ห้องปฏิบัติการ BETA-G3
แกร๊ก ๆ ๆ คลิก ๆ ๆ ๆ
เสียงแป้นคีย์บอร์ดและเสียงคลิกเม้าส์ดังแข่งกันภายในห้องปฏิบัติการของเอกวิศวคอมฯ เวลานี้ควรเป็นเวลาเรียนของคลาสปีสาม แต่ทุกคนกลับกำลังหมกมุ่นอยู่กับหน้าจอคอมอย่างเป็นเอาตาย ซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
“เวรเอ๊ย! แพ้ทีมไอ้โลกิอีกละ ลำไย!” เสียงโวยวายของไอ้เฟียเพื่อนร่วมคลาสดังขึ้นอย่างหัวร้อนเมื่อหน้าจอคอมผมขึ้นคำว่า WIN ตัวเบ้อเริ่ม มุมปากแสยะยิ้มรับชัยชนะก่อนหันไปแท๊คมือกับเพื่อนร่วมทีมอีกสามคนซึ่งก็คือ ไอ้ฌอน ไอ้ไรม์ และไอ้โต
“พวกมึงช่วยลดความเทพลงกันบ้างได้ปะวะ หรือไม่ก็แยกทีมกันบ้างไรบ้าง กะจะไม่ให้พวกกูชนะบ้างเลยดิ หัวร้อนฉิบ!” ไอ้กล้าเพื่อนร่วมคลาสอีกคนลุกขึ้นโวยวายบ้าง มันอยู่ทีมเดียวกับไอ้เฟียที่เพิ่มแพ้ทีมผมราบคาบเมื่อครู่ ผมกดออกเกมแล้วหยิบน้ำขึ้นดื่มพลางยกขาไขว่ห้างด้วยท่าทางไม่ยี่หระต่ออาการหัวร้อนของพวกมัน
“อ่อนแอก็แพ้ไปเว้ย อย่างอแง ๆ” ไอ้ฌอนยืดเส้นยืดสายแล้วพาดขาขึ้นโต๊ะคอมอย่างไร้มารยาท นี่ถ้าอาจารย์เข้ามาเห็น มีหวังมันโดนเพ่นกบาลแหกแน่ ๆ “โชคดีวันนี้อาจารย์ยกคลาสเลยมีเวลาซ้อมมือ นี่ขนาดพวกกูไม่ได้ออกรบกันมาหลายวันละนะ พวกมึงยังแพ้ซะราบคาบเลย ฮ่า”
“แหม มึงก็พูดได้นี่ไอ้ฌอน โปรเจคพวกมึงเสร็จกันละนิ มีไอ้โตกับไอ้โลกิอยู่นี่หว่า” ไอ้กล้าทำหน้าหมั่นไส้ แต่เห็นพวกมันหัวร้อนกันแบบนี้ก็ไม่เคยทะเลาะอะไรกันหรอก พวกผมเรียนด้วยกันมาสามปีล่ะ เรียกได้ว่าซี้กันทั้งคลาสนั่นแหละ
“แล้วเย็นนี้เอาไงวะ ไปสนามบาสป่ะ กูเริ่มขี้เกียจ” ไอ้ฌอนเลิกสนใจพวกไอ้กล้าแล้วหันมาถามผม ผมมองไอ้โตเป็นเชิงถามความเห็น มันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นตอบ
“ไปก็ไป เย็นนี้กูว่าง” แหม… มีเช็คตารางงานนะมึง เซเลปจริง ๆ
“มึงอ่ะไอ้ไรม์?” คราวนี้ผมหันไปหาไอ้ไรม์บ้าง มันนั่งสูบบุหรี่อยู่ตรงขอบหน้าต่างกับเพื่อนคนอื่น พวกแม่งแหกกฎกันอีกล่ะ เดี๋ยวอาจารย์เข้ามาได้กลิ่นบุหรี่ก็โดนด่าเรียงตัวอีก
“เออ ว่างเหมือนกัน”
“สรุปว่าไปนะ กูจะได้โทรบอกองค์หญิงของกูก่อน” ไอ้ฌอนสรุปเสร็จสรรพก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมากด ผมมองมันคุยสายด้วยสีหน้ายิ้มหวานตาเยิ้มแล้วนึกหมั่นไส้แปลก ๆ “จ้า ๆ เลิกงานพี่จะรีบไปรับเลยนะคะคนดีของพี่”
“กูควรจะชิน แต่แม่งก็ขนลุกกับไอ้ซิสค่อนนี่ทุกครั้งเลยว่ะ” ไอ้โตทำท่าขนลุกขนพองใส่ไอ้ฌอน พอมันวางสายเสร็จก็เอื้อมมือตบหัวไอ้โตดังปั่ก “สัส! เจ็บนะโว้ย!”
“สมควร!” ไอ้ฌอนแสยะยิ้มใส่ก่อนจะมองมาที่ผมซึ่งนั่งจ้องหน้ามันอยู่ “มึงก็อีกคนนะไอ้เวร ห้ามเข้าใกล้น้องกูเด็ดขาดเลยนะ ห้ามไปเหยียบที่ร้านนั้นด้วย ห้ามยุ่งกับน้องสาวกูเชียว”
“ปัญญาอ่อน ถ้ากูจะยุ่งด้วยจริง ๆ คิดเหรอว่ามึงจะห้ามกูได้”
เชื่อไหมว่าตั้งแต่เจอหน้าผม ไอ้เวรนี่ก็พูดแต่เรื่องนี้ซ้ำ ๆ ท่าทางจะระแวงผมมาก เมื่อวานหลังจากยัยนั่นเลิกงาน มันกลับบ้านพร้อมกับน้องสาวมันทันที ทิ้งผมเสียดื้อ ๆ ทั้งที่ผมเป็นคนชวนมันไปแท้ ๆ
แต่จะว่าไปโลกแม่งก็กลมเกิ้น! ใครจะคิดละวะว่ายัยนั่นจะกลายเป็นน้องสาวของไอ้ซิสค่อนนี่ ตอนแรกก็คิดว่าไอ้นี่มันโรคจิตเกินไปที่คลั่งน้องสาวซะเหลือเกิน แต่พอเห็นว่าน้องสาวมันคือยัยนั่น ผมก็เริ่มจะเข้าใจมันอยู่นิด ๆ อะนะ ก็นะ… ผู้หญิงบ้าอะไรไม่รู้ ทั้งสวยทั้งน่ารักอย่างกับตุ๊กตา รูปร่างก็บอบบางอ้อนแอ่นเห็นแล้วโคตรน่าทะนุถนอม เสียอย่างเดียวปากร้ายชะมัด
“อ้าวไอ้เวรนี่ มึงคิดจะยุ่งกับน้องสาวกูจริง ๆ เหรอวะ ไม่ได้นะเว้ย! กูไม่ยอม! กูไม่ให้!” แล้วไอ้ซิสค่อนมันก็ลุกขึ้นโวยวายจนเพื่อนคนอื่น ๆ หันมอง
“อะไร ๆ น้องสาวอะไรกันวะ น้องมึงเหรอไอ้ฌอน”
“สวยป่ะวะ เห็นมึงหวงนักหวงหนา ไหนดูรูปหน่อย” กลายเป็นว่าพวกผู้ชายในห้องเบนความสนใจมาเรื่องนี้กันหมดเลย
“ไม่ให้ดูโว้ยยย”
“โหยไอ้ขี้งก ไอ้โตกับไอ้โลกิมันมีน้องสาวเหมือนกัน มันยังไม่หวงเว่อร์เหมือนมึงเลยนะ ไอ้นี่คลั่งน้องสาวเกิ้นน”
“ก็เรื่องของกูไหม! พวกมึงไม่มีน้องสาวน่ารักน่าทะนุถนอมอย่างกูพวกมึงไม่เข้าใจหรอก องค์หญิงน้อยของกูช่างบอบบางยิ่งกว่าแก้ว…” แล้วไอ้ฌอนก็เข้าโหมดซิสค่อนอย่างเต็มตัว ผมส่ายหน้าเอือม ๆ เห็นแล้วก็อดสงสารยัยนั่นไม่ได้ ไม่แปลกที่เมื่อวานเธอหงุดหงิดใส่มันแบบนั้น
“โอ๊ย กูไม่ถามมึงล่ะ ถามไอ้โตก็ได้” ถือว่าไอ้กล้าแม่งฉลาด เพราะมันเบี่ยงความสนใจมาที่ไอ้พลูโตผู้ซึ่งมีสถานะเป็นลูกพี่ลูกน้องกับไอ้ฌอน จึงแน่นอนว่ามันรู้จักยัยนั่นแน่ ๆ “มึงมีรูปน้องสาวไอ้ฌอนปะวะ เอามาส่องบ้างดิ กูอยากเห็นองค์หญิงของมันมาก”
“น้องไอ้ฌอนเหรอ?”
“เฮ้ย ๆ ห้ามพูดนะเว้ยไอ้โต!” ไอ้ฌอนทำท่าจะพุ่งเข้าหาไอ้โตแต่ถูกพวกไอ้เฟียล็อกตัวไว้ นี่พวกมันคงว่างกันมากสินะถึงได้ร่วมใจกันทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ “อ๊ากกก ปล่อยกูนะเว้ยยย”
“บอกมาเลยไอ้โต! พวกกูอยากเห็นนน ต่อมเผือกสั่นแล้วเนี่ย!”
“พวกมึงจะตื่นเต้นอะไรกันนักหนา ก็น่าจะเคยเห็นกันหมดแล้วไง” ไอ้โตทำหน้าเนือย ๆ ประกอบคำพูดขณะที่ทุกคนมองมันเป็นตาเดียว
“หมายความว่าไงวะ พวกกูเคยเห็นด้วยเหรอ?” ผมขมวดคิ้วถาม ค่อนข้างมั่นใจนะว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นยัยนั่นมาก่อน อ้อ… นอกจากการพบกันแบบส่วนตั๊วส่วนตัวของพวกเราอะนะ
“ก็น้องปีหนึ่งเอกเราที่โดนเพ้นท์หน้าเป็นหมีแพนด้าตอนงานรับน้องไง”
“อ๊ากกกกไอ้โต! มึงจะชี้เป้าทำเหี้ยอะไรเนี่ย! กูอุตส่าห์เงียบไว้แล้วเชียวนะโว้ยยย!” ไอ้ฌอนแหกปากลั่นแทบลงไปแดดิ้นบนพื้นเลยทีเดียว ขณะที่คนอื่น ๆ ทำตาโตอ้าปากค้างกันเป็นแถว ๆ ส่วนผมน่ะเหรอ… แค่ขมวดคิ้วแล้วคิดตามที่ไอ้โตชี้เป้า
รุ่นน้องปีหนึ่งเอกเรา… เพ้นท์หน้าหมีแพนด้าตอนรับน้อง…
จำได้ว่าวันนั้นผมมาสายตอนพิธีใกล้จบละ เห็นแต่รุ่นน้องโดนเพ้นท์หน้ากันหมด และมีน้องผู้หญิงอยู่คนหนึ่งที่โดนรุมล้อมมากเป็นพิเศษ ยังคิดเลยว่าทำไมน้องคนนั้นฮอตจัง
อ้อ… ที่แท้ก็คือยัยนั่นนี่เอง
“เฮ้ย… จริงเหรอวะ น้องแพนด้านั่นคือน้องสาวมึงเหรอไอ้ฌอน?!”
“เออนั่นดิ น้องคนนั้นสวยสุดในบรรดาเฟรชชี่เลยนะมึง!”
“เออ ๆ รู้สึกจะชื่ออะไรเฌอ ๆ นะ เออ! เฌอแตม!”
นั่น… แม่งเดาถูกด้วย
“อ๊ากกกก พวกมึงหยุดเลยนะเว้ย! หยุดเรียกชื่อน้องกู ห้ามพูดถึง ห้ามยุ่งเว้ยยย! มึงนะมึงไอ้เหี้ยโต! กูไม่น่าเป็นญาติกับมึงเลย ไอ้ปากสว่าง! ไอ้ปากไม่มีหูรูด! ไอ้ ๆ ๆ”
“ด่ากูไปก็เท่านั้น นี่มึงยังไม่รู้ดิว่ายัยเฌอดังมากในเว็ปมหาลัย”
“หะ… หมายความว่าไงวะ?”
ผมเองก็อยากจะถามแบบนั้น ไอ้โตกลอกตาเนือย ๆ แล้วหมุนเก้าอี้ไปเปิดจอคอมก่อนเข้าเว็ปไซต์ของมหาวิทยาลัยที่ปกติแล้วพวกผมไม่เคยสนใจ
เดี๋ยวนะ… นั่นอะไรวะนั่น?
“เฮ้ยยยยย!! ทำไมมีรูปยัยเฌอด้วยวะ?!”
“ไหนวะ ๆ”
คราวนี้พวกผู้ชายพากันกรูเข้ามารุมล้อมด้านหลังไอ้โตกับไอ้ฌอนแล้วส่งเสียงวี้ดว้าวกันยกใหญ่ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น… เพราะตัวอักษรหน้าเพจนั่นน่าสนใจมากกว่า
‘โพลล์โหวตดาว-เดือนคณะวิศวกรรมศาสตร์’