กัดครั้งที่ 3

1310 Words
ความเงียบโรยตัวปกคลุมทั่วบริเวณทันที คนรอบข้างที่มุงดูต่างพากันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เพราะส่วนมากทุกคนพอจะรู้ว่าใบหน้าภายใต้หมวกกันน็อกนั้นคือใคร และด้วยกิตติศัพท์ดีเยี่ยมอันเป็นที่ร่ำลือของคนคนนี้ ทำให้หลายคนชักเป็นห่วงสวัสดิภาพของผู้ชายหน้าหวานอีกคน ที่กำลังแกว่งเท้าหาเสี้ยนโดยที่ไม่รู้ตัว “เฮ้ย!! ถามไม่ได้ยินเหรอวะ มึงว่าใครแต๋ว” เสียงอู้อี้ที่ดังออกมาจากหมวกกันน็อกเอ่ยถามด้วยความฉุนเฉียว “ว่าหมาแถวๆ นี้แหละ” พีทตอบอย่างยียวนเพื่อหวังกวนประสาทอีกฝ่ายเล่น “ไหนวะหมา” นอกจากจะกวนไม่สำเร็จ อีกฝ่ายยังพาซื่อมองหาหมาที่พีทว่า ทำเอาความดันของพีทเกือบขึ้น “มึงถอดหมวกออกมาคุยกับกูดีๆ ก่อนไหมไอ้นมเย็น” พีทพยายามบอกอีกฝ่ายอย่างใจเย็น ถึงแม้ในใจอยากจะเดินไปบีบคอเต็มที่แล้วก็ตาม ตัวใหญ่กว่าไม่ได้แปลว่าไอ้พีทจะกลัวนะเว้ย “เออว่ะ...กูว่าแล้วทำไมฟ้าแม่งมืดๆ เหมือนฝนจะตก” คู่กรณีที่เพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองใส่หมวกกันน็อกอยู่ จัดการถอดออกช้าๆ ตามที่พีทบอกอย่างว่าง่าย ก่อนจะเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาและผมสีแดงเพลิงอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว แล้วหันมามองพีทตรงๆ เพื่อที่จะได้คุยกัน แต่พีทที่ได้เห็นคู่กรณีชัดๆ ถึงกับอึ้งไปด้วยความตกใจ ใบหน้าเนียนเริ่มซีดเผือด แสดงอาการหวั่นวิตกออกมาในทันที ทำไมเขาถึงโง่แบบนี้ ทำไมถึงไม่สังเกตเห็นหรือเอะใจตั้งแต่แรก ทั้งที่ทุกอย่างมันก็ชี้ชัดบ่งบอกอยู่ทนโท่ มอเตอร์ไซค์สีชมพู หมวกกันน็อกสีชมพู รอบๆ ตัวมีสีชมพูแบบนี้ มันมีอยู่แค่คนเดียวในมหา’ ลัยนี้ คนที่พี่รหัสเตือนนักเตือนหนาว่าต้องให้ความเคารพ เพราะคือคนที่ได้ชื่อว่าใหญ่สุดในวิศวะตอนนี้ ยิ่งไอ้หน้าหล่อๆ หัวสีแดงที่ไม่ต้องถามให้มากความก็รู้ นี่มันพี่อาร์ตปีสามคนนั้นชัดๆ ไอ้พีท...มึงซวยแล้ว “หน้ามึงคุ้นๆ ว่ะ เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนไหม” อาร์ตที่พอได้มองหน้าอีกฝ่ายชัดๆ ก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย พยายามจะเข้าไปมองใกล้ๆ แต่อีกฝ่ายก็ถอยหลังหนีแถมก้มหน้าก้มตาหลบ เป็นอะไรของมันวะ “โว้ย!! คุ้นห่าอะไรล่ะ มุกจีบสาวหรือไงวะ” พีทเผลอตวาดด่าอีกฝ่ายด้วยความลืมตัว เพราะรำคาญที่อีกคนพยายามจะจับหน้าตัวเองให้เงยขึ้นไม่ไหว พอรู้ตัวก็ยกมือปิดปากตัวเองแน่นทันที ความรู้สึกในตอนนี้ คืออยากผ่าหมาออกจากปากตัวเองเป็นที่สุด “อะไรของมึงวะ ผีเข้าป่ะเนี่ย” อาร์ตที่โดนตวาดแบบไม่ทันตั้งตัว ผงะถอยหนีออกไปด้วยความตกใจ เมื่อกี้เห็นยืนเงียบเป็นหุ่นอยู่ดีๆ ดันเสือกแหกปากขึ้นมาซะงั้น “จะเอายังไงเรื่องรถ” พีทรีบพูดธุระสำคัญของตัวเอง เพราะอยากจะรีบจบเรื่องแล้วแยกย้าย ก่อนที่ความลับจะแตกว่าตัวเองเป็นเด็กวิศวะเหมือนกัน แบบนั้นคิดว่าเรื่องคงจะไม่ดีเท่าไหร่ “แล้วมึงจะเอายังไงล่ะ” อาร์ตถามกลับไปบ้าง เพราะก็อยากรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะรับผิดชอบต่อลูกสาวเขายังไง “สองหมื่นขาดตัว จ่ายสด งดเชื่อ เบื่อทวง!!” พีทที่เข้าใจไปคนละอย่างกับอีกฝ่ายบอกตัวเลขความเสียหายทันที “อะไรคือสองหมื่น มึงจะให้กูเหรอ เฮ้ย!! มันไม่ได้แพงขนาดนั้น สองพันก็พอ” อาร์ตที่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะจ่ายเงินค่าซ่อมลูกสาวสุดรักให้ รีบเอ่ยปากปฏิเสธทันที “ห๊ะ!! เดี๋ยวนะ ใครจะให้มึงวะ” พีทที่เริ่มจะสับสนถามย้ำกับอีกฝ่าย ตกลงว่ามันกับเขาคุยเรื่องเดียวกันไหม “ก็มึงไง” อาร์ตบอกอีกฝ่ายหน้าตาย ขับรถเหมือนเด็กอนุบาลจนทำให้เขารถล้ม ยังมีหน้ามาถามอีกว่าใครจ่าย “ห๊า!!! มึงมั่วแล้ว มึงเว้ยต้องเป็นคนจ่ายให้กู เห็นไหมว่ารถกูถลอกเป็นแผลเนี่ย” พีทตะโกนสวนขึ้นอย่างเหลืออดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่รอยถลอกข้างตัวรถ ลืมสิ้นแล้วไอ้ความกลัวความเกรงใจที่โผล่มาเมื่อกี้ “แล้วไงวะ รอยแค่นั้นมึงจะเอาตั้งสองหมื่น กูไม่จ่าย” อาร์ตมองไปตามที่อีกฝ่ายชี้แล้วก็ยักไหล่ให้อย่างไม่สนใจ “ก็นี่มันรถนอก มึงรู้จักไหมมินิคูเปอร์ จะให้ซ่อมสองร้อยเหรอวะ” พีทต่อว่าอีกฝ่ายด้วยความเดือดดาล อีกสักพักเขาจะเข้าไปบีบคอมันแล้วนะ “เออ...ถ้าสองร้อยก็คุยกันได้อยู่ ราคาตกลงกันได้” อาร์ตพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย พร้อมกับควักเอาแบงก์สีแดงยู่ยี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีน “โว้ย!!! กูประชด กูจะเอาสองหมื่น” พีทตะโกนใส่เสียงดัง หน้าดำหน้าแดงด้วยความโมโห เกิดมายังไม่เคยโมโหใครขนาดนี้เลย “กูมีให้มึงสองร้อยทั้งเนื้อทั้งตัวเนี่ย” อาร์ตทำหน้าตาจริงจังใส่อีกฝ่ายพร้อมกับชูเงินสองร้อยในมือให้ดู “ไอ้ยาจก” พีทด่าอย่างดูถูกทันที ไอ้คนแบบนี้ทำไมเด็กวิศวะถึงให้ความเคารพกันนะ ให้ตายสิ “เฮ้ยๆ อย่าเรียกกูยกจก เขาเรียกคนมีรายได้น้อย อีกอย่างนะ...สองร้อยเนี่ย กูกินข้าวได้ตั้งสองวันนะมึง” อาร์ตบอกอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์ บังอาจมาดูถูกเงินสองร้อยของเขาได้ยังไงกัน “ถ้ามึงจะจนขนาดนี้นะ แล้วมึงขับรถภาษาเหี้ยอะไร ถึงให้ไอ้เศษเหล็กสองล้อมาเฉี่ยวรถกู” พีทยังคงด่าต่ออย่างไม่ยอมแพ้ ความโมโหแล่นขึ้นมาเป็นระยะไม่ยอมหยุด “มึงว่ารถใครเศษเหล็ก แล้วมึงนั่นแหละขับรถภาษาเหี้ยอะไร” อาร์ตเองก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน เริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว ที่อีกฝ่ายมาว่าบานชื่นลูกสาวของเขาเป็นเศษเหล็ก “มึงว่าใครเหี้ย” พีทหน้าบึ้งถามกลับเหวี่ยงๆ เมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายว่าตัวเอง “มึงกับกูยืนคุยกันสองคน ไม่ใช่กูแน่ๆ ที่เป็นเหี้ย งั้นมึงคิดว่าใคร” อาร์ตถามกลับเสียงยียวน เอานิ้วมือแหย่หูตัวเองเล่น ส่งเสียงแว้ดๆ ดังแสบแก้วหูฉิบหายเลยเหอะ “ไอ้สัด!!” พีทด่ากลับด้วยความโมโห “เออดี...กูเป็นกระต่ายนะ” อาร์ตตอบกลับทันควัน “ไอ้เหี้ย!!” “มึงนี่ยังไงวะ กูเพิ่งบอกว่าเป็นกระต่ายไปแม่บๆ ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง” อาร์ตหรี่ตามองคนตรงหน้าแล้วส่ายหัวให้หน่ายๆ คนอะไรวะเอาใจยากฉิบหาย เดี๋ยวสัด เดี๋ยวเหี้ย เอากับมันสิ พีทได้แต่ยืนอ้าปากพะงาบๆ ให้กับความกวนประสาทของอีกฝ่าย อยากจะถีบเข้าสักเปรี้ยง แต่ก็กลัวว่าจะโดนสวนกลับมา เลยได้แต่ยืนฮึดฮัดคนเดียวอย่างฉุนเฉียว “ไหนกูขอดูใกล้ๆ ดิ๊ รอยเหี้ยอะไรจะเอาเงินตั้งสองหมื่น” อาร์ตว่าพร้อมกับเดินไปทางรถที่จอดอยู่ เพื่อจะดูรอยถลอกเจ้าปัญหาที่ว่า แต่ไม่รู้ว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดหรือสวรรค์เล่นตลก จู่ๆ เจ้าตัวก็สะดุดอะไรบางอย่าง ทำให้หมวกกันน็อกที่ตัวเองถือไว้หลุดมือ ปลิวขึ้นสูงลอยละล่องอยู่กลางอากาศ และตกลงมากระแทกที่กระจกรถทางด้านหลังเข้าอย่างจัง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD