“มะ ไม่เอาสิคะ รุ่นพี่เลิกแกล้งฉันสักทีเถอะค่ะ ฉันอายคนอื่นนะ”
“หื้อ? งั้นพี่ต้องทำยังไงเฌอถึงจะเชื่อว่าพี่จริงจัง”
ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกว่านี่คือการแสดงของผู้ชายตรงหน้า อย่าลืมสิว่าเขาเป็นเทพบุตรจอมสวมหน้ากากนะ ซาตานในคราบเทพบุตรอย่างเขานะเหรอจะมาทำเรื่องอะไรแบบนี้ต่อหน้าสาธารณชน เขาต้องกำลังคิดเล่นตลกอะไรกับฉันอยู่แน่ ๆ
โลกิขยับเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น รวมถึงนักศึกษารอบตัวที่เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน และเหมือนบางคนกำลังไลฟ์สดอยู่ด้วย เพราะได้ยินประโยคเหล่านั้นจากคนที่กำลังจ่อโทรศัพท์มาทางพวกเรา
ไม่นะ… เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้ว!
“พอสักทีรุ่นพี่ เดี๋ยวก็กลายเป็นเรื่องใหญ่หรอกค่ะ ถ้าทุกคนเข้าใจผิดขึ้นมาจะแย่นะคะ”
“แย่ตรงไหน ดาวกับเดือนคณะคบกันมันเป็นเรื่องธรรมดาจะตาย”
แต่มันไม่ธรรมดาสำหรับฉันไง!
“รุ่นพี่… ฉันขอร้อง อย่าเล่นแบบนี้ได้ไหมคะ ฉันอึดอัดนะ ฉันอยากมีชีวิตที่สงบ ๆ ค่ะ รุ่นพี่แฟนคลับเยอะแยะ ฉันไม่อยากมีปัญหากับใคร อย่าเล่นแบบนี้เลยค่ะ” ฉันพยายามใช้เหตุผลเข้าสู้ โลกิคงจะลืมไปว่าตัวเขาน่ะฮอตแค่ไหน แฟนคลับสาว ๆ ของเขาเยอะจะตาย ฉันไม่คิดจะสร้างศัตรูทุกตารางนิ้วที่เดินหรอกนะ
“…” โลกินิ่งไปชั่วครู่ ฉันไม่รู้ว่าเขาได้ยินสิ่งที่ฉันพูดไหม เพราะฉันพูดเบามาก ไม่อยากให้คนอื่นได้ยินบทสนทนาของเราไปมากกว่านี้อีกแล้ว แค่นี้ก็เรื่องบานปลายจะแย่ล่ะ ฉันชะงักเล็กน้อยเมื่อมือหนายกขึ้นมาเกลี่ยเส้นผมข้างแก้มฉันแผ่วเบา ใบหน้าหล่อขยับเข้ามาใกล้จนระยะห่างระหว่างเราห่างกันไม่กี่คืบ ฉันแทบกลั้นหายใจยามสบตากับดวงตาสีดำสนิทของเขา
อ่า… รอยยิ้มละมุนกับสายตาอ่อนโยนนั่นมัน… ขี้โกงชัด ๆ เลย
“รู้อะไรไหมองค์หญิงน้อย คนอย่างฉันถ้าอยากได้อะไร… ก็ต้องได้” โลกิกระซิบเสียงเบาทั้งที่ริมฝีปากยังขยับยิ้มละมุน สายตาของเขายังคงทอแสงอ่อนโยนไม่เปลี่ยนแปลง แต่ข้างในลึก ๆ แล้วแววตาคู่นั้นมันกลับเยือกเย็นจนฉันคาดเดาความรู้สึกของเขาไม่ถูก
“หมายความว่ายังไง…”
“ถ้าฉันอยากได้เธอ… ฉันก็ต้องได้ไง” ใบหน้าหล่อโน้มเข้ามาใกล้เพื่อกระซิบข้างหู เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้ง ไม่รู้ว่าในสายตาคนอื่นกำลังมองภาพนี้เป็นแบบไหน
แต่สำหรับฉัน… นี่มันคือการข่มขู่!
“เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก องค์หญิงน้อย”
ระ ร้ายกาจเกินไปแล้ว… เขามัน… เทพบุตรจอมปลอมชัด ๆ! ทั้งรอยยิ้มอบอุ่นและท่าทางอ่อนโยนนั่นมันล้วนจอมปลอมทั้งนั้น ผู้ชายคนนี้ไม่มีอะไรที่เชื่อถือได้เลยใช่ไหมเนี่ย! น่ากลัวเกินไปแล้ว!
.
.
.
ทำไม… ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?!
ฉันเฝ้าถามตัวเองในใจรอบที่ร้อยของวันแล้วมั้งว่าทำไมฉันต้องมานั่งมองพวกรุ่นพี่เล่นบาสที่ข้างสนามแบบนี้ด้วย ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหลังจากฉันเลิกคลาส ฉันตั้งใจว่าจะกลับบ้านเพราะวันนี้ไม่ต้องไปทำงานที่คาเฟ่ แต่สิ่งที่ฉันคิดไว้กลับต้องพังลงไม่เป็นท่าเมื่อถูกยัยเพื่อนตัวดีลากมาที่สนามบาสอย่างไม่เต็มใจ
“ทำหน้าบูดอีกแล้วนะยัยเฌอ เป็นอะไรอ่ะ” เสียงเพื่อนรักที่นั่งอยู่ด้วยกันทักขึ้น ฉันปรายตามองมันนิด ๆ รู้สึกหมั่นไส้หน่อย ๆ
“นี่ที่ถามคือไม่รู้จริง ๆ หรือแกล้งไม่รู้กันแน่”
“อะไรล่ะ ก็ฉันไม่รู้จริง ๆ นี่” ฉันถอนใจให้กับความซื่อหรือบื้อก็ไม่รู้ของยัยเฟรย์ ยัยนี่อ่านสถานการณ์ตอนนี้ไม่ออกเลยจริง ๆ ให้ตายสิ!
“ทำไมฉันต้องมานั่งอยู่ตรงนี้ด้วย ฉันควรจะกลับบ้าน” ในที่สุดฉันก็บ่นออกมา ยัยเฟรย์ขมวดคิ้วมองฉัน
“อ้าว ก็วันนี้พวกพี่ฌอนมีแข่งบาสกับพี่ปีสองไม่ใช่เหรอ แกมาเชียร์ก็ถูกแล้วนี่” จะพูดแบบนั้นมันก็ถูก แต่มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับฉันสักเท่าไหร่นี่ ถึงพี่ฌอนจะเป็นพี่ชายฉันก็เถอะ “แล้วอีกอย่างก็ไม่ได้มีแค่พี่ชายแกที่ลงแข่ง พี่ชายฉันก็ด้วย แกคบกับเขาอยู่ไม่ใช่หรือไง”
แค่ก ๆ
ฉันที่กำลังดูดน้ำสตรอว์เบอร์รี่ปั่นถึงกับสำลัก ยัยเฟรย์ทำหน้าตกใจรีบหยิบทิชชู่ส่งให้แล้วลูบหลังฉันเบา ๆ
“จะรีบกินไปไหนเนี่ย เดี๋ยวก็สำลักตายหรอก”
“ก็เพราะใครกันล่ะ!” ฉันหันไปเอ็ดใส่เพื่อนรัก ยัยนั่นทำหน้าเหวอ
“อะไรอ่ะ ฉันผิดอะไรเนี่ย”
“ก็แกนั่นแหละ จะพูดเรื่องนั้นขึ้นมาทำไม ฉันบอกไปกี่รอบแล้วว่าฉันไม่ได้คบกับพี่ชายแกสักหน่อย”
พูดถึงเรื่องนี้แล้วหงุดหงิดขึ้นมาเลย หลังจากวันนั้นที่โลกิประกาศคบกับฉันใต้ตึกคณะ ข่าวเรื่องการคบกันของฉันกับเขาก็แพร่กระจายไปทั่วมหาวิทยาลัยภายในข้ามคืน รวมถึงไลฟ์สดที่กำลังเป็นกระแสในโลกโซเชียลด้วย ตอนแรกฉันไม่รู้เรื่องหรอก จนกลับถึงบ้านแล้วพี่ฌอนวิ่งหน้าตั้งมาเคาะประตูห้องฉันแทบจะพังเพื่อถามถึงเรื่องคลิปนั่นแหละ ฉันถึงได้รู้ว่าเรื่องนี้มันบานปลายใหญ่โตแค่ไหน
ฉันต้องใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงเพื่ออธิบายเรื่องราวบ้าบอที่เกิดขึ้นให้พี่ฌอนฟัง ซึ่งตอนแรกเขาจะไปเล่นงานโลกิด้วย แต่ฉันห้ามเขาไว้เพราะไม่อยากเป็นต้นเหตุให้เพื่อนแตกคอกัน ฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ฌอนจะฟังคำห้ามของฉันไหม แต่วันต่อมาฉันได้เจอกับโลกิที่มายืนรอรับหน้าคลาสอีกครั้ง บนหน้าหล่อ ๆ ของเขามีรอยช้ำที่มุมปากเล็กน้อยด้วย
และใช่! โลกิมาหาฉันที่หน้าห้องแบบนี้มาสามวันแล้ว ฉันพยายามหลบ พยายามหนี แต่เขาก็ตามเจอตลอด ไม่รู้ว่าเขารู้ความเคลื่อนไหวของฉันได้ยังไง แถมยังรู้ไปถึงตารางเรียนและวันทำงานของฉันเลยด้วย เขาเริ่มทำให้ฉันเชื่อแล้วว่าสิ่งที่เขาพูดในวันนั้นมันไม่ใช่แค่คำขู่ แต่เขาทำมันจริง ๆ!
“เอ๊ะ… นั่นแสงเหนือไม่ใช่เหรอ วันนี้หมอนั่นมีแข่งด้วยหรือไง”