กัดครั้งที่ 2

1214 Words
“ครับ...เดี๋ยวผมจะรีบไปหานะ...เอาที่ไหนมาพูด...รักส้มคนเดียว” เสียงออดอ้อนที่ดังขึ้นเป็นระยะ ทำให้นาวกับเลิฟเบ้หน้าใส่กัน หมั่นไส้กับความหน้าเจ้าชู้ไม่มีลิมิตของเพื่อนตัวเองเป็นที่สุด “อะไร...มองหน้ากูแบบนั้นทำไม” พีทที่วางโทรศัพท์แล้วขมวดคิ้วเป็นปม เมื่อเห็นว่าเพื่อนรักทั้งสองกำลังจ้องตัวเองอยู่ แถมยังทำหน้าตาเอือมระอาใส่ “ไอ้หน้าม่อเอ๊ย!! กูขอให้สักวันรถไฟมึงชนกัน” นาวเอ่ยปากแช่งออกมาอย่างหมั่นไส้ พร้อมกับส่ายหัวให้ด้วยความเหนื่อยใจกับพฤติกรรมของอีกฝ่าย “โว้ะ!! อยู่ดีๆ มาแช่งกู ทีไอ้กั้มมึงไม่เห็นไปว่ามันมั่ง” พีทพาดพิงไปถึงเพื่อนอีกคนในกลุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเจ้าชู้ และเป็นลูกคู่กับตัวเองในการไปจีบสาว “เออ!! ไอ้กั้มมันก็มีเยอะ แต่ถึงมันจะเปลี่ยนบ่อย อย่างน้อยมันก็คบทีละคน ไม่เหมือนมึงคบพร้อมกันเป็นสิบ” นาวหันมาเหวี่ยงใส่พร้อมถลึงตามองจนพีทต้องทำหน้ามุ่ยออกมา “มึงๆ” แรงสะกิดเบาๆ ที่ไหล่ทำให้พีทต้องหันไปมองอย่างช่วยไม่ได้ จ้องมองใบหน้าหวานจนหมดไต่และผู้หญิงอายของเลิฟ ที่กำลังมองกลับมาตาแป๋วด้วยความสงสัย “อะไร” พีทถามด้วยความระแวง เพราะถ้าอีกฝ่ายทำตาแป๋วเตรียมอ้อนใส่แบบนี้ มันกำลังส่งสัญญาณอันตรายสุดๆ “หาสาวให้กูบ้างดิ” เลิฟบอกด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่กระตือรือร้นพร้อมกับส่งสายตามองพีทอย่างอ้อนวอน “แล้วสาวคณะบริหารมึงล่ะ” นาวเอ่ยปากถามถึงบุคคลที่เลิฟเคยบอกว่าไปตามจีบ “เขาก็คุยกับกูดีแหละ แต่ว่ากูรู้สึกเหมือนเขากำลังแกล้งหยอกกูอ่ะ ไม่รู้ดิ แม่งบอกไม่ถูก เอาเป็นว่าหาสาวให้กูหน่อยน้า...” เลิฟหันมาเขย่าแขนพีทต่อพร้อมกับช้อนตามองอ้อนๆ “อย่าเลยนะมึงกูขอเตือน อย่าไปทำท่าทางทำตาแบบนี้ใส่ตัวผู้ที่ไหน นอกจากพวกเราในกลุ่ม กูสั่งห้ามเข้าใจไหม” พีทพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังแฝงไปด้วยความเป็นห่วง เพราะกลัวว่าเลิฟจะไปเผลอทำท่าทางแบบนี้กับคนอื่น มีหวังเจ้าตัวได้มีผัวเป็นตัวเป็นตนกับเขาจริงๆ ก็คราวนี้ แค่นี้ก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าทำไมดาวคณะบริหารที่เจ้าตัวโม้นักโม้หนาว่าตามจีบ ถึงได้เอาแต่หยอกเล่นสนุกไปวันๆ ก็คงเป็นเพราะไอ้ท่าทางแบบนี้เนี่ยแหละ ฝ่ายนั้นเขาถึงได้ไม่จริงจัง แล้วนี่ยังมีหน้ามาบอกให้หาหญิงให้ทั้งๆ ที่ตัวเองทำตัวน่ารักกว่าผู้หญิง มันอดสงสัยไม่ได้จริงๆ ว่าตอนที่เลิฟมีแฟน พวกผู้หญิงเขาไม่รู้สึกแปลกๆ กันบ้างหรือไง “เลิฟ...พี่ปอมา” นาวที่บังเอิญเหลือบไปเห็นคู่อริของเลิฟกำลังเดินผ่านมารีบเอ่ยปากบอกเจ้าตัวทันที เพราะเห็นหน้าตากลุ้มอกกลุ้มใจของพีทแล้วเธอกลัวว่าจะเครียดจนผูกคอตาย “ห๊ะ!! ไหน....มหาาาาา” เลิฟที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบปล่อยแขนของพีทแล้วหันไปมองหา ก่อนจะร้องเรียกเสียงดังแล้ววิ่งแจ้นไปหาทันที “นี่คือยังไงวะ มันไม่เอาสาวแล้ว?” พีทมองตามหลังเลิฟที่วิ่งไปอย่างงุนงง เรียกว่าเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ไม่ว่าจะคุยอะไรกันอยู่ก็ช่าง ถ้าบอกว่าพี่ปอมา เลิฟจะทิ้งทุกอย่างแล้ววิ่งไปหาอีกฝ่ายในทันที “ช่างมันเถอะ บางทีคนของมันคงถูกกำหนดมาแบบนี้” นาวพูดออกมาแล้วก้มลงไปหยิบหนังสือที่อ่านค้างไว้ขึ้นมา “อะไรของมึงวะ” พีทเป็นงงกับคำพูดลอยๆ ของนาวทันที เพื่อนเขาคนนี้ชอบพูดอะไรที่ชาวบ้านไม่เข้าใจ แต่เจ้าตัวเข้าใจอยู่คนเดียวเป็นประจำ “เออน่ะ...มันต้องใช้เวลา เดี๋ยวมึงก็รู้” นาวพูดตัดบทเพื่อไม่ให้พีทถามต่อ เอาเป็นว่าให้เธอเข้าใจคนเดียวพอ “เรื่องมึงเหอะ...งั้นกูไปละต้องไปรับหมิว” พีทเองก็ขี้เกียจจะเซ้าซี้เอาคำตอบ ลุกขึ้นยืนเก็บของใส่กระเป๋าเป้แล้วเดินไปหารถตัวเองอย่างรีบร้อน ทิ้งให้นาวมองตามเจ้าตัวไปด้วยความระอา เมื่อกี้เพิ่งจะบอกรักส้มไปหมาดๆ ตอนนี้บอกจะไปรับหมิว เอากับความเจ้าชู้ของพีทสิให้ตาย พีทขับรถออกมาจากคณะด้วยอารมณ์แจ่มใส เรียกได้ว่าดีสุดๆ เพราะกำลังจะไปรับสาวในสต๊อกที่เขาเพิ่งจีบมาได้เมื่อวาน และถ้าไม่มีอะไรพลาดคืนนี้คงจะได้ทำกิจกรรมเข้าจังหวะด้วยกันแน่ๆ แค่คิดก็อยากจะหายตัวไปหาเดี๋ยวนั้น เพราะมัวแต่คิดอะไรเพลินๆ จังหวะที่กำลังจะเลี้ยงรถออกจากหน้ามหา’ ลัย ก็มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับสวนเข้ามาพอดี ทำให้พีทต้องหักหลบด้วยความตกใจ จนรถพุ่งขึ้นไปเกยบนฟุตบาทข้างทาง ส่วนมอเตอร์ไซค์คู่กรณีก็หักหลบจนรถล้ม เอี๊ยด!!! พีทนั่งหายใจแรง ตาค้าง มือสองข้างกำพวงมาลัยเอาไว้แน่น ใจหล่นวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่มกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นั่งกะพริบตาถี่ๆ อยู่ในรถแบบนั้น เพราะยังคงงงกับเรื่องที่เกิดอย่างกะทันหัน ก่อนจะยกมือตัวเองที่สั่นน้อยๆ ขึ้นมาลูบอกไปมา เมื่อตั้งสติได้ก็รีบปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วก้าวลงจากรถด้วยความเร็ว “เหี้ย!!! รถกู!!” พีทโวยออกมาดังลั่นทันทีเมื่อลงมาเห็นสภาพรถตัวเอง มินิคูเปอร์คันเก่งที่พ่อเพิ่งซื้อให้เป็นของขวัญจากการสอบเอนทรานซ์ติด ตอนนี้ด้านข้างของตัวรถมีรอยถลอกเป็นทางยาวปรากฏอย่างเด่นชัด “อ๊ากกก บานชื่นลูกพ่อ” และในวินาทีต่อมาเสียงโวยวายของคู่กรณีก็ดังตามมาติดๆ พีทหันไปมองตามเสียงทันที เห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่กว่าตัวเองที่บนหัวสวมหมวกกันน็อกเต็มใบสีชมพูกำลังโวยวายคร่ำครวญเหมือนญาติเสีย เดินไปพยุงรถมอเตอร์ไซค์สีชมพูไม่ต่างจากสีหมวกขึ้นมา แล้วเดินวนสำรวจรอบรถพร้อมทำท่าจะเป็นจะตาย ทั้งๆ ที่รถของอีกฝ่ายมันไม่ได้เป็นอะไรเลยสักนิด พีทยืนมองท่าทางเหล่านั้นด้วยความโมโห เพราะไอ้บ้านี่แท้ๆ รถของเขาถึงเป็นรอย และแทนที่มันจะสนใจความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถเขา อีกฝ่ายดันเอาแต่สนรถซังกะบ๊วยของตัวเอง “เฮ้ย!! ไอ้แต๋ว” พีทจงใจเรียกออกไปเสียงดังเพื่อดึงให้อีกฝ่ายหันมาสนใจ และมันก็ได้ผล เพราะเจ้าตัวหยุดนิ่งเลิกคร่ำครวญแล้วหันมาหาเขาทันที “มึงว่าใครแต๋ว” เสียงที่ดังออกมาจากหมวกกันน็อกถามขึ้นด้วยความไม่พอใจ พีทเลยกระตุกยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากอย่างชอบใจ ‘สีชมพูทั้งตัวยันอุปกรณ์เสริมนี่มึงแมนสัดๆ ล่ะมั้ง’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD