บทที่ 03 ใจอ่อน [1]

2156 Words
บทที่ 03 ใจอ่อน [1] บริษัท พิทักษ์ทรัพย์ คอร์ปอเรชั่น “พาขวัญ ตามฉันมาหน่อย” ศรัณย์ที่เพิ่งจะเดินออกมาจากห้องประชุมช่วงบ่ายแวะบอก พูดจบก็เดินดุ่มๆ กลับเข้าห้องทำงานไปทันที ท่าทางที่ดูอารมณ์ไม่ดีซึ่งอาจเป็นเพราะผลการประชุมไม่เป็นดั่งใจหรือมีอะไรผิดพลาดทำให้พาขวัญเริ่มรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ลอบมองไปที่ภาคภูมิที่เข้าประชุมพร้อมกับศรัณย์เผื่อว่าเขาจะบอกหรือเตือนอะไรสักหน่อยแต่เขากลับส่ายหัวไปมาราวกับว่าไม่รู้ว่าศรัณย์ไปกินรังต่อรังแตนที่ไหนมาเหมือนกัน “ขวัญทำอะไรผิดอีกแล้วเหรอคะพี่ภูมิ” ว่าแล้วก็อดจะแวะถามเพื่อความแน่ใจสักหน่อยไม่ได้ “ไม่นี่ครับ” “หรือว่าในห้องประชุมเมื่อครู่นี้มีอะไรไม่เป็นไปตามแผน” “ก็ไม่นะครับ แผนงานล่าสุดก็น่าจะถูกใจคุณศรัณย์ด้วยซ้ำ เขายังสั่งให้เริ่มงานได้เลยด้วยนะครับน้องขวัญ” ภาคภูมิอธิบายไปตามความจริงที่เกิดขึ้น เมื่อครู่ตอนที่อยู่ในห้องประชุม ศรัณย์ไม่ได้มีท่าทีว่าจะหงุดหงิดหรืออารมณ์ไม่ดีเลยสักนิด แต่ไม่รู้ว่าทำไมพอเดินมาถึงหน้าโต๊ะทำงานของพาขวัญ ท่าทีของเขากลับเปลี่ยนไปเป็นฉุนเฉียวอย่างนั้น “หรือว่าเขาจะทะเลาะกับยัยหยีมาคะ” “มีความเป็นไปได้นะครับ พี่ว่าน้องขวัญรีบไปจะดีกว่า ถ้ารอจนคุณศรัณย์เดินออกมาตามอีกรอบเดี๋ยวเรื่องมันจะยิ่งไปกันใหญ่” “ค่ะๆ อวยพรให้ขวัญด้วยแล้วกันนะคะ” พาขวัญกระซิบกระซาบก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินไปที่ห้องทำงานของศรัณย์ทันที “น้องขวัญครับ” ทว่าไม่ทันที่เธอจะได้ยกมือขึ้นเคาะประตู ศรุตม์ก็เดินมาทักเธอเสียก่อน ทั้งที่เธออุตส่าห์หลบหน้าเขามาได้ตั้งครึ่งวันแล้ว “สวัสดีค่ะคุณศรุตม์” “งานยุ่งเหรอครับ วันนี้ไม่เห็นแวะไปที่ห้องทำงานพี่เลย” ศรุตม์แกล้งแซว โดยปกติแล้วพาขวัญมักจะแวะไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับยาหยีที่ห้องทำงานของเขาเสมอ เพราะโต๊ะทำงานของยาหยีอยู่ในห้องทำงานของเขา แม้จะมีเรื่องงานมาอ้างแต่คุยเรื่องงานกันจริงๆ แล้วก็ไม่เกินห้านาที แต่กว่าจะแยกย้ายกันกลับไปทำงานได้ก็ไม่เคยต่ำกว่ายี่สิบนาทีเลยสักครั้ง “ค่ะ ขวัญขอตัวเข้าพบคุณศรัณย์ก่อนนะคะ พอดีคุณศรัณย์เรียกน่ะค่ะ ท่าทางจะอารมณ์ไม่ค่อยดี” แอบอ้างชื่อศรัณย์เสียเลย พูดจบก็รีบยกมือขึ้นเคาะประตูทั้งที่ก่อนหน้านี้การเข้าพบศรัณย์ไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสักเท่าไรนัก แต่ตอนนี้หากต้องเลือกระหว่างศรัณย์กับศรุตม์ เธอยอมเสี่ยงเลือกศรัณย์ยังจะดีเสียกว่า ก๊อกๆๆ “ขวัญเองค่ะคุณศรัณย์” “เข้ามา” เสียงของศรัณย์ดังมาจากด้านใน พาขวัญเตรียมจะเปิดประตูแต่ศรุตม์กลับยกแขนขึ้นมาขวางเอาไว้ “วันนี้หลังเลิกงาน น้องขวัญมีธุระที่ไหนหรือเปล่าครับ” “มีค่ะ” พาขวัญตอบแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด ทันใดนั้นรอยยิ้มของศรุตม์ก็เหมือนจะหายวับไปทันตา “ด่วนไหมครับ พอจะเลื่อนไปก่อนได้ไหม พี่ว่าจะชวนน้องขวัญไป...” “ทำไมยังไม่เข้ามาอีก” ไม่ทันที่ศรุตม์จะพูดจบ บานประตูห้องทำงานของศรัณย์ก็ถูกเปิดโดยเจ้าของห้องที่กำลังสงสัยว่าทำไมเขาอนุญาตให้พาขวัญเข้าไปได้ตั้งพักใหญ่แล้วแต่เธอกลับยังไม่เดินเข้าไปสักที พอเปิดประตูมาเห็นหน้าศรุตม์เขาจึงได้คำตอบ “นายไม่มีงานทำบ้างเหรอชีตาร์” เอ่ยถามเสียงเข้มพลางยกมือขึ้นกอดอก หากศรัณย์ต้องเลือกดุคนใดคนหนึ่งที่กำลังยืนถกเถียงกันอยู่ที่หน้าห้องทำงานของเขาในตอนนี้ เขาก็ต้องเลือกดุศรุตม์นั่นแหละ เพราะคนอย่างพาขวัญไม่มีทางกล้าขัดคำสั่งเขาอย่างแน่นอน ที่ผ่านมาเพียงแค่เขาเรียกชื่อเธอก็สะดุ้งตัวโยน หน้าซีดเผือดแล้วทุกที “ผมแค่แวะมาคุยกับน้องขวัญนิดหน่อยน่ะครับ อีกสักพักกำลังจะเข้าประชุม รอเอกสารจากน้องยาหยีอยู่” ใครก็คงมองออกว่าศรุตม์เอาชื่อของยาหยีมาอ้าง “แล้วคุยกันเสร็จหรือยัง จะคุยกันต่ออีกนานไหม” ศรัณย์แสร้งถามต่อ เหลือบสายตามองไปทางพาขวัญที่กำลังทำหน้าตากระอักกระอ่วนใจอยู่เล็กน้อยแล้วเปิดประตูให้กว้างขึ้น “ผม...” “เสร็จแล้วค่ะ ขวัญเข้าไปรอข้างในแล้วกันนะคะ” พาขวัญอาศัยไหวพริบที่พอจะมีรีบคว้าโอกาสนั้นเอาไว้ ตัดบทของตัวเองออกเรียบร้อยก็ก้าวเท้าเข้าไปในห้องทำงานของศรัณย์โดยไม่หันกลับไปมองสีหน้าเหวอๆ ของศรุตม์อีกเลย “น้องขวัญครับ” แต่นี่คงเป็นอีกครั้งที่เธอประเมินคนอย่างศรุตม์ผิดไป ลืมไปสนิทว่าเขาเป็นพวกช่างตื๊อ ไม่อย่างนั้นจะตามจีบปั้นแป้งมาเจ็ดแปดปีได้อย่างไร คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทีไรก็รู้สึกร้อนวูบในอกขึ้นมาทุกที “คะ” “น้องขวัญโกรธอะไรพี่หรือเปล่าครับ” “เปล่านี่คะ” “ถ้าอย่างนั้นน้องขวัญหลบหน้าพี่ทำไมครับ” “ขวัญเปล่าหลบค่ะ แต่เย็นนี้ขวัญมีนัดแล้วจริงๆ อีกอย่างตอนนี้ก็ยังเป็นเวลางานอยู่ คุณศรัณย์เรียกขวัญมาพบจริงๆ นะคะ ถ้าคุณศรุตม์ไม่เชื่อ ลองถามคุณศรัยณ์ดูก็ได้ค่ะ” พาขวัญโบ้ยทั้งที่กล้าๆ กลัวๆ ศรัณย์ที่สังเกตเห็นความผิดปกติของทั้งคู่ยืนมองอยู่เงียบๆ กระทั่งสายตาของศรุตม์มองกลับไปที่เขา “ฉันจะคุยกับผู้ช่วยฉันเรื่องงานในเวลางาน นายมีปัญหาอะไร” ถูกจ้องหน้าสักพักจึงย้อนถามเพราะรู้สึกรำคาญท่าทีโลเลของอีกฝ่ายเต็มทน “ไม่มีปัญหาอะไรครับ ผมไปประชุมก่อนก็แล้วกัน” “เชิญ” “น้องขวัญครับ” พาขวัญเกือบจะหายใจได้ทั่วท้องอยู่แล้วเชียว “คะ” “พรุ่งนี้เช้าว่างไหมครับ” “ไม่ว่างค่ะ” “กลางวัน” “นัดพี่ภูมิว่าจะไปกินสุกี้ที่ร้านใกล้ๆ ออฟฟิศน่ะค่ะ” “เย็น” “นัด...” “เอาเป็นกลางวันก็แล้วกันครับ สุกี้ก็สุกี้” ศรุตม์ตัดบท พูดจบก็เดินกลับไปทันที แม้แต่พาขวัญที่อยากจะแย้งแต่ก็นึกคำพูดที่จะแย้งเขาไม่ออก พูดอะไรไม่ทันเขาสักคำ แกร๊ก กระทั่งบานประตูห้องถูกปิดลงอีกครั้ง ศรัณย์ที่เฝ้าสังเกตพฤติกรรมของทั้งคู่มาตั้งแต่ต้นได้แต่ถอนหายใจ เดินกลับไปนั่งลงที่เก้าอี้แล้วใช้สายตาสั่งให้พาขวัญนั่งลงที่เก้าอี้ด้านหน้าโต๊ะทำงานของเขา ก่อนจะเอ่ยถาม “มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า” “ไม่มีค่ะ คุณศรัณย์เรียกขวัญมาพบมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ หรือว่าขวัญทำข้อมูลอะไรตรงไหนผิด” พาขวัญดึงกลับเข้าเรื่องงานอย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากตอบคำถามเขาเรื่องของศรุตม์ “ไม่เกี่ยวกับเรื่องงานหรอก” “แสดงว่าเป็นเรื่องยัยยาหยี” พาขวัญเองก็คาดเดาความคิดของเขาได้ในทันที ศรัณย์ถอนหายใจก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงด้วยสีหน้าที่ดูเหนื่อยใจเป็นพิเศษ “เมื่อเช้าตอนที่ฉันเจอยัยหยีที่ห้องกาแฟมันก็ดูปกติดีไม่ใช่เหรอคะ” พาขวัญถามด้วยความแปลกใจ เพราะที่ผ่านมาหากยาหยีกับศรัณย์มีปัญหากัน ยาหยีมักจะเล่าให้เธอฟังเสมอ หรือไม่อย่างนั้นก็จะต้องมีสัญญาณความไม่ปกติบางอย่างที่แสดงออกมาจนเธอเป็นฝ่ายเอ่ยถาม แต่วันนี้ทุกอย่างดูเป็นปกติไปหมด ไม่มีสัญญาณบอกอะไรเลย ตอนเจอกันยาหยีก็ดูยิ้มแย้มดี แถมยังเป็นคนเตรียมกาแฟให้กับศรัณย์เองเหมือนอย่างที่ทำทุกวันอีกด้วย “ฉันไม่แน่ใจน่ะว่าปกติจริง หรือพยายามให้ปกติ ก็เลยเรียกเธอมาถาม” “ยังไงคะ” “เมื่อคืนฉันไปแวะกลับไปที่บ้านน่ะ พอดีเป็นวันเกิดพ่อของคุณณาลัลน์ แต่เพราะเห็นว่ายาหยีเพิ่งหายป่วยฉันก็เลยให้พักผ่อนที่คอนโด ไม่ได้พากลับไปด้วยกัน ฉันคิดว่าฉันกลับไม่ดึกเท่าไร แต่พอกลับมาถึงยาหยีก็หอบผ้าห่มหนีฉันออกไปนอนที่โซฟา” แม้จะรู้สึกลังเลที่จะเล่าเรื่องส่วนตัวให้คนนอกฟังอยู่บ้าง แต่ศรัณย์ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว หากเขาอยากจะใส่ใจยาหยีให้ได้มากกว่านี้เพื่อรู้ให้เท่าทันความต้องการของเธอ ก็มีวิธีเดียวนั่นคือต้องศึกษาพฤติกรรมของเธอจากพาขวัญ เพราะพาขวัญเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่ยาหยีไว้ใจที่สุด และน่าจะรู้ใจยาหยีที่สุดด้วย ถึงเขาจะเป็นสามีของเธอแต่ถ้าหากเทียบกันแล้ว เขายังต้องเรียนรู้นิสัยของยาหยีจากพาขวัญอีกมาก “อยู่ๆ ก็ลุกออกไปเลย ไม่ได้บอกอะไรเลยเหรอคะ” “บอกว่าจะไปดูซีรีส์ข้างนอก ได้ยินแบบนั้นฉันก็เลยไม่ได้คิดอะไร เพราะไม่คิดว่าจะนอนที่โซฟานี่ เพราะปกติถึงจะดูซีรีส์จนเกือบเช้า แต่ก็จะกลับมานอนที่เตียงตลอด” ได้ยินศรัณย์อธิบายแล้วพาขวัญอดที่จะยิ้มไม่ได้ เพราะนั่นแสดงว่าเขาใส่ใจพฤติกรรมเพื่อนรักของเธอมากเลยทีเดียว “แล้วคุณศรัณย์ได้ถามมันหรือเปล่าคะว่าทำไมไม่กลับไปนอนที่เตียง” “ไม่ได้ถาม อย่างที่เธอบอกว่ายาหยีเหมือนปกติทุกอย่าง ฉันกลัวว่าถ้าถามแล้วจะกลายเป็นประเด็น” “อ้อ กลัวจะถูกหาว่าร้อนตัว” พาขวัญแซวนิดหน่อย แต่พอถูกเขามองดุๆ เธอก็รีบเม้มริมฝีปากเข้าหากันทั้งที่กลั้นยิ้ม “ขวัญรู้ค่ะว่ายัยหยีเป็นอะไร” “แสดงว่าฉันไม่ได้คิดไปเองว่ายาหยีไม่ปกติ” ศรัณย์รู้สึกภูมิใจอยู่ลึกๆ ที่ครั้งนี้เขารู้ใจภรรยาของตัวเองขึ้นอีกหนึ่งระดับ “ค่ะ ถ้าให้ขวัญเดา ขวัญคิดว่าน่าจะมาจากเครื่องดื่มที่คุณศรัณย์ดื่มในงานวันเกิดก่อนจะกลับคอนโด คุณศรัณย์ได้ดื่มอะไรไปหรือเปล่าคะ” “ไวน์” ศรัณย์นึกไม่นานก็จำได้ว่าตัวเองดื่มไวน์ไปสามสี่แก้ว แต่นั่นก็ไม่น่าจะใช่เรื่องแปลกตรงไหน เพราะปกติเวลาไปกินเลี้ยงกับลูกค้าก็มีการดื่มบ้างเป็นธรรมดาอยู่แล้ว “นั่นแหละค่ะเหตุผล ยัยหยีมันไม่ดื่มแอลกอฮอล์ เรียกว่าไม่แตะเลยสักนิดเดียว และที่สำคัญ มันไม่ชอบอยู่ใกล้ๆ ผู้ชายที่ดื่มหรือมีกลิ่นแอลกอฮอล์ แต่ที่มันไม่พูดก็คงเพราะรู้ว่าคุณศรัณย์ดื่มเพราะความจำเป็นน่ะค่ะ” ได้ยินแบบนั้นศรัณย์ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอคงจะฝังใจมาจากพ่อขี้เหล้าของเธอแน่นอน “ฉันลืมคิดเรื่องนั้นไปเลย” เมื่อคิดได้จึงเปรยออกมาเบาๆ นับตั้งแต่ที่คบยกับยาหยี เขาเองก็ไม่ค่อยจะได้ออกไปสังสรรค์สักเท่าไร หรือแม้แต่การนัดทานข้าวกับลูกค้า เขาก็มักจะให้ภาคภูมินัดพบเป็นช่วงบ่ายหรือช่วงเย็นที่ไม่ค่อยมีเรื่องของการดื่มแอลกอฮอล์อยู่แล้ว ทำอย่างนั้นจนกลายเป็นความเคยชิน ไม่คิดว่ามันจะทำให้เขาเกือบลืมเรื่องที่เคยกระทบกระเทือนจิตใจของยาหยีไปเสียสนิท “เรื่องนี้ฉันพลาดเองจริงๆ” “ขวัญดีใจนะคะที่ยัยยาหยีได้รู้จักผู้ชายดีๆ แบบคุณศรัณย์ อย่าคิดมากเลยค่ะ ยัยหยีมันไม่โกรธคุณหรอก ที่มันทำแบบนี้ก็เพราะมันพยายามเข้าใจคุณต่างหาก” พาขวัญถือโอกาสอธิบายแทนเพื่อน ซึ่งศรัณย์เองก็เข้าใจดี “ขอบใจ” “ยินดีค่ะ ” พาขวัญยิ้มด้วยความสบายใจ และเชื่อเหลือเกินว่าต่อไปนี้ศรัณย์อาจจะกลายเป็นคนไม่ดื่มแอลกอฮอล์ไปเลยก็ได้ เพราะหากเป็นการทำเพื่อยาหยีแล้ว เธอเชื่อว่าศรัณย์ทำได้ทุกอย่าง “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขวัญขอตัวกลับไปทำงานต่อนะคะ” “เดี๋ยวก่อน” ศรัณย์รั้งพาขวัญที่กำลังจะลุกขึ้นจากเก้าอี้เอาไว้ได้ทันเวลา “ฉันมีเรื่องจะถามเธออีกเรื่องน่ะ” พาขวัญคาดเดาได้ทันทีว่าจะต้องเป็นเรื่องของศรุตม์แน่ๆ “คุณศรัณย์มีอะไรจะถามอะไรขวัญเหรอคะ” “จะเรื่องอะไรเสียอีกถ้าไม่ใช่เรื่องของชีตาร์” ว่าแล้วเชียว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD