“หื้ม? พวกเธอหมายถึงไอ้แจ็คฟรอสต์ไรนั่นอะนะ” ไอ้ฌอนเสนอหน้าข้ามไหล่ผมมาถาม เรื่องเผือกนี่ขอให้บอกสินะ
“อะหะ หมอนั่นแหละ เออ รู้สึกว่าหมอนั่นจะเรียนอยู่วิศวคอมฯเหมือนเราด้วยนะ น้องสาวนายก็เรียนอยู่ที่นั่นนี่” ประโยคหลังทำไอ้ฌอนอ้าปากค้าง มันดูตกใจกับข่าวใหม่เหลือเกิน
“จะว่าไป น้องสาวนายคือยัยน้องแพนด้าใช่ไหม เย็นวันก่อนฉันเห็นหมอนั่นนั่งคุยกับเธอที่สนามบาสด้วยนะ ท่าทางจะสนิทกันน่าดู”
“อะไรนะ! ไอ้เวรนั่นนั่งคุยกับน้องฉันเหรอวะ? ได้ไง?!”
“พวกนั้นอยู่ปีเดียวกัน เอกเดียวกัน แปลกตรงไหนวะ มึงนี่ตกใจโอเว่อร์อีกล่ะ” ไอ้โตส่ายหัวแล้วเดินนำออกจากห้องไปคนแรก ตามด้วยไอ้ไรม์ เหลือผมกับไอ้ฌอนที่ยังยืนคาหน้าประตูห้อง
“นี่ ๆ น้องสาวนายได้คะแนนโหวตดาวคณะนำลิ่วเลยด้วยนะฌอน งานนี้น้องนายได้เป็นดาวแน่ ๆ รับรองว่าป๊อปกว่าเดิมอีก” ยัยพวกผู้หญิงชักชวนไอ้ฌอนดูจอโทรศัพท์ มันปัดมือพวกเธอออกท่าทางจะอารมณ์เสีย
“ไม่อยากดู! อ๊ากก! ปีนี้กูต้องเป็นเดือนให้ได้! ไม่ยอมให้องค์หญิงน้อยของกูเป็นดาวคู่กับผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น!” แล้วทำไมมันต้องหันมาแยกเขี้ยวใส่ผมด้วยละวะ
“นั่นงานหนักเลยนะ นายจะเอาชนะคะแนนนิยมโลกิได้ไง ไหนจะแสงเหนืออีก เหลือเวลาอีกแค่อาทิตย์เดียวเอง เนอะ ๆ” พวกผู้หญิงนี่ก็บ่างช่างยุ ดูท่าทางจะสนุกกับการปั่นหัวไอ้เวรนี่มาก
“ไม่รู้โว้ยยยย! แต่ที่แน่ ๆ กูไม่ยอมให้มึงได้เป็นเดือนคู่กับน้องกูแน่ ๆ ไอ้โลกีย์! มึงมันเทพบุตรนักสอยดาว! กูไม่ยอมให้มึงสอยน้องกูแน่!” มันชี้หน้าผมเหมือนประกาศศึก ถามว่าผมสนใจไหม? เออก็ไม่ ผมกลอกตามองมันเล็กน้อยก่อนจะเดินล้วงกระเป๋าออกจากห้องมา
แต่ก็นะ... เป็นเดือนคู่กับดาวอย่างนั้นเหรอ…
อืม... น่าสนใจจริง ๆ
“พวกมึงช้ามาก พวกไอ้ฟิวมันเริ่มเกมไปล่ะ”
ทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะหินอ่อนข้างสนาม ไอ้โตหันมาเขม่นตาใส่ผมสองคนด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ ผมมองไปทางสนามที่มีพวกรุ่นน้องปีสองกำลังเล่นบาสกันอยู่ ก่อนสายตาสะดุดกับร่างบางของใครคนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่อีกฝั่งของสนาม
ไม่รู้ว่ากระแสจิตของผมมันแรงกล้าหรือยังไง เพราะในขณะที่ผมกำลังจับจ้องเธอคนนั้น อยู่ ๆ ใบหน้าสวยราวกับตุ๊กตาก็เงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตเลื่อนสบตากับผมอย่างพอดิบพอดี แววตาเรียบนิ่งติดเย่อหยิ่งนิด ๆ มองกันเพียงชั่วครู่ก่อนผละสายตาไป
ริมฝีปากหนาขยับยิ้มบางแล้วลุกขึ้นยืน เสียงเรียกจากรุ่นน้องปีสองในสนามบอกให้เตรียมตัวลงเล่น พวกเพื่อนอีกสามคนของผมจึงลุกขึ้นและเดินตาม ทว่าขณะผมเดินผ่านทางเข้าสนามบาส ผมกลับไม่ได้เลี้ยวเข้าไปตามที่หลายคนคิด แต่ผมกลับเดินเลยผ่านมันไปทางฝั่งตรงข้ามซึ่งมีสาว ๆ นั่งจับกลุ่มตามโต๊ะหินอ่อนใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ นักศึกษาสาวแทบทุกคนพากันหันมามองพวกผมด้วยสายตาเคลิบเคลิ้ม
ก็แน่แหละ… ไม่มีใครในมหาวิทยาลัยนี้ที่ไม่รู้จักกลุ่มพวกผม โดยเฉพาะพวกรุ่นน้องคณะวิศวะฯ แต่เหมือนจะยกเว้นอยู่คนที่นอกจากจะไม่เงยหน้ามามองแล้วยังทำเป็นไม่สนใจกันอีกต่างหาก
“อ๊ะ… องค์หญิงน้อยของพี่~” น้ำเสียงชวนขนลุกของไอ้ฌอนทำผมกลอกตาใส่ที่โดนแย่งซีน นี่อุตส่าห์ตั้งใจเดินมาหาเธอคนเดียวนะ พวกมันจะตามติดตูดผมมาด้วยทำไมวะเนี่ย แล้วดูสายตาที่คนถูกเรียกใช้มองมาทางพวกผมสิ เย็นชายิ่งกว่ายอดเขาเอเวอร์เรสอีก!
“เลิกเรียกเฌอแบบนั้นสักทีได้ไหม น่าขนลุกชะมัด!”
“ง่ะ ใจร้ายกับพี่อีกแล้วนะเฌอ TT แต่ก็รักนะคะ!”
เชื่อแล้วว่าไอ้เวรนี่มันโรคจิตเกินเยียวยา! ไอ้ซิสค่อนเอ๊ย!
“สวัสดีค่ะพวกพี่ ๆ ลงมาเล่นบาสกันเหรอคะ?” ยัยเฟรย์ทักทายอย่างเป็นกันเอง นิสัยเฟลนด์ลี่นี่คงอยู่ในสายเลือดของพวกเราพี่น้องสินะ
“อืม ไม่ค่อยได้เจอกันในมอเลยนะ อยู่คณะเดียวกันแท้ ๆ” ผมพูดขณะสายตาจับจ้องใบหน้าสวยราวกับตุ๊กตาที่มีสายตาเย็นชาขัดกับหน้าตาสุด ๆ
“แหม ก็พวกพี่หาตัวจับยากกันนี่นา สาว ๆ ถึงกับตามล่ากันแทบตลอดเวลา” ยัยเฟรย์ตอบยิ้ม ๆ ตอนนี้พวกผมสี่คนตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนรอบข้างไปแล้ว โดยเฉพาะสาว ๆ ที่พากันขยับเข้ามาใกล้ ๆ
“ว่าแต่เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเธอเป็นน้องสาวไอ้โลกิ ทำไมไม่เคยสังเกตเลยวะเนี่ย” ไอ้ฌอนเท้าแขนลงบนโต๊ะหินอ่อนแล้วจ้องหน้ายัยเฟรย์ ยัยนั่นหรี่ตามองมันเล็กน้อยแล้วขยับยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ
“ก็ไม่แปลกหรอกค่ะ พี่ชายแยกออกไปอยู่คนเดียวตั้งแต่มอปลาย พวกเราเลยไม่เคยได้เจอกัน เนอะ”
“ถ้างั้นเธอก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วสิว่าฉันเป็นเพื่อนกับพี่ชายเธอ?” ไอ้เวรนี่ดูจะสงสัยเหลือเกิน
“ก็ทำนองนั้นค่ะ”
“โอ้โห แล้วเฌอรู้ด้วยหรือเปล่า? นี่อย่าบอกนะว่าแอบรู้จักกับไอ้เวรนี่ลับหลังพี่อ่ะ” คราวนี้มันหันไปงอแงใส่น้องสาวตัวเอง เฌอแตมไม่ตอบอะไรทำเพียงปรายตามองนิ่ง ๆ แต่สื่ออารมณ์ได้ชัดเจนว่าไม่อยากจะเสวนาด้วย “เฌออ่าา อย่าเมินพี่ชายสิคะ! ตอบพี่มาน้าา”
เชื่อไหมว่าท่าทางปัญญาอ่อนของมันเรียกความเหนื่อยหน่ายใจให้กับทุกคนตรงนี้ได้อย่างพร้อมเพรียง โดยเฉพาะสายตาเอือมระอาของน้องสาวผู้เป็นที่รักยิ่งของมัน
“ให้ตายสิ ทำไมพี่ชายฉันไม่ใช่พี่โตนะ อยากตายแล้วเกิดใหม่ชะมัด!”
ผมหลุดยิ้มกับคำบ่นของเฌอแตม ไอ้พลูโตเจ้าของชื่อที่ถูกยกมากล่าวถึงกับส่ายหัวยิ้ม ๆ แล้ววางมือลงบนศีรษะของเธอด้วยความเอ็นดู
อื้อฮือ… ไม่ค่อยเห็นมันทำหน้าแบบนี้กับใครง่าย ๆ นะ
“ทำใจนะเฌอ แต่พี่ว่าให้ไอ้ฌอนมันตายแล้วไปเกิดใหม่แทนจะง่ายกว่านะ”
“นั่นสิคะ เผื่อไอ้โรคซิสค่อนมันจะตายตามไปด้วย แต่ไม่รู้ว่าต้องตายแล้วเกิดใหม่อีกสักกี่ชาติความโรคจิตนี้ของพี่ฌอนถึงจะหายสาบสูญไปจริง ๆ”
คมกว่ากรรไกรก็ฝีปากของยัยนี่นี่แหละ! นิสัยโคตรไม่เข้ากับหน้าตาเลยจริง ๆ!