EP.14 [เดือนคู่ดาว]

1181 Words
“หื้ม? พวกเธอหมายถึงไอ้แจ็คฟรอสต์ไรนั่นอะนะ” ไอ้ฌอนเสนอหน้าข้ามไหล่ผมมาถาม เรื่องเผือกนี่ขอให้บอกสินะ “อะหะ หมอนั่นแหละ เออ รู้สึกว่าหมอนั่นจะเรียนอยู่วิศวคอมฯเหมือนเราด้วยนะ น้องสาวนายก็เรียนอยู่ที่นั่นนี่” ประโยคหลังทำไอ้ฌอนอ้าปากค้าง มันดูตกใจกับข่าวใหม่เหลือเกิน “จะว่าไป น้องสาวนายคือยัยน้องแพนด้าใช่ไหม เย็นวันก่อนฉันเห็นหมอนั่นนั่งคุยกับเธอที่สนามบาสด้วยนะ ท่าทางจะสนิทกันน่าดู” “อะไรนะ! ไอ้เวรนั่นนั่งคุยกับน้องฉันเหรอวะ? ได้ไง?!” “พวกนั้นอยู่ปีเดียวกัน เอกเดียวกัน แปลกตรงไหนวะ มึงนี่ตกใจโอเว่อร์อีกล่ะ” ไอ้โตส่ายหัวแล้วเดินนำออกจากห้องไปคนแรก ตามด้วยไอ้ไรม์ เหลือผมกับไอ้ฌอนที่ยังยืนคาหน้าประตูห้อง “นี่ ๆ น้องสาวนายได้คะแนนโหวตดาวคณะนำลิ่วเลยด้วยนะฌอน งานนี้น้องนายได้เป็นดาวแน่ ๆ รับรองว่าป๊อปกว่าเดิมอีก” ยัยพวกผู้หญิงชักชวนไอ้ฌอนดูจอโทรศัพท์ มันปัดมือพวกเธอออกท่าทางจะอารมณ์เสีย “ไม่อยากดู! อ๊ากก! ปีนี้กูต้องเป็นเดือนให้ได้! ไม่ยอมให้องค์หญิงน้อยของกูเป็นดาวคู่กับผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น!” แล้วทำไมมันต้องหันมาแยกเขี้ยวใส่ผมด้วยละวะ “นั่นงานหนักเลยนะ นายจะเอาชนะคะแนนนิยมโลกิได้ไง ไหนจะแสงเหนืออีก เหลือเวลาอีกแค่อาทิตย์เดียวเอง เนอะ ๆ” พวกผู้หญิงนี่ก็บ่างช่างยุ ดูท่าทางจะสนุกกับการปั่นหัวไอ้เวรนี่มาก “ไม่รู้โว้ยยยย! แต่ที่แน่ ๆ กูไม่ยอมให้มึงได้เป็นเดือนคู่กับน้องกูแน่ ๆ ไอ้โลกีย์! มึงมันเทพบุตรนักสอยดาว! กูไม่ยอมให้มึงสอยน้องกูแน่!” มันชี้หน้าผมเหมือนประกาศศึก ถามว่าผมสนใจไหม? เออก็ไม่ ผมกลอกตามองมันเล็กน้อยก่อนจะเดินล้วงกระเป๋าออกจากห้องมา แต่ก็นะ... เป็นเดือนคู่กับดาวอย่างนั้นเหรอ… อืม... น่าสนใจจริง ๆ “พวกมึงช้ามาก พวกไอ้ฟิวมันเริ่มเกมไปล่ะ” ทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะหินอ่อนข้างสนาม ไอ้โตหันมาเขม่นตาใส่ผมสองคนด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ ผมมองไปทางสนามที่มีพวกรุ่นน้องปีสองกำลังเล่นบาสกันอยู่ ก่อนสายตาสะดุดกับร่างบางของใครคนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่อีกฝั่งของสนาม ไม่รู้ว่ากระแสจิตของผมมันแรงกล้าหรือยังไง เพราะในขณะที่ผมกำลังจับจ้องเธอคนนั้น อยู่ ๆ ใบหน้าสวยราวกับตุ๊กตาก็เงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตเลื่อนสบตากับผมอย่างพอดิบพอดี แววตาเรียบนิ่งติดเย่อหยิ่งนิด ๆ มองกันเพียงชั่วครู่ก่อนผละสายตาไป ริมฝีปากหนาขยับยิ้มบางแล้วลุกขึ้นยืน เสียงเรียกจากรุ่นน้องปีสองในสนามบอกให้เตรียมตัวลงเล่น พวกเพื่อนอีกสามคนของผมจึงลุกขึ้นและเดินตาม ทว่าขณะผมเดินผ่านทางเข้าสนามบาส ผมกลับไม่ได้เลี้ยวเข้าไปตามที่หลายคนคิด แต่ผมกลับเดินเลยผ่านมันไปทางฝั่งตรงข้ามซึ่งมีสาว ๆ นั่งจับกลุ่มตามโต๊ะหินอ่อนใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ นักศึกษาสาวแทบทุกคนพากันหันมามองพวกผมด้วยสายตาเคลิบเคลิ้ม ก็แน่แหละ… ไม่มีใครในมหาวิทยาลัยนี้ที่ไม่รู้จักกลุ่มพวกผม โดยเฉพาะพวกรุ่นน้องคณะวิศวะฯ แต่เหมือนจะยกเว้นอยู่คนที่นอกจากจะไม่เงยหน้ามามองแล้วยังทำเป็นไม่สนใจกันอีกต่างหาก “อ๊ะ… องค์หญิงน้อยของพี่~” น้ำเสียงชวนขนลุกของไอ้ฌอนทำผมกลอกตาใส่ที่โดนแย่งซีน นี่อุตส่าห์ตั้งใจเดินมาหาเธอคนเดียวนะ พวกมันจะตามติดตูดผมมาด้วยทำไมวะเนี่ย แล้วดูสายตาที่คนถูกเรียกใช้มองมาทางพวกผมสิ เย็นชายิ่งกว่ายอดเขาเอเวอร์เรสอีก! “เลิกเรียกเฌอแบบนั้นสักทีได้ไหม น่าขนลุกชะมัด!” “ง่ะ ใจร้ายกับพี่อีกแล้วนะเฌอ TT แต่ก็รักนะคะ!” เชื่อแล้วว่าไอ้เวรนี่มันโรคจิตเกินเยียวยา! ไอ้ซิสค่อนเอ๊ย! “สวัสดีค่ะพวกพี่ ๆ ลงมาเล่นบาสกันเหรอคะ?” ยัยเฟรย์ทักทายอย่างเป็นกันเอง นิสัยเฟลนด์ลี่นี่คงอยู่ในสายเลือดของพวกเราพี่น้องสินะ “อืม ไม่ค่อยได้เจอกันในมอเลยนะ อยู่คณะเดียวกันแท้ ๆ” ผมพูดขณะสายตาจับจ้องใบหน้าสวยราวกับตุ๊กตาที่มีสายตาเย็นชาขัดกับหน้าตาสุด ๆ “แหม ก็พวกพี่หาตัวจับยากกันนี่นา สาว ๆ ถึงกับตามล่ากันแทบตลอดเวลา” ยัยเฟรย์ตอบยิ้ม ๆ ตอนนี้พวกผมสี่คนตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนรอบข้างไปแล้ว โดยเฉพาะสาว ๆ ที่พากันขยับเข้ามาใกล้ ๆ “ว่าแต่เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเธอเป็นน้องสาวไอ้โลกิ ทำไมไม่เคยสังเกตเลยวะเนี่ย” ไอ้ฌอนเท้าแขนลงบนโต๊ะหินอ่อนแล้วจ้องหน้ายัยเฟรย์ ยัยนั่นหรี่ตามองมันเล็กน้อยแล้วขยับยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ “ก็ไม่แปลกหรอกค่ะ พี่ชายแยกออกไปอยู่คนเดียวตั้งแต่มอปลาย พวกเราเลยไม่เคยได้เจอกัน เนอะ” “ถ้างั้นเธอก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วสิว่าฉันเป็นเพื่อนกับพี่ชายเธอ?” ไอ้เวรนี่ดูจะสงสัยเหลือเกิน “ก็ทำนองนั้นค่ะ” “โอ้โห แล้วเฌอรู้ด้วยหรือเปล่า? นี่อย่าบอกนะว่าแอบรู้จักกับไอ้เวรนี่ลับหลังพี่อ่ะ” คราวนี้มันหันไปงอแงใส่น้องสาวตัวเอง เฌอแตมไม่ตอบอะไรทำเพียงปรายตามองนิ่ง ๆ แต่สื่ออารมณ์ได้ชัดเจนว่าไม่อยากจะเสวนาด้วย “เฌออ่าา อย่าเมินพี่ชายสิคะ! ตอบพี่มาน้าา” เชื่อไหมว่าท่าทางปัญญาอ่อนของมันเรียกความเหนื่อยหน่ายใจให้กับทุกคนตรงนี้ได้อย่างพร้อมเพรียง โดยเฉพาะสายตาเอือมระอาของน้องสาวผู้เป็นที่รักยิ่งของมัน “ให้ตายสิ ทำไมพี่ชายฉันไม่ใช่พี่โตนะ อยากตายแล้วเกิดใหม่ชะมัด!” ผมหลุดยิ้มกับคำบ่นของเฌอแตม ไอ้พลูโตเจ้าของชื่อที่ถูกยกมากล่าวถึงกับส่ายหัวยิ้ม ๆ แล้ววางมือลงบนศีรษะของเธอด้วยความเอ็นดู อื้อฮือ… ไม่ค่อยเห็นมันทำหน้าแบบนี้กับใครง่าย ๆ นะ “ทำใจนะเฌอ แต่พี่ว่าให้ไอ้ฌอนมันตายแล้วไปเกิดใหม่แทนจะง่ายกว่านะ” “นั่นสิคะ เผื่อไอ้โรคซิสค่อนมันจะตายตามไปด้วย แต่ไม่รู้ว่าต้องตายแล้วเกิดใหม่อีกสักกี่ชาติความโรคจิตนี้ของพี่ฌอนถึงจะหายสาบสูญไปจริง ๆ” คมกว่ากรรไกรก็ฝีปากของยัยนี่นี่แหละ! นิสัยโคตรไม่เข้ากับหน้าตาเลยจริง ๆ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD