บทที่ 02
สัญญาณเตือน [1]
ศรุตม์สะลึมสะลือตื่นขึ้นมาในตอนเช้าพร้อมกับอาการปวดหัว ทันทีที่การมองเห็นเริ่มชัดเจนเขาก็รีบกวาดสายตามองไปรอบห้องด้วยความตกใจ
ภาพที่มองเห็นอยู่ทั้งหมดนี้ได้รับการยืนยันจากสติที่พอมีว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนของเขา ไม่มีอะไรเหมือนกับคอนโดของเขาเลยสักอย่างไม่ว่าจะวอลล์เปเปอร์ โต๊ะหนังสือ ตู้เสื้อผ้า เตียง ผ้าปูที่นอนหรือแม้แต่ปลอกหมอน ก้มมองสภาพร่างกายของตัวเองแล้วยิ่งรู้สึกตกใจ เพราะแม้แต่เสื้อที่เขาสวมอยู่ในตอนนี้ก็ไม่ใช่เสื้อเชิ้ตสีไข่ไก่ตัวที่ใส่เมื่อวาน
“บ้าฉิบ!”
ทำไมอยู่ๆ เสื้อเชิ้ตสีไข่ไก่ของเขาถึงได้กลายเป็นเสื้อเชิ้ตตัวยาวสีชมพูพาสเทลไปได้
ฟุ่บ!
ความตกใจทำให้เขารีบสะบัดผ้าห่มออกจากตัวแล้วก้าวเท้าลงจากเตียง เร่งฝีเท้าเดินออกจากห้องนอนเพื่อตามหาตัวเจ้าของห้องในทันที
แต่แล้วภาพที่เห็นก็ทำให้เขาได้สติมากขึ้น ใบหน้าของพาขวัญที่ตอนนี้ยังคงนอนหลับอยู่ที่โซฟาทำให้เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกภาพจำต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนค่อยๆ ฉายชัดขึ้นมาทีละเรื่องๆ ราวกับมีใครสักคนตั้งเวลาเอาไว้
“คุณศรุตม์ตื่นแล้วเหรอคะ” พาขวัญดีดตัวเองขึ้นจากโซฟาทันทีที่เห็นว่าเขาเดินออกมาจากห้องนอนและกำลังจ้องมองเธออยู่ สบตากับเขาทั้งที่กะพริบตาปริบๆ เพื่อปรับการมองเห็น สะบัดหัวเรียกสติอยู่หลายครั้ง แม้จะยังรู้สึกง่วงเพราะเพิ่งจะนอนไปได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่เหมือนว่าตอนนี้จะนอนต่อไม่ได้เสียแล้ว ไม่คิดว่าคนเมาจะตื่นขึ้นมาเร็วแบบนี้เหมือนกัน
ศรุตม์ถอนหายใจแล้วเดินมานั่งลงมาโซฟาเดี่ยวด้านข้าง ไม่พูดไม่จา ได้เพียงส่งยิ้มให้เธออย่างรู้สึกผิด แม้ใจหนึ่งจะรู้สึกสบายใจขึ้นที่คนที่อยู่กับเขาเมื่อคืนนี้คือพาขวัญ ไม่ใช่ผู้หญิงคนอื่น ไม่อย่างนั้นน่าจะต้องมีเรื่องน่าปวดหัวตามมาอีกไม่หยุดแน่ๆ และเท่าที่เห็นเขาค่อนข้างมั่นใจว่าระหว่างเขากับเธอ ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
แต่ก็เพราะเป็นเธอนั่นแหละ ถึงได้ทำให้เขาเริ่มรู้สึกละอายใจขึ้นมาอย่างนี้ เพราะแทนเขาจะได้ทำหน้าที่เจ้านายที่ดีหรือแม้แต่การเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีของเธอ เขากลับทำตัวเป็นภาระของเธอเสียอย่างนั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังจำไม่ได้เลยว่าภาพตัดไปตั้งแต่ตอนไหน
“คุณศรุตม์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมมองขวัญแบบนั้น”
“วันนี้วันหยุด คุณศรุตม์ไม่ทำงานครับ” ศรุตม์ท้วงเสียงเข้ม พูดเรื่องนี้ขึ้นมาทีไร เขาจะต้องได้ยินเสียงถอนหายใจของเธอทุกที
“เรื่องเมื่อคืนนี้ พี่...ขอโทษนะครับน้องขวัญ”
พาขวัญหัวใจเต้นแรงเมื่อได้ยิน รู้สึกร้อนวูบวาบที่บริเวณกลางหน้าอกขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
คำว่า ‘เรื่องเมื่อคืน’ ทำให้พาขวัญนึกถึงสัมผัสนุ่มนิ่มชวนหวั่นไหวที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขา แม้จะเป็นเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีแต่กลับติดตรึงอยู่ในความรู้สึกของเธออยู่ตลอด คิดแล้วก็เผลอยกมือขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากตัวเองพลางเม้มมันเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว
“นั่นหน้าผากน้องขวัญไปโดนอะไรมาเหรอครับ เป็นเพราะพี่หรือเปล่า” ศรุตม์รีบถามเมื่อสังเกตเห็นว่าที่บริเวณหางคิ้วด้านซ้ายของเธอมีรอยช้ำเป็นสีเขียวอมม่วงปรากฏอยู่
คำถามของเขาช่วยดึงสติของเธอกลับมาทันที ยกมือขึ้นคลำบริเวณหน้าผากที่จนถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกปวดตุบๆ ซึ่งก็รู้สึกได้ตั้งแต่สัมผัสแรกว่ามันปูดมันขึ้นมามากกว่าเมื่อคืนเยอะเลยทีเดียว
“แค่อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะค่ะ ขวัญซุ่มซ่ามเอง”
“จริงเหรอครับ ไหนขอพี่ดูหน่อย” ศรุตม์ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปดูให้แน่ใจ ถึงจะมั่นใจว่าตัวเองไม่เคยทำร้ายผู้หญิง แต่จะเชื่อสนิทใจได้อย่างไรในเมื่อจนถึงตอนนี้เขาก็ยังจำอะไรไม่ค่อยได้
“บวมเยอะขนาดนี้ พี่ว่าน่าจะต้องประคบเย็นสักหน่อยดีกว่านะครับ ในตู้เย็นน้องขวัญมีเจลประคบเย็นบ้างไหมครับ เดี๋ยวพี่ไปหยิบมาให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขวัญ...”
“นั่งเฉยๆ ครับ เดี๋ยวพี่จัดการเอง มีใช่ไหมครับ”
“มีค่ะ” พาขวัญได้แต่ตอบยิ้มๆ แล้วมองตามแผ่นหลังของศรุตม์ที่ลุกออกไปเงียบๆ อย่างคนที่กำลังทำอะไรไม่ถูก ไม่นานเขาก็เดินกลับมาพร้อมกับเจลสีฟ้าในมือ
“ขวัญประคบเองก็ได้ค่ะ” รีบบอกพร้อมกับยื่นมือไปรับเจลมาประคบหน้าผาก
ศรุตม์ส่งมันให้เธอแต่โดยดี แม้จะไม่อยากวางใจแต่เขาก็มีมารยาทพอที่จะไม่ฉวยโอกาส และรู้ว่าไม่ควรใกล้ชิดเธอมากจนเกินไปเพราะมันจะทำให้ทั้งเธอและเขาต่างคนต่างอึดอัดและลำบากใจ
“ชุดนอนนี่...”
“ของขวัญเองค่ะ ขอโทษนะคะแต่ไม่มีตัวอื่นที่คุณศรุตม์น่าจะใส่ได้แล้วน่ะค่ะ”
“คุณศรุตม์ไม่ทำงานวันเสาร์ครับ”
“อ้อ ขอโทษค่ะ พี่ตาร์ก็พี่ตาร์ “ พาขวัญยิ้มแห้งเมื่อได้ยินเขาย้ำเรื่องชื่ออีกรอบ
“แล้วนี่เมื่อคืนนี้พี่ทำอะไรไม่ดีไปบ้างหรือเปล่าครับ ใครมาส่งน้องขวัญกับพี่ที่นี่”
“ไม่ได้ทำอะไรค่ะ เพื่อนพี่ตาร์ช่วยกันพามาส่งที่รถ ขวัญเป็นคนขับรถพาพี่กลับมา ตอนแรกขวัญตั้งใจจะโทรถามยัยหยีให้มันถามคุณศรัณย์ให้หน่อยว่าพี่ตาร์พักที่ไหนแต่มันไม่รับสาย ขวัญก็เลยต้องพาพี่มาที่นี่แทน”
“พี่จำอะไรไม่ได้เลยครับ”
“พี่หลับตั้งแต่ขึ้นรถเลยค่ะ”
“ขอโทษนะครับ แทนที่พี่จะเป็นคนดูแลน้องขวัญ กลับกลายเป็นน้องขวัญต้องมาดูแลพี่แบบนี้” ศรุตม์ไม่อายที่จะเอ่ยปากขอโทษเธอก่อน เพราะเขารู้สึกผิดกับเธอจริงๆ ยิ่งฟังเขาก็ยิ่งรู้สึกละอายใจ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เรื่องแค่นี้เอง”
“แค่นี้ได้ยังไงล่ะครับ พี่ไม่ควรเมาจนขาดสติแบบนั้น แล้วนี่ยังทำให้น้องขวัญต้องเสียสละเตียงให้ ส่วนตัวเองต้องมานอนที่โซฟาอีก”
“ปกติขวัญก็นอนที่โซฟาบ่อยๆ ค่ะ ไม่ใช่ปัญหาอะไรหรอก” เธอยืนยันยิ้มๆ ไม่ได้คิดจะเก็บเรื่องที่เกิดขึ้นมาใส่ใจเพราะยังไงเสียหากตัดเรื่องความเป็นเจ้านายกับลูกน้องออกไป เขาก็คือคนหนึ่งที่ดีกับเธอมาตลอด ดังนั้นการช่วยเหลือกันในสิ่งที่มันไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรง เธอก็ยินดี
“ขอบคุณมากนะครับ”
“สบายมากค่ะ ว่าแต่คุณ ไม่สิ ว่าแต่แล้วพี่ตาร์จะทำอย่างไรต่อไปล่ะคะ”
“อาบน้ำกลับคอนโดน่ะสิครับ” ศรุตม์บอกยิ้มๆ พลางก้มมองชุดนอนของพาขวัญที่เขาสวมอยู่แล้วนึกขำตัวเอง แต่พูดจบแล้วถึงได้เอะใจขึ้นมาได้ว่าที่พาขวัญถาม อาจไม่ได้หมายความถึงเรื่องเดียวกับที่เขาเข้าใจ
“ขวัญหมายถึงเรื่องหนังสือที่ท้ายรถน่ะค่ะ” พาขวัญอธิบายคำถามของเธอพลางยิ้มแห้ง
คิดตามไปถึงหนังสือแล้วศรุตม์ก็ได้แต่ถอนหายใจ สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับปั้นแป้ง คือสิ่งที่เขาจดจำได้ เพราะมันเกิดขึ้นก่อนที่เขาจะดื่มจนขาดสติ
“เอาไว้ว่ากันทีหลังก็แล้วกันครับ ตอนนี้พี่ขอไปอาบน้ำก่อนดีกว่า เผื่อน้ำเย็นๆ จะช่วยให้พี่คิดอะไรออก แล้วก็ขอเสื้อผ้าพี่คืนด้วยนะครับ ตอนนี้พี่เริ่มเขินตัวเองเหมือนกัน” ศรุตม์ตัดบทอายๆ
“ได้ค่ะ เดี๋ยวขวัญรีดให้นะคะ เมื่อคืนขวัญซักตากเอาไว้ ตอนนี้น่าจะแห้งแล้วค่ะ” พาขวัญชี้นิ้วไปที่เสื้อเชิ้ตของเขาที่เธอซักตากเอาไว้ที่ระเบียงห้อง ซึ่งแดดช่วงเช้ากำลังส่องพอดี
“จริงๆ น้องขวัญไม่ต้องซักให้พี่ก็ได้นะครับ ถ้าคราวหลังพี่ดื่มจนไม่มีสติขนาดนี้อีกก็ปล่อยให้พี่นอนทั้งชุดเดิมไปนั่นแหละ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ กลิ่นคลุ้งทั้งห้องแน่ๆ”
“กลิ่นอะไรเหรอครับ”
“ไม่น่าถามนะคะ ดื่มเท่าไรพี่ตาร์ก็อ้วกออกมาเท่านั้นเลย ขวัญเช็ดห้องอยู่หลายรอบกลัวว่าพี่จะเหม็นจนนอนไม่หลับ” พาขวัญเล่ายิ้มๆ แต่ศรุตม์กลับเบิกตาโพลงพลางยกมือขึ้นมาตีหน้าผากตัวเองเสียงดัง
“ตาย นี่พี่ทำอะไรลงไปเนี่ย”
“ไม่ตายหรอกค่ะ แต่คิดว่าน่าจะหิว รีบไปอาบน้ำเถอะค่ะ เดี๋ยวขวัญรีดเสื้อให้ จะให้สั่งอาหารไว้ให้ก่อนไหมคะ หรืออาบน้ำเสร็จพี่ตาร์จะกลับเลย” พาขวัญถามไปหัวเราะไป
จากตอนแรกที่คิดว่าจะเป็นเรื่องซีเรียส แต่ท่าทีเสียอาการของเขากลับทำให้เธอต้องแอบยิ้ม ที่ผ่านมาเขาคงพยายามรักษาภาพลักษณ์ที่ดีมาโดยตลอดแต่วันดีคืนดีพออกหักก็กลับกลายเป็นคนละคน
“น้องขวัญจะออกไปไหนหรือเปล่าครับ”
“ไม่ค่ะ ทำไมเหรอคะ”
“พี่กลัวว่าถ้าอยู่ต่อจะรบกวน แต่ถ้าไม่ได้ไป สั่งอาหารมากินที่นี่ก็ได้นะครับ พี่เลี้ยงเอง ตอบแทนที่น้องขวัญช่วยดูแลพี่เมื่อคืน” ศรุตม์ยังคงบอกอย่างรู้สึกผิด
“ถ้าพี่ตาร์หิวเดี๋ยวขวัญจัดการให้ค่ะ แต่ถ้าจะสั่งมากินเพราะจะตอบแทนขวัญก็ไม่ต้อง”
“หิวครับ”
“ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นพี่ตาร์ไปอาบน้ำเถอะค่ะ ที่เหลือขวัญจัดการให้เอง ผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ในห้องน้ำมีค่ะ ส่วนแปรงสีฟันของใหม่อยู่ใต้เคาน์เตอร์” พาขวัญจัดแจงทุกอย่างๆ คล่องแคล่ว ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นไปหยิบเสื้อเชิ้ตของศรุตม์ที่แขวนตากเอาไว้กลับเข้ามารีด
Rrrr
เสียบปลั๊กเตารีดแล้วรอให้ร้อนสักพัก ไม่ทันจะได้เริ่มลงมือรีดโทรศัพท์มือถือของเธอก็ส่งเสียงเรียกมาจากในกระเป๋า
“ฮัลโหล”
สไลด์หน้าจอรับสายของยาหยีทันที ก่อนจะเดินย้อนกลับมารีดเสื้อให้เขาต่อเงียบๆ ได้ยินเสียงน้ำไหลจากฝักบัวดังมาจากในห้องน้ำแล้ว กลัวว่าเขาจะอาบน้ำเสร็จก่อนที่เธอจะรีดเสื้อให้เขาเรียบร้อย
[เมื่อคืนแกโทรหาฉันมีเรื่องอะไรหรือเปล่าวะยัยขวัญ โทษที ฉันกินยาแล้วหลับไปน่ะ เพิ่งจะได้หยิบโทรศัพท์เมื่อกี้นี้เอง]
เฮ้อ จะตอบว่าอย่างไรดีล่ะ ตอนนี้เธอไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากยาหยีอีกแล้ว
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันจัดการเรียบร้อยแล้วน่ะ/น้องขวัญครับ หลอดสีฟ้านี่ใช่โฟมล้างหน้าไหมครับ”
ศรุตม์จะโกนถามเสียงดังมาจากในห้องน้ำ
“ไม่ใช่ค่ะ สีฟ้าเป็นคลีนซิ่งค่ะพี่ตาร์ โฟมล้างหน้าหลอดสีขาวค่ะ”
“อ้อ ครับๆ ขอบคุณครับ”
คุยกันรู้เรื่องพาขวัญจึงลอบถอนหายใจ บ่อยครั้งที่แม้แต่ตัวเธอเองก็หยิบผิดหยิบถูก เผลอหยิบครีมอาบน้ำสลับกับยาสระผมก็บ่อยครั้งไป
“ฮัลโหล”
[เมื่อกี้ใช่เสียงพี่ตาร์ไหมยัยขวัญ นี่อย่าบอกนะว่าแกกับเขา…]
“หยุด! มันไม่มีอะไรแบบที่แกคิดหรอกยัยหยี เลิกฝันไปได้เลย” พาขวัญรีบปราม เมื่อครู่เธอก็ลืมไปว่ายาหยีฟังอยู่ที่ปลายสาย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้คิดจะปิดบังเรื่องนี้กับยาหยีอยู่แล้วตั้งแต่แรก
[แล้วมันยังไง นี่มันเพิ่งจะเจ็ดโมงเช้าเองนะยัยขวัญ ที่สำคัญวันนี้วันเสาร์ ทำไมแกกับพี่ตาร์ถึงได้อยู่ด้วยกัน หรือว่านี่จะเป็นเหตุผลที่แกโทรหาฉันตั้งแต่เมื่อคืน]
“อืม แต่ก็บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร พอดีมันเกิดเรื่องเข้าใจผิดกันระหว่างพี่ตาร์กับพี่แป้งนิดหน่อยน่ะ ฉันอยู่ในเหตุการ์พอดีก็เลยต้องพาเขากลับ แต่เขาดื่มจนเมามาก ฉันไม่รู้ว่าเขาพักที่ไหน โทรหาแกแล้วแต่แกไม่รับก็เลยต้องพาเขากลับมาที่คอนโด” พาขวัญอธิบายพลางรีดเสื้อของศรุตม์ไปด้วยเรื่อยๆ
[แสดงว่าเรื่องใหญ่เลยใช่ไหมวะ] ยาหยีถามด้วยความเป็นห่วง เธอเป็นอีกหนึ่งคนที่รู้ว่าศรุตม์จริงจังกับเรื่องของปั้นแป้งมากแค่ไหน นั่นเป็นเหตุผลที่เธอไม่คิดจะรบเร้าแซวเรื่องของพาขวัญกับศรุตม์เลยสักนิดเพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้
“ก็น่าจะใหญ่เหมือนกัน แต่แกกับฉันทำอะไรได้ล่ะ”
[นั่นสินะ เฮ้อ แล้วนี่เขาโอเคไหม]
“คิดว่าไม่แสดงอาการมากกว่า” พาขวัญตอบไปตามที่ตัวเองคิด เพราะถึงศรุตม์จะพยายามทำตัวเหมือนปกติ แต่ทั้งสีหน้าและแววตากลับยังดูไม่สดใสขี้เล่นเหมือนเคย แถมยังดูเหมือนตั้งใจจะไม่พูดถึงเรื่องของปั้นแป้งไปเสียเฉยๆ ทั้งที่ปกติแล้วเขามักจะชอบพูดถึงเธออยู่ตลอด
[อืม พอเข้าใจแล้ว ถ้ามีอะไรก็โทรมาแล้วกัน ฉันดีขึ้นมากแล้ว เดี๋ยวจะลองปรึกษาคุณศรัณย์อีกที ยังไงเขาก็น่าจะเป็นห่วงน้องชายน่ะ]
“เออ แต่อย่าพูดอะไรที่ทำให้ฉันซวยก็แล้วกัน ฉันไม่ได้ทำอะไรนะเว้ย แค่แบกเขากลับมาที่นี่เพราะไม่รู้จะส่งกลับที่ไหนเฉยๆ”
[รู้น่า แกไม่ต้องมาร้อนตัวกับฉันหรอกยัยขวัญ]
“แกรู้แต่คุณศรัณย์เขาจะไม่รู้นะสิ เดี๋ยวเขาจะคิดว่าฉันอยากจะจับน้องชายเขาแล้วไล่ฉันออก ฉันก็ซวยพอดี” พาขวัญแอบบ่น เสียงน้ำในห้องน้ำหยุดไหลแล้ว พอดีกับที่เธอรีดเสื้อของเขาเสร็จเรียบร้อบ
“แค่นี้ก่อนแล้วกันนะ เสร็จเรื่องแล้วจะโทรหาอีกที บาย” รีบวางสายจากยาหยีเพราะได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำ
ศรุตม์เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพเปลือยท่อนบน ส่วนด้านล่างสวมกางเกงตัวเดิมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เส้นผมของเขาเปียกชื้น ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของแชมพูลอยมาเตะจมูกทั้งที่เวลาที่สระเองไม่เห็นมันจะหอมแบบนี้เลย
ออด
“อาหารมาแล้วเหรอครับ” ศรุตม์ถามด้วยความแปลกใจ สายตาของเขามองมาที่เธอทำให้เธอต้องรีบละสายตาออกจากหุ่นล่ำๆ ของเขาที่แอบมองอยู่ทันที
“ขวัญยังไม่ได้สั่งเลยค่ะ เพิ่งรีดเสื้อเสร็จ แต่เดี๋ยวขวัญรีบไปดูก่อนแล้วกันนะคะ” พาขวัญบอกอย่างรวดเร็วแล้วเร่งฝีเท้าเดินมาที่ประตูเพื่อส่องตาแมว
ทว่าทันทีที่เธอเห็นว่าเป็นหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องของเธอ หัวใจของเธอก็พลันตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ก้าวถอยหลังออกจากประตูแล้วหันกลับไปมองศรุตม์ที่กำลังสวมเสื้อโดยอัตโนมัติ
ท่าทีอึกอักของพาขวัญทำให้ศรุตม์รู้สึกได้ถึงความไม่เป็นปกติ แต่มันจะมีอยู่กี่เหตุผลกันล่ะที่ทำให้เธอตกใจได้อย่างนั้น
“แฟนน้องขวัญเหรอครับ”
“ไม่ใช่ค่ะไม่ใช่ ขวัญยังไม่มีแฟนค่ะ” นึกอยากตีปากตัวเองเสียจริง แม้มันจะเป็นความจริงแต่เธอก็ไม่ควรพูดเหมือนร้อนตัวอย่างนั้นสักหน่อย
ออด
“หรือว่าพ่อ”
“ไม่ใช่อีกนั่นแหละค่ะ แต่เอาไว้ค่อยอธิบายแล้วกันนะคะ รบกวนคุณ ไม่ใช่ รบกวนพี่ตาร์เข้าไปหลบในห้องนอนก่อนได้ไหมคะ อย่าออกมาจนกว่าขวัญจะบอกให้ออกมาได้” พาขวัญนัดแนะด้วยอาการตื่นตระหนกพร้อมกับจูงมือเขาเดินกลับไปที่ห้องนอน
ออด
ก๊อกๆๆ
คนด้านนอกทั้งกดออดทั้งเคาะประตูเร่ง
“อย่าเสียงดังนะคะ แล้วก็ห้ามออกมาเด็ดขาด” พาขวัญย้ำเพราะไม่อยากให้เกิดเรื่อง เธอมั่นใจเหลือเกินว่าหากศรุตม์กับเป็นหนึ่งเจอหน้ากันตอนนี้จะต้องมีเรื่องกันแน่ เธอไม่วางใจและไม่คิดว่าศรุตม์เป็นคนใจเย็นตั้งแต่ที่เห็นเขาโมโหร้ายเมื่อคืนแล้ว
“รับปากสิคะ”
“ใครเหรอครับ ทำไมน้องขวัญต้องทำท่าแปลกๆ ไม่ใช่แฟน ไม่ใช่พ่อ แล้วทำไมต้องให้พี่หลบด้วย” ศรุตม์อดจะถามไม่ได้ “หรือว่าแป้ง”
“ไม่ใช่ค่ะ” พาขวัญยืนยัน
ออด
“เชื่อขวัญเถอะนะคะ หลบไปก่อน แล้วเดี๋ยวถ้าพี่ตาร์อยากจะถามอะไร ค่อยถามตอนที่เขากลับไปแล้วก็ได้ค่ะ ขวัญจะตอบทุกคำถามเลย”
“เขา ผู้ชายเหรอครับ” ศรุตม์ยังคงไม่หมดคำถามง่ายๆ ทั้งยังเอาแต่มองพาขวัญด้วยสายตาไม่ไว้ใจ
“ค่ะ อย่าออกมาเด็ดขาดนะคะ” พาขวัญรอไม่ได้อีกแล้ว เธอรีบผลักศรุตม์ไปด้านใน กำชับอีกครั้งก่อนจะเอื้อมมือกดล็อกด้านในเอาไว้แล้วปิดประตูลง เรียกสติต่ออีกสักพักจึงเดินไปเปิดประตู พอดีกับที่เป็นหนึ่งกำลังจะกดออดอีกรอบ
“สวัสดีค่ะพี่หนึ่ง”