ อาร์ตเองก็เคยลองหนีลองทำเป็นไม่สนใจมาแล้ว ซึ่งมันก็เลี่ยงกันไปได้อยู่สักพัก แต่หลังจากนั้นชีวิตก็ไม่เคยสงบสุขอีกเลย เพราะพวกของฮิมรุ่นพี่ที่จ้องจะสืบทอดทายาทอสูรให้ ขยันงัดสารพัดวิธีมาป่วน มาหลอกล่อ คอยตามหลอกตามหลอนจนต้องยอมแพ้ในที่สุด ทุกอย่างเป็นเพราะตำนาน 10 ต่อ 1 ของอาร์ตตัวเดียวแท้ๆ เลยนำพาความยุ่งยากและวุ่นวายมาให้ และไอ้ตำนานที่ว่าทุกวันนี้คนก็ยังพูดถึงกัน อาจจะมีแต่งเติมไปบ้างจนเกินจริง แต่พื้นเรื่องทั้งหมดก็คือของจริง “ว่าแต่เพื่อนไอ้กิงที่เป็นเด็กแว่นนี่คือยังไง” กลอนเอ่ยปากถามต่อด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่ากลุ่มของรุ่นน้องที่สนิทกันมีเพื่อนใส่แว่น “ก็ใส่แว่นแต่งตัวเรียบร้อยโคตรๆ ถอดแบบเด็กเรียนในตำนานเป๊ะ” อาร์ตพูดออกไปตามที่เห็น “อ้าว...งี้ถ้าตีกัน ไอ้โชนชนะใสๆ ดิวะ” กลอนพูดต่อตามความเข้าใจของตัวเอง “กูว่าไม่แน่ว่ะ...ถึงแม่งจะดูเนิร์ดๆ แต่กูว่ามันแปลกๆ อีกอย่างคบกับพวกไอ้กิงได้ กูว่าไม่น่าจะธรรมดา” อาร์ตบอกออกไปบ้างตามความรู้สึกลึกๆ เรียกว่าตามสัญชาตญาณที่ตัวเองมีก็ว่าได้ “ก็จริงของมึง” กลอนนิ่งไปนิดและคิดตาม ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย “ว่าแต่ที่มึงหงุดหงิดนี่แค่เรื่องของพวกน้องมันเหรอวะ” อ้นถามขึ้นบ้างด้วยความสงสัย เพราะปกติคนอาร์ตเป็นคนหงุดหงิดอะไรยาก และยังออกไปทางใจเย็นเป็นแม่น้ำหน้าหนาวด้วยซ้ำ “ไม่ใช่!! แต่กูหงุดหงิดเพราะมันมาขัดขวางการแสดงความรักของกูต่อลูกสาว” อาร์ตพูดพร้อมกับชักสีหน้าหงุดหงิดอีกครั้ง เมื่อนึกถึงเจ้าสองล้อคันเก่งพาหนะคู่ใจของตัวเอง ที่ประคบประหงมจนถึงกับออกปากเรียกว่าลูกสาว “ว่าแล้วกูกลับไปเช็ดตัวให้บานชื่นลูกสาวสุดที่รักต่อดีกว่า” อาร์ตพูดจบก็ลุกขึ้นยืนทันที แล้วเดินกลับไปที่ลานจอดรถอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้กลอนกับอ้นมองหน้ากันด้วยความระอาใจ พวกสาวๆ กว่าครึ่งมหา’ ลัยจะมีโอกาสได้รู้บ้างไหม ว่าผู้ชายเถื่อนๆ แมนๆ ที่พากันกรี๊ดกร๊าดฝันถึงอย่างอาร์ตเป็นคนแบบนี้ เป็นผู้ชายที่ชอบสีชมพูและมีของโปรดเป็นขนมหวาน...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD