บทที่ 03
ใจอ่อน [1]
บริษัท พิทักษ์ทรัพย์ คอร์ปอเรชั่น
“พาขวัญ ตามฉันมาหน่อย” ศรัณย์ที่เพิ่งจะเดินออกมาจากห้องประชุมช่วงบ่ายแวะบอก พูดจบก็เดินดุ่มๆ กลับเข้าห้องทำงานไปทันที
ท่าทางที่ดูอารมณ์ไม่ดีซึ่งอาจเป็นเพราะผลการประชุมไม่เป็นดั่งใจหรือมีอะไรผิดพลาดทำให้พาขวัญเริ่มรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ลอบมองไปที่ภาคภูมิที่เข้าประชุมพร้อมกับศรัณย์เผื่อว่าเขาจะบอกหรือเตือนอะไรสักหน่อยแต่เขากลับส่ายหัวไปมาราวกับว่าไม่รู้ว่าศรัณย์ไปกินรังต่อรังแตนที่ไหนมาเหมือนกัน
“ขวัญทำอะไรผิดอีกแล้วเหรอคะพี่ภูมิ” ว่าแล้วก็อดจะแวะถามเพื่อความแน่ใจสักหน่อยไม่ได้
“ไม่นี่ครับ”
“หรือว่าในห้องประชุมเมื่อครู่นี้มีอะไรไม่เป็นไปตามแผน”
“ก็ไม่นะครับ แผนงานล่าสุดก็น่าจะถูกใจคุณศรัณย์ด้วยซ้ำ เขายังสั่งให้เริ่มงานได้เลยด้วยนะครับน้องขวัญ” ภาคภูมิอธิบายไปตามความจริงที่เกิดขึ้น
เมื่อครู่ตอนที่อยู่ในห้องประชุม ศรัณย์ไม่ได้มีท่าทีว่าจะหงุดหงิดหรืออารมณ์ไม่ดีเลยสักนิด แต่ไม่รู้ว่าทำไมพอเดินมาถึงหน้าโต๊ะทำงานของพาขวัญ ท่าทีของเขากลับเปลี่ยนไปเป็นฉุนเฉียวอย่างนั้น
“หรือว่าเขาจะทะเลาะกับยัยหยีมาคะ”
“มีความเป็นไปได้นะครับ พี่ว่าน้องขวัญรีบไปจะดีกว่า ถ้ารอจนคุณศรัณย์เดินออกมาตามอีกรอบเดี๋ยวเรื่องมันจะยิ่งไปกันใหญ่”
“ค่ะๆ อวยพรให้ขวัญด้วยแล้วกันนะคะ” พาขวัญกระซิบกระซาบก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินไปที่ห้องทำงานของศรัณย์ทันที
“น้องขวัญครับ”
ทว่าไม่ทันที่เธอจะได้ยกมือขึ้นเคาะประตู ศรุตม์ก็เดินมาทักเธอเสียก่อน ทั้งที่เธออุตส่าห์หลบหน้าเขามาได้ตั้งครึ่งวันแล้ว
“สวัสดีค่ะคุณศรุตม์”
“งานยุ่งเหรอครับ วันนี้ไม่เห็นแวะไปที่ห้องทำงานพี่เลย” ศรุตม์แกล้งแซว
โดยปกติแล้วพาขวัญมักจะแวะไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับยาหยีที่ห้องทำงานของเขาเสมอ เพราะโต๊ะทำงานของยาหยีอยู่ในห้องทำงานของเขา แม้จะมีเรื่องงานมาอ้างแต่คุยเรื่องงานกันจริงๆ แล้วก็ไม่เกินห้านาที แต่กว่าจะแยกย้ายกันกลับไปทำงานได้ก็ไม่เคยต่ำกว่ายี่สิบนาทีเลยสักครั้ง
“ค่ะ ขวัญขอตัวเข้าพบคุณศรัณย์ก่อนนะคะ พอดีคุณศรัณย์เรียกน่ะค่ะ ท่าทางจะอารมณ์ไม่ค่อยดี”
แอบอ้างชื่อศรัณย์เสียเลย พูดจบก็รีบยกมือขึ้นเคาะประตูทั้งที่ก่อนหน้านี้การเข้าพบศรัณย์ไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสักเท่าไรนัก แต่ตอนนี้หากต้องเลือกระหว่างศรัณย์กับศรุตม์ เธอยอมเสี่ยงเลือกศรัณย์ยังจะดีเสียกว่า
ก๊อกๆๆ
“ขวัญเองค่ะคุณศรัณย์”
“เข้ามา” เสียงของศรัณย์ดังมาจากด้านใน พาขวัญเตรียมจะเปิดประตูแต่ศรุตม์กลับยกแขนขึ้นมาขวางเอาไว้
“วันนี้หลังเลิกงาน น้องขวัญมีธุระที่ไหนหรือเปล่าครับ”
“มีค่ะ” พาขวัญตอบแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด ทันใดนั้นรอยยิ้มของศรุตม์ก็เหมือนจะหายวับไปทันตา
“ด่วนไหมครับ พอจะเลื่อนไปก่อนได้ไหม พี่ว่าจะชวนน้องขวัญไป...”
“ทำไมยังไม่เข้ามาอีก”
ไม่ทันที่ศรุตม์จะพูดจบ บานประตูห้องทำงานของศรัณย์ก็ถูกเปิดโดยเจ้าของห้องที่กำลังสงสัยว่าทำไมเขาอนุญาตให้พาขวัญเข้าไปได้ตั้งพักใหญ่แล้วแต่เธอกลับยังไม่เดินเข้าไปสักที พอเปิดประตูมาเห็นหน้าศรุตม์เขาจึงได้คำตอบ
“นายไม่มีงานทำบ้างเหรอชีตาร์” เอ่ยถามเสียงเข้มพลางยกมือขึ้นกอดอก
หากศรัณย์ต้องเลือกดุคนใดคนหนึ่งที่กำลังยืนถกเถียงกันอยู่ที่หน้าห้องทำงานของเขาในตอนนี้ เขาก็ต้องเลือกดุศรุตม์นั่นแหละ เพราะคนอย่างพาขวัญไม่มีทางกล้าขัดคำสั่งเขาอย่างแน่นอน ที่ผ่านมาเพียงแค่เขาเรียกชื่อเธอก็สะดุ้งตัวโยน หน้าซีดเผือดแล้วทุกที
“ผมแค่แวะมาคุยกับน้องขวัญนิดหน่อยน่ะครับ อีกสักพักกำลังจะเข้าประชุม รอเอกสารจากน้องยาหยีอยู่”
ใครก็คงมองออกว่าศรุตม์เอาชื่อของยาหยีมาอ้าง
“แล้วคุยกันเสร็จหรือยัง จะคุยกันต่ออีกนานไหม” ศรัณย์แสร้งถามต่อ เหลือบสายตามองไปทางพาขวัญที่กำลังทำหน้าตากระอักกระอ่วนใจอยู่เล็กน้อยแล้วเปิดประตูให้กว้างขึ้น
“ผม...”
“เสร็จแล้วค่ะ ขวัญเข้าไปรอข้างในแล้วกันนะคะ” พาขวัญอาศัยไหวพริบที่พอจะมีรีบคว้าโอกาสนั้นเอาไว้ ตัดบทของตัวเองออกเรียบร้อยก็ก้าวเท้าเข้าไปในห้องทำงานของศรัณย์โดยไม่หันกลับไปมองสีหน้าเหวอๆ ของศรุตม์อีกเลย
“น้องขวัญครับ”
แต่นี่คงเป็นอีกครั้งที่เธอประเมินคนอย่างศรุตม์ผิดไป ลืมไปสนิทว่าเขาเป็นพวกช่างตื๊อ ไม่อย่างนั้นจะตามจีบปั้นแป้งมาเจ็ดแปดปีได้อย่างไร คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทีไรก็รู้สึกร้อนวูบในอกขึ้นมาทุกที
“คะ”
“น้องขวัญโกรธอะไรพี่หรือเปล่าครับ”
“เปล่านี่คะ”
“ถ้าอย่างนั้นน้องขวัญหลบหน้าพี่ทำไมครับ”
“ขวัญเปล่าหลบค่ะ แต่เย็นนี้ขวัญมีนัดแล้วจริงๆ อีกอย่างตอนนี้ก็ยังเป็นเวลางานอยู่ คุณศรัณย์เรียกขวัญมาพบจริงๆ นะคะ ถ้าคุณศรุตม์ไม่เชื่อ ลองถามคุณศรัยณ์ดูก็ได้ค่ะ” พาขวัญโบ้ยทั้งที่กล้าๆ กลัวๆ ศรัณย์ที่สังเกตเห็นความผิดปกติของทั้งคู่ยืนมองอยู่เงียบๆ กระทั่งสายตาของศรุตม์มองกลับไปที่เขา
“ฉันจะคุยกับผู้ช่วยฉันเรื่องงานในเวลางาน นายมีปัญหาอะไร” ถูกจ้องหน้าสักพักจึงย้อนถามเพราะรู้สึกรำคาญท่าทีโลเลของอีกฝ่ายเต็มทน
“ไม่มีปัญหาอะไรครับ ผมไปประชุมก่อนก็แล้วกัน”
“เชิญ”
“น้องขวัญครับ”
พาขวัญเกือบจะหายใจได้ทั่วท้องอยู่แล้วเชียว
“คะ”
“พรุ่งนี้เช้าว่างไหมครับ”
“ไม่ว่างค่ะ”
“กลางวัน”
“นัดพี่ภูมิว่าจะไปกินสุกี้ที่ร้านใกล้ๆ ออฟฟิศน่ะค่ะ”
“เย็น”
“นัด...”
“เอาเป็นกลางวันก็แล้วกันครับ สุกี้ก็สุกี้” ศรุตม์ตัดบท พูดจบก็เดินกลับไปทันที แม้แต่พาขวัญที่อยากจะแย้งแต่ก็นึกคำพูดที่จะแย้งเขาไม่ออก พูดอะไรไม่ทันเขาสักคำ
แกร๊ก
กระทั่งบานประตูห้องถูกปิดลงอีกครั้ง ศรัณย์ที่เฝ้าสังเกตพฤติกรรมของทั้งคู่มาตั้งแต่ต้นได้แต่ถอนหายใจ เดินกลับไปนั่งลงที่เก้าอี้แล้วใช้สายตาสั่งให้พาขวัญนั่งลงที่เก้าอี้ด้านหน้าโต๊ะทำงานของเขา ก่อนจะเอ่ยถาม
“มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า”
“ไม่มีค่ะ คุณศรัณย์เรียกขวัญมาพบมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ หรือว่าขวัญทำข้อมูลอะไรตรงไหนผิด” พาขวัญดึงกลับเข้าเรื่องงานอย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากตอบคำถามเขาเรื่องของศรุตม์
“ไม่เกี่ยวกับเรื่องงานหรอก”
“แสดงว่าเป็นเรื่องยัยยาหยี” พาขวัญเองก็คาดเดาความคิดของเขาได้ในทันที ศรัณย์ถอนหายใจก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงด้วยสีหน้าที่ดูเหนื่อยใจเป็นพิเศษ
“เมื่อเช้าตอนที่ฉันเจอยัยหยีที่ห้องกาแฟมันก็ดูปกติดีไม่ใช่เหรอคะ” พาขวัญถามด้วยความแปลกใจ เพราะที่ผ่านมาหากยาหยีกับศรัณย์มีปัญหากัน ยาหยีมักจะเล่าให้เธอฟังเสมอ หรือไม่อย่างนั้นก็จะต้องมีสัญญาณความไม่ปกติบางอย่างที่แสดงออกมาจนเธอเป็นฝ่ายเอ่ยถาม แต่วันนี้ทุกอย่างดูเป็นปกติไปหมด ไม่มีสัญญาณบอกอะไรเลย ตอนเจอกันยาหยีก็ดูยิ้มแย้มดี แถมยังเป็นคนเตรียมกาแฟให้กับศรัณย์เองเหมือนอย่างที่ทำทุกวันอีกด้วย
“ฉันไม่แน่ใจน่ะว่าปกติจริง หรือพยายามให้ปกติ ก็เลยเรียกเธอมาถาม”
“ยังไงคะ”
“เมื่อคืนฉันไปแวะกลับไปที่บ้านน่ะ พอดีเป็นวันเกิดพ่อของคุณณาลัลน์ แต่เพราะเห็นว่ายาหยีเพิ่งหายป่วยฉันก็เลยให้พักผ่อนที่คอนโด ไม่ได้พากลับไปด้วยกัน ฉันคิดว่าฉันกลับไม่ดึกเท่าไร แต่พอกลับมาถึงยาหยีก็หอบผ้าห่มหนีฉันออกไปนอนที่โซฟา”
แม้จะรู้สึกลังเลที่จะเล่าเรื่องส่วนตัวให้คนนอกฟังอยู่บ้าง แต่ศรัณย์ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
หากเขาอยากจะใส่ใจยาหยีให้ได้มากกว่านี้เพื่อรู้ให้เท่าทันความต้องการของเธอ ก็มีวิธีเดียวนั่นคือต้องศึกษาพฤติกรรมของเธอจากพาขวัญ เพราะพาขวัญเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่ยาหยีไว้ใจที่สุด และน่าจะรู้ใจยาหยีที่สุดด้วย ถึงเขาจะเป็นสามีของเธอแต่ถ้าหากเทียบกันแล้ว เขายังต้องเรียนรู้นิสัยของยาหยีจากพาขวัญอีกมาก
“อยู่ๆ ก็ลุกออกไปเลย ไม่ได้บอกอะไรเลยเหรอคะ”
“บอกว่าจะไปดูซีรีส์ข้างนอก ได้ยินแบบนั้นฉันก็เลยไม่ได้คิดอะไร เพราะไม่คิดว่าจะนอนที่โซฟานี่ เพราะปกติถึงจะดูซีรีส์จนเกือบเช้า แต่ก็จะกลับมานอนที่เตียงตลอด” ได้ยินศรัณย์อธิบายแล้วพาขวัญอดที่จะยิ้มไม่ได้ เพราะนั่นแสดงว่าเขาใส่ใจพฤติกรรมเพื่อนรักของเธอมากเลยทีเดียว
“แล้วคุณศรัณย์ได้ถามมันหรือเปล่าคะว่าทำไมไม่กลับไปนอนที่เตียง”
“ไม่ได้ถาม อย่างที่เธอบอกว่ายาหยีเหมือนปกติทุกอย่าง ฉันกลัวว่าถ้าถามแล้วจะกลายเป็นประเด็น”
“อ้อ กลัวจะถูกหาว่าร้อนตัว” พาขวัญแซวนิดหน่อย แต่พอถูกเขามองดุๆ เธอก็รีบเม้มริมฝีปากเข้าหากันทั้งที่กลั้นยิ้ม
“ขวัญรู้ค่ะว่ายัยหยีเป็นอะไร”
“แสดงว่าฉันไม่ได้คิดไปเองว่ายาหยีไม่ปกติ” ศรัณย์รู้สึกภูมิใจอยู่ลึกๆ ที่ครั้งนี้เขารู้ใจภรรยาของตัวเองขึ้นอีกหนึ่งระดับ
“ค่ะ ถ้าให้ขวัญเดา ขวัญคิดว่าน่าจะมาจากเครื่องดื่มที่คุณศรัณย์ดื่มในงานวันเกิดก่อนจะกลับคอนโด คุณศรัณย์ได้ดื่มอะไรไปหรือเปล่าคะ”
“ไวน์” ศรัณย์นึกไม่นานก็จำได้ว่าตัวเองดื่มไวน์ไปสามสี่แก้ว แต่นั่นก็ไม่น่าจะใช่เรื่องแปลกตรงไหน เพราะปกติเวลาไปกินเลี้ยงกับลูกค้าก็มีการดื่มบ้างเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
“นั่นแหละค่ะเหตุผล ยัยหยีมันไม่ดื่มแอลกอฮอล์ เรียกว่าไม่แตะเลยสักนิดเดียว และที่สำคัญ มันไม่ชอบอยู่ใกล้ๆ ผู้ชายที่ดื่มหรือมีกลิ่นแอลกอฮอล์ แต่ที่มันไม่พูดก็คงเพราะรู้ว่าคุณศรัณย์ดื่มเพราะความจำเป็นน่ะค่ะ”
ได้ยินแบบนั้นศรัณย์ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอคงจะฝังใจมาจากพ่อขี้เหล้าของเธอแน่นอน
“ฉันลืมคิดเรื่องนั้นไปเลย” เมื่อคิดได้จึงเปรยออกมาเบาๆ
นับตั้งแต่ที่คบยกับยาหยี เขาเองก็ไม่ค่อยจะได้ออกไปสังสรรค์สักเท่าไร หรือแม้แต่การนัดทานข้าวกับลูกค้า เขาก็มักจะให้ภาคภูมินัดพบเป็นช่วงบ่ายหรือช่วงเย็นที่ไม่ค่อยมีเรื่องของการดื่มแอลกอฮอล์อยู่แล้ว ทำอย่างนั้นจนกลายเป็นความเคยชิน ไม่คิดว่ามันจะทำให้เขาเกือบลืมเรื่องที่เคยกระทบกระเทือนจิตใจของยาหยีไปเสียสนิท
“เรื่องนี้ฉันพลาดเองจริงๆ”
“ขวัญดีใจนะคะที่ยัยยาหยีได้รู้จักผู้ชายดีๆ แบบคุณศรัณย์ อย่าคิดมากเลยค่ะ ยัยหยีมันไม่โกรธคุณหรอก ที่มันทำแบบนี้ก็เพราะมันพยายามเข้าใจคุณต่างหาก” พาขวัญถือโอกาสอธิบายแทนเพื่อน ซึ่งศรัณย์เองก็เข้าใจดี
“ขอบใจ”
“ยินดีค่ะ ” พาขวัญยิ้มด้วยความสบายใจ และเชื่อเหลือเกินว่าต่อไปนี้ศรัณย์อาจจะกลายเป็นคนไม่ดื่มแอลกอฮอล์ไปเลยก็ได้ เพราะหากเป็นการทำเพื่อยาหยีแล้ว เธอเชื่อว่าศรัณย์ทำได้ทุกอย่าง
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขวัญขอตัวกลับไปทำงานต่อนะคะ”
“เดี๋ยวก่อน” ศรัณย์รั้งพาขวัญที่กำลังจะลุกขึ้นจากเก้าอี้เอาไว้ได้ทันเวลา “ฉันมีเรื่องจะถามเธออีกเรื่องน่ะ” พาขวัญคาดเดาได้ทันทีว่าจะต้องเป็นเรื่องของศรุตม์แน่ๆ
“คุณศรัณย์มีอะไรจะถามอะไรขวัญเหรอคะ”
“จะเรื่องอะไรเสียอีกถ้าไม่ใช่เรื่องของชีตาร์”
ว่าแล้วเชียว