๑๕ วัน “ข้าสงสารน้องว่ะ” ชาตรีกอดอกนิ่งมองสร้อยสุดาที่อยู่ไกลลิบๆ แต่ก็ยังเห็นถึงความหม่นหมองของน้องได้ ที่จริงก็เห็นมาตลอดหลายวันแล้วนั่นแหละ “ปล่อยไปเถอะ เรื่องผัวเมียกินแหนงแคลงใจกัน ง้อนิดง้อหน่อยเดี๋ยวก็หาย มึงก็รู้ว่าน้องเรารักไอ้อัฐแค่ไหน” วิกรมบอกน้องชายขณะที่ประเมินสถานการณ์ไว้หมดแล้ว เขากับชาตรีเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน จึงเหมือนเพื่อนกันซะมากกว่า “แต่ข้าก็ยังไม่สบายใจอยู่ดีว่ะ ถึงจะรู้ว่าไอ้น้องเขยมันมีเมียเต็มเรือน ฟันได้เป็นฟัน คลำมีหางถ้ามันจะเอามันยังเอาเลยมั้ง แต่ยายสร้อยออกเรือนไปหลายปีดีดัก ก็ไม่เคยทำทีท่าว่าทุกข์ใจขนาดนี้สักที เพราะเห็นว่ามันดูแลน้องเราดีหรอก กูเลยเอาหูไปนาเอาตาไปไร่มาตลอด” วิกรมตบบ่าบึกบึนของชาตรีอย่างเข้าใจ “เอาอย่างนี้ดีมั้ยมึง บางทียายสร้อยอาจเหงา ถ้าหาเพื่อนมาคุย มาทำขนม ร้อยมาลัยเป็นเพื่อน เดี๋ยวก็หายคิดถึงผัวไปเอง” ความคิดของชาตรีเข้าท่า ว่าแต่ “