PLAN 1
ร้อน!!
คำจำกัดความที่สามารถให้ได้ในสถานการณ์ตอนนี้ก็คือร้อน...ร้อนจนนึกว่าพระอาทิตย์อาจจะอยู่ใกล้ๆ บนหัวแค่เพียงเอื้อมมือถึง ร้อนจนอยากจะบอกให้ช่างเอาแอร์ไปติดสักสามสิบสี่สิบเครื่อง เผื่อว่าพระอาทิตย์จะได้หัดทำตัวใจเย็นลดความร้อนแรงลงบ้าง หรือว่าควรจะหาอะไรไปอุดรูรั่วบนชั้นบรรยากาศดี
ท่อนขายาวเดินตรงต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ภายในหัวก็คิดไปเรื่อย ซึ่งแต่ละอย่างก็ล้วนแต่เป็นเรื่องไร้สาระทั้งสิ้น หนึ่งในเรื่องที่คิดก็เป็นเรื่องที่บ่นเป็นหมีกินผึ้งไปข้างบนนั่นแหละ ดูไร้สาระใช่ไหม? แต่ให้ตายเถอะ เขาโคตรจะคิดจริงจัง
เป็นเพราะอากาศที่โคตรจะร้อนผสมกับแดดที่โคตรจะแรงไม่แพ้กัน ทำให้ร่างกายเริ่มผลิตหยดน้ำที่เรียกว่าเหงื่อออกมา มันค่อยๆ ผุดขึ้นตามผิวหนังเป็นเม็ดๆ จนในที่สุดเจ้าของร่างกายที่กำลังเดินท้าลำแสงยูวีก็ต้องยกมือของตัวเองขึ้นมาเช็ดเหงื่อออกด้วยความรำคาญ ใบหน้าหล่อเหลาชนิดไม่เป็นสองรองใครแสดงความหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้น เพราะในวินาทีถัดมามันก็กลับไปเรียบสนิทดังเดิม พร้อมกับฝีเท้าที่เร่งให้เดินเร็วมากขึ้น
ระยะทางจากจุดที่อยู่ยังจุดหมายที่จะไป ต้องยอมรับว่ามันไกลจนรู้สึกท้อแท้ ไกลจนนึกก่นด่าความโง่ของตัวเองที่ดันอุตริไปจอดรถอยู่ห่างจากหน้าคณะเป็นโยชน์ขนาดนั้น อยู่ดีไม่ว่าดี ทะลึ่งอยากจะโชว์แมนดีนัก...เวรจริงๆ
คิดด้วยความหงุดหงิด ปากก็ขมุบขมิบบ่นฟ้าบ่นอากาศไปเรื่อย ขาก็ก้าวฉับๆ ให้เร็วมากกว่าที่เป็น เพราะเริ่มรำคาญสายตาของคนที่มองมาตลอดระยะทางที่เดินผ่าน แต่เหมือนว่ายิ่งรีบมากเท่าไรยิ่งทำให้ทุกอย่างช้าลงไปเสียอย่างนั้น และถึงแม้มันจะช้ากว่าใจที่ไปถึงที่หมายตั้งนานแล้วอยู่บ้าง สุดท้ายเขาก็เดินมาถึงจุดหมายที่ต้องการสักที
ใต้อาคารเรียนที่มีร่มเงา แม้ไม่ติดแอร์แต่ก็เยียวยาร่างกาย และจิตใจได้มากโข
ใบหน้าคมแหงนเงยขึ้นมองเพดานพร้อมกับสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ ราวกับว่าอากาศบริเวณนั้นบริสุทธิ์สดชื่นเสียเต็มประดา ทั้งๆ ที่ถ้าหันไปทางซ้ายของตึกจะเห็นโซนที่มีไว้สำหรับสูบบุหรี่ ซึ่งตอนนี้สิงห์รมควันกำลังปล่อยสารพิษให้คลุ้งไปหมด มีเล็ดลอดลอยมาตามลมพอให้ได้กลิ่นประปราย แต่ก็นั่นแหละ ใครสนกัน ‘จินตนาการสำคัญต่อการเรียนรู้’ ไม่เคยได้ยินหรือไง เพราะฉะนั้นก็มองข้ามๆ ความเป็นจริงไปบ้างเถอะ เพื่อความรู้สึกที่ดีต่อใจ
เมื่อเลือกที่จะเมินความจริง และพาตัวเองไปวิ่งในทุ่งลาเวนเดอร์ได้อย่างง่ายได้ ท่อนขายาวก็ก้าวเดินอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้ไม่ได้ไปไหนไกลดังเช่นตอนมา ทำเพียงแค่เดินตรงไปยังม้านั่งที่มองเห็นอยู่ไม่ไกลนัก แล้วทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง โดยที่ทุกการกระทำนั้นเป็นที่สนใจต่อคนรอบข้างอย่างไม่รู้ตัว
ด้วยรูปร่างที่กำยำอย่างคนออกกำลังกายสม่ำเสมอกับส่วนสูงกว่า 185 ซม. ผิวขาวแม้ไม่จัดแต่ก็ขาวตามเชื้อชาติจีนที่มี ดวงตาชั้นเดียวที่ไม่ได้เล็กตี่ให้เป็นปมด้อย หนำซ้ำยังเรียวสวยจนน่าอิจฉา จมูกโด่งรับกับใบหน้าคมเข้มดังเช่นเชื้อพันธุ์ทางภาคใต้ จึงทำให้ไม่ว่าจะขยับกายไปไหนหรือจะทำอะไรก็ล้วนดึงความสนใจให้ใครๆ ต้องมองตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ที่กล่าวมา คนที่ได้ครอบครองมันไม่ได้ภูมิใจหรือชื่นชอบเลยสักนิด กลับกันค่อนไปทางไม่อยากได้ด้วยซ้ำไป
เอวบางร่างน้อยเหมือนพวกญาติสาวๆ ยังจะดีซะกว่า
คิดแล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ กวาดสายตามองไปรอบๆ ก็เห็นว่าทุกคนต่างมองมาทางตัวเองเป็นตาเดียวแบบไร้มารยาท ทั้งๆ ที่ก็เห็นกันแล้วว่าคนถูกแอบมองนั้นรู้ตัว แต่ก็ยังไม่นำพา ยังคงไร้ความเกรงอกเกรงใจใดๆ ทั้งสิ้นเหมือนเดิม
เอาเถอะ เอาที่สบายใจ มองกันเลย มองกันให้พอ ถ้าเขาเป็นภาพวาดล้ำค่า ก็แค่สึกหรอเพราะแสงแฟลชที่สาดใส่เท่านั้นเอง
ค่อนขอดคนเหล่านั้นอยู่ในใจอย่างเบื่อหน่ายกึ่งๆ ระอา แต่สิ่งที่แสดงออกมานั้นก็ยังคงมีเพียงแค่ใบหน้าเรียบเฉยอยู่ใบหน้าเดียวเช่นเคย หรือว่าจะลุกขึ้นไปกรี๊ดใส่หน้าดี เอาให้สะใจเป็นการแก้เครียด
“หึ” พอคิดแล้วก็อดที่จะหลุดขำออกมาไม่ได้ เมื่อนึกถึงหน้าสาวๆ ที่ต่างพากันจับจ้องตัวเองอยู่ตอนนี้รู้ความจริง สงสัยคงได้อ้าปากค้างกันเป็นทิวแถว
ในขณะที่กำลังนึกสนุกกับภาพกรี๊ดกร๊าดตื่นตกใจในหัวของบรรดาสาวๆ จนต้องกระตุกยิ้มและพยายามกลั้นเสียงหัวเราะอยู่นั้น ทั้งที่มันก็เป็นอะไรที่สุดแสนจะธรรมดา แต่พอมันมาอยู่บนตัวอดีตเดือนคณะอย่าง ‘โดม’ กลับชวนให้น่ามองและดูเลอค่าจนสาวๆ มองกันตาปรอยเคลิ้มฝันไปเสียอย่างนั้น เล่นเอาคนที่กลายเป็นอาหารตาถึงกับต้องกลอกตาเป็นเลขแปดไทย
...ชะนีเอ๊ย!
ว่าในใจด้วยความรำคาญพร้อมกับขนทั่วกายที่ลุกชันด้วยความกลัว รีบล้วงมือไปหยิบเอาโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา แล้วกดส่งข้อความไปหาเพื่อนของตัวเองอย่างรวดเร็ว และในระหว่างที่รออีกฝ่ายตอบกลับรวมถึงโผล่หัวมาหา เขาคิดว่าเขาน่าจะแนะนำตัวให้รู้จักสักหน่อยดีกว่า
เขาชื่อเล่นว่า ‘โดม’ ชื่อจริงว่า ‘ดัสกร’ นามสกุล ‘ทรัพย์สมบัติมหาศาล’ ไม่ต้องขำหรอก ไม่ใช่มุก นามสกุลนี้จริงๆ รูปร่างหน้าตาก็ตามที่สาธยายไปข้างบนนั่นแหละ พ่อเป็นลูกหลานคนจีน ทำงานเป็นเจ้าของร้านทองที่ขายทองอย่างเดียวไม่พอ แต่ดอดไปทำธุรกิจนำเข้าและส่งออกอัญมณีให้ตัวเองยุ่งเพิ่มขึ้น ส่วนแม่เป็นสาวใต้ลูกสาวเจ้าของเกาะรังนกที่ปีปีหนึ่งก็เก็บรังนกขายได้หลายบาทอยู่เหมือนกัน ที่ว่าว่ามาไม่ได้อวดรวยนะ แค่บ้านพอมีกิน...
เขาเป็นลูกชายคนโตของบ้าน เป็นลูกชายและหลานชายคนเดียว และเป็นทายาทผู้ชายคนเดียวของทั้งตระกูล มีลูกพี่ลูกน้องอยู่หลายคนแต่ทั้งหมดก็เป็นผู้หญิง ด้วยเพราะอะไรแบบนี้ประกอบกับทางบ้านเป็นคนจีนหัวโบราณ และเขาที่เป็นผู้ชาย ความคาดหวังทุกอย่างจึงโดนปาใส่หน้าแบบหลบไม่ได้ เขาถูกเลี้ยงมาแบบลูกชายที่แข็งแกร่ง ต้องเป็นผู้นำ ต้องสืบทอดสายเลือด ซึ่งมันไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจหรอก แต่สิ่งที่ทำให้ลำบากใจมันคืออย่างอื่นมากกว่า
เขามีทายาทสืบสกุลไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเป็นหมันแต่เขาไม่ได้ชอบผู้หญิง เขาคิดว่าตัวเองเป็น ‘กะเทย’ ก็ไม่ได้นึกอยากแปลงเพศ ไม่ได้อยากแต่งหญิง และก็ไม่ได้ชอบอะไรน่ารักมุ้งมิ้งหรอกนะ เขาก็ใช้ชีวิตแบบผู้ชายปกติทั่วๆ ไปนี่แหละ แค่เผอิญคิดว่าคนแบบตัวเองควรจะมีสามี และไม่ควรจะไปเป็นสามีให้ใคร
บางคนเรียกไอ้สิ่งที่เขาเป็นว่า ‘เกย์’ แต่เขาคิดว่ามันยังไม่ตอบโจทย์ในสิ่งที่ตัวเองเป็นเท่าไร เพราะแม้จะพิศวาสผู้ชายก็จริง แต่ไม่เคยสักขณะจิตในตอนนี้ที่จะอยากมีเมียเป็นผู้ชาย กลับกันเขามุ่งเป้าจะเป็นเมียผู้ชายต่างหาก
สรุป...เขาคิดว่าเขาเป็นกะเทยเพราะควรโดนกระทำมากกว่าไปกระทำใครก็แล้วกัน ง่ายๆ อย่าไปซับซ้อนอะไรเลย คิดเยอะแล้วปวดหัว
เล่าย้อนเรื่องกลับไปตั้งแต่สมัยเพิ่งเข้ามาเรียนปี 1 ใหม่ๆ เขาที่ค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ได้ทำตัวโดดเด่นอะไร ไม่ได้สุงสิงอะไรกับใครเป็นพิเศษ เพราะไม่อยากตกเป็นจุดสนใจของใครต่อใคร ทั้งๆ ที่ทุกอย่างมันควรจะเป็นไปตามความต้องการของชีวิต แต่เรื่องมันดันกลับตาลปัตรไปซะหมด
ยิ่งเขาปลีกตัวไม่พูดคุยกับใคร เพราะพื้นฐานก็ไม่ใช่คนที่จะคุยเล่นหัวกับคนแปลกหน้าอยู่แล้ว มองดูแล้วก็เหมือนคนหยิ่งยโสคนหนึ่งดีๆ นี่เอง เป็นคนดูไม่น่าคบ คนสติดีๆ ที่ไหนก็คงไม่อยากเข้าใกล้ แต่ยกเว้นเด็กมหา’ลัยนี้ไว้ที่หนึ่งละกัน เพราะมันไม่ได้ผลอะไรเลย แถมกลายเป็นยิ่งเพิ่มความน่าสนใจ เพิ่มความอยากรู้อยากเห็นไปซะอย่างนั้น
และเหมือนว่าไอ้ที่เด่นๆ อยู่มันจะเด่นไม่พอ เพราะจู่ๆ ก็โดนโหวตให้เป็นเดือนคณะ ชนิดที่ว่าคะแนนถล่มทลายไร้คู่แข่งให้กังขา ได้รับตำแหน่งแบบมัดมือชกสุดๆ ปฏิเสธอะไรก็ไม่ได้ เพราะไม่มีใครสนใจจะถามสุขภาพเขาสักคำ
ถ้าคิดว่านี่คือความซวยของชีวิตทั้งหมดที่เจอ ก็ขอบอกเลยว่าไม่…
หลังจากที่ได้เป็นเดือนคณะได้ไม่นาน เย็นวันหนึ่งของการเลิกเรียนแล้วกลับบ้าน จู่ๆ ความอภิมหาซวยก็บังเกิดกับชีวิต เมื่อสิ่งที่เขาเกลียดเป็นอันดับสองในชีวิตรองจากผีได้ลอยละลิ่วมาแปะประทับลงบนหน้า
วินาทีที่ได้สบตากับเจ้าหนอนน้อยสีเขียวตัวอ้วนป้อม บ่งบอกว่ามันคงจะมีแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์น่าดูทีเดียว เขาก็หลับหูหลับตาแหกปากออกมาดังลั่น (ย้ำว่าแหกปากโวยวาย ไม่ได้กรี๊ดแตกแต่อย่างใด ไอ้เลิฟมันเวอร์ เชื่อเถอะ) ด้วยอารามตกใจกลัวเลยคว้าเอาตัวใครไม่รู้แถวนั้นมากอดเพื่อพักพิง หัวใจเต้นดังตึกตักไปด้วยความระทึก นึกว่าชีวิตจะหาไม่แล้วด้วยซ้ำ น้ำตานี่ถึงกับซึม (เขาไม่ได้ร้องไห้ เลิฟมันมั่วจริงๆ นะ)
แต่ก็นั่นแหละ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เสียจริต สาวแตก กรี๊ดเสียงแหลมบาดหูก็จริงอยู่ (เพราะมันคล้ายๆ ควายออกลูกมากกว่า) แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขาเหมือนกัน เพราะสิ่งที่เรียกว่า ‘โป๊ะแตก’ ได้บังเกิด ความลับที่เก็บงำกับตัวเองมาเนิ่นนานถูกเปิดเผย ภาพลักษณ์เจ้าชายเย็นชาที่โดนมอบให้ลับหลังเป็นอันมลายหายไปกับลม เหลือเพียงรอยยิ้มแหยๆ เท่านั้นที่ปรากฏบนใบหน้าของเขาเพื่อมอบให้กับทุกคน
นั่นมันก็เป็นเรื่องที่ผ่านมาหลายปีแล้ว ปัจจุบันนี้เขาเรียนอยู่ปี 3 และก็ยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิม เหมือนสมัยที่ยังไม่มีใครรู้ความลับ ยังใช้ชีวิตเป็นเจ้าชายเย็นชาของสาวๆ อาจจะมีที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างนิดๆ หน่อยๆ
กลุ่มคนที่รู้ความจริงในวันนั้น จากคนที่แค่พอรู้จัก คนที่แค่รู้ว่าเรียนด้วยกัน ก็ได้กลายเป็นกลุ่มเพื่อนสนิท พี่สนิทกันไปโดยปริยาย แม้แรกๆ จะขัดเขิน อึ้งๆ กับความจริงที่ฟาดหน้ากันไปบ้าง แต่หลังจากเคลียร์ใจและสารภาพบาปเป็นที่เรียบร้อย มันก็ไม่มีใครรังเกียจเขาอย่างที่นึกกลัว แถมซี้ย่ำปึก มีผัวตัดหน้าเขากันไปหมดด้วยซ้ำ เหอะ!