หลังจากที่หลี่หยางจากไป บรรยากาศในหอโอสถเซียวก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง แต่ความเงียบนั้นแตกต่างจากเดิม มันเต็มไปด้วยความตึงเครียดที่มองไม่เห็น เซียวหลันยืนอยู่ริมหน้าต่าง มองไปยังเส้นทางที่หลี่หยางจากไปอย่างเหม่อลอย
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านองค์ชายสามกับท่านเจ้าสำนักมีเรื่องบาดหมางกันหรือเปล่าคะ” เสี่ยวชุนถามด้วยความกังวล นางเองก็สัมผัสได้ถึงความเย็นชาที่หลี่หยางแสดงออกเมื่อครู่
“ข้าก็ไม่แน่ใจ” เซียวหลันตอบตามตรง “แต่ดูเหมือนพวกเขาจะมีเรื่องราวบางอย่างที่ซับซ้อนกว่าที่เราคิด”
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น อาหลงก็เดินเข้ามาพร้อมกับข่าวที่ทำให้ทุกคนต้องตกใจ “คุณหนูขอรับ! มีคนถูกทำร้ายที่กลางตลาด! ขุนนางที่ติดตามท่านองค์ชายสามคนหนึ่ง ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสขอรับ!”
“เกิดอะไรขึ้น” เซียวหลันถามทันที
“ไม่ทราบขอรับ แต่ดูเหมือนจะเป็นการลอบทำร้ายจากยอดฝีมือ ดูท่าแล้วจะฝีมือไม่ธรรมดา” อาหลงตอบอย่างร้อนรน “ดูเหมือนจะมีคนที่ไม่พอใจท่านองค์ชายสามที่มาเยือนเมืองหลี่เฉิงขอรับ”
เซียวหลันขมวดคิ้วแน่น หากเป็นการลอบทำร้ายตามปกติก็คงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ แต่ในช่วงเวลาที่หลี่หยางเพิ่งแสดงท่าทีไม่พอใจต่อเฉินเหวิน มันทำให้เหตุการณ์นี้ดูไม่ปกติเอาเสียเลย นางรู้สึกว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ในคืนนั้น...
เซียวหลันยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องส่วนตัวของเธอ นางพยายามทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเมืองหลี่เฉิง ตั้งแต่การปรากฏตัวของหลี่หยาง การรักษาที่เผยให้เห็นรอยแผลเก่าที่น่ากลัว ไปจนถึงการมาเยือนของเฉินเหวิน และการลอบทำร้ายที่เพิ่งเกิดขึ้น นางเชื่อว่าทั้งหมดนี้ต้องเชื่อมโยงถึงกันอย่างแน่นอน
“รอยแผลนั้น… ไม่ใช่รอยแผลที่เกิดจากวรยุทธ์ทั่วไป แต่เป็นพลังที่รุนแรงและป่าเถื่อน” นางพึมพำกับตนเอง “และสายตาที่หลี่หยางมองเฉินเหวิน… มันเต็มไปด้วยความเกลียดชัง”
นางหยิบตำราการแพทย์และสมุนไพรออกมาวางบนโต๊ะ พยายามคิดหาหนทางที่จะเชื่อมโยงข้อมูลทั้งหมดเข้าด้วยกัน ความรู้จากภพก่อนหน้าทำให้เธอสามารถวิเคราะห์สิ่งต่างๆ ได้อย่างมีเหตุผลและรอบด้าน
ขณะที่กำลังง่วนอยู่กับการค้นคว้า จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้น เซียวหลันเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ อาหลงและเสี่ยวชุนน่าจะหลับกันไปนานแล้ว
“ผู้ใดกัน” นางถาม
“ข้าเอง” เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านนอก
เซียวหลันรีบลุกไปเปิดประตู เผยให้เห็นเงาร่างสูงของหลี่หยางที่ยืนอยู่ด้านนอก เขาไม่ได้สวมผ้าคลุมปิดบังใบหน้า แต่ใบหน้าของเขาดูซีดเซียว และที่แขนซ้ายของเขามีเลือดซึมออกมาจากผ้าพันแผล
“ท่านบาดเจ็บอีกแล้ว” เซียวหลันอุทานด้วยความตกใจ นางรีบพาเขาเข้ามาในห้อง “เกิดอะไรขึ้น”
หลี่หยางเดินเข้ามาในห้องอย่างเงียบๆ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ เขาไม่ตอบคำถามของนาง แต่สีหน้าของเขาบอกว่าเขาเพิ่งผ่านการต่อสู้ที่หนักหน่วงมา
เซียวหลันรีบนำน้ำและผ้ามาทำความสะอาดบาดแผลของเขา นางคลายผ้าพันแผลออก เผยให้เห็นบาดแผลใหม่ที่เกิดขึ้นบริเวณใกล้ๆ กับรอยแผลเก่า มันเป็นบาดแผลจากคมกระบี่ที่ลึกจนน่ากลัว
“เกิดเรื่องที่ตลาดใช่หรือไม่” เซียวหลันถามขณะที่บรรจงทำความสะอาดบาดแผลอย่างเบามือ
หลี่หยางพยักหน้าเล็กน้อย “คนของมันตามมา”
“แล้ว… ท่านไปเกี่ยวข้องกับเรื่องลอบทำร้ายขุนนางขององค์ชายสามหรือเปล่า” เซียวหลันถามตรงๆ นางต้องการความจริงในตอนนี้
หลี่หยางเงยหน้าขึ้นสบตานาง ดวงตาของเขาฉายแววความประหลาดใจเล็กน้อยที่นางกล้าถามคำถามนี้ “ข้าไม่ได้ทำ” เขาตอบเสียงเรียบ “แต่ข้าไปช่วยมัน”
“ท่านช่วยองค์ชายสามหรือ” เซียวหลันยิ่งงุนงง “เหตุใดท่านจึงช่วยเขา ในเมื่อท่านดู… ไม่ชอบหน้าเขาเอาเสียเลย”
หลี่หยางถอนหายใจช้าๆ “เป็นเรื่องในอดีต” เขาเริ่มเล่าเรื่องราวที่ซับซ้อนและน่าตกใจออกมาทีละน้อย “เมื่อสิบปีก่อน… ครอบครัวของข้าก็ถูกใส่ร้ายเหมือนกับตระกูลของเจ้า”
เซียวหลันเบิกตากว้าง “อะไรนะ”
“เราถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ เพียงเพราะครอบครัวของข้ามีความสามารถด้านวรยุทธ์และพลังธาตุที่แตกต่างจากผู้อื่น และคนที่อยู่เบื้องหลังก็คือ… ตระกูลของเฉินเหวิน” หลี่หยางเล่าด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด “พวกเขาต้องการครอบครองพลังที่ซ่อนเร้นในตัวพวกเรา”
เซียวหลันนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เรื่องราวของเขาช่างคล้ายคลึงกับเรื่องราวของตระกูลเธออย่างน่าประหลาดใจ
“ข้าคือผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากตระกูลของเรา รอยแผลบนแขนของข้า… เกิดจากพลังที่ข้าใช้เพื่อปกป้องน้องสาว แต่ข้าก็ทำไม่สำเร็จ” เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “ส่วนเรื่องที่ช่วยเฉินเหวินจากการถูกลอบทำร้ายในวันนี้… เพราะเขาถูกข้าจับได้เมื่อสิบปีก่อน และเราได้ทำข้อตกลงกันไว้”
“ข้อตกลงอะไรหรือ” เซียวหลันถามด้วยความอยากรู้อย่างยิ่ง
“ข้อตกลงที่ให้เขาเลิกยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพลังธาตุที่อยู่เบื้องหลังยุทธภพ” หลี่หยางตอบเสียงหนักแน่น “และข้าจะคอยเฝ้าดูเขา หากเขากลับไปทำเรื่องเดิมอีก… เขาจะต้องรับผลกรรมนั้น”
เซียวหลันเริ่มเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด เฉินเหวินมาที่เมืองหลี่เฉิงในครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องของหอโอสถเซียวเพียงอย่างเดียว แต่เขาต้องการมาตรวจสอบบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับปมในอดีต และการลอบทำร้ายเมื่อครู่ก็เป็นฝีมือของคนที่ไม่พอใจเฉินเหวิน เพราะอาจจะเคยเกี่ยวข้องกับเรื่องในอดีตเช่นกัน
“ท่านก็เลยมาช่วยเขา” เซียวหลันกล่าวสรุป
“ข้าไม่ได้ช่วยมัน” หลี่หยางตอบเสียงเรียบ “ข้าแค่มาเตือนให้มันอย่าทำผิดพลาดอีกครั้ง และป้องกันไม่ให้เรื่องราวในอดีตต้องหวนกลับมาทำร้ายผู้บริสุทธิ์”
เซียวหลันเงียบไปครู่หนึ่ง นางมองดูใบหน้าของหลี่หยางที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นทางใจ นางสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดและความโดดเดี่ยวที่เขาแบกรับไว้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“บาดแผลนี้… คงเจ็บปวดนัก” เซียวหลันกล่าวเสียงแผ่ว พลางบรรจงทำแผลให้เขาอย่างอ่อนโยน
หลี่หยางมองนางด้วยแววตาที่อ่อนลงกว่าปกติ “ใช่… เจ็บปวดนัก แต่เจ้าก็ทำให้มันบรรเทาลงได้”
เซียวหลันเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา ความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา ความไว้ใจ ความเข้าใจ และความเห็นใจในชะตากรรมที่คล้ายคลึงกัน
หลังจากที่ทำแผลเสร็จแล้ว เซียวหลันก็เริ่มปรุงยาจากสมุนไพรหายาก นางใช้ความรู้จากภพก่อนหน้าในการผสมผสานสมุนไพรให้มีฤทธิ์ในการฟื้นฟูเส้นลมปราณโดยตรง หลี่หยางเฝ้ามองทุกขั้นตอนด้วยความประหลาดใจในฝีมือของนาง
“ยาตัวนี้จะช่วยฟื้นฟูเส้นลมปราณของท่านได้เร็วขึ้น” เซียวหลันกล่าวพลางยื่นถ้วยยาให้เขา “ท่านต้องดื่มให้หมดนะ”
หลี่หยางรับถ้วยยามาดื่มจนหมด เขาสัมผัสได้ถึงพลังที่อบอุ่นที่ไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายและค่อยๆ เยียวยารอยแผลเป็นเก่าที่เคยเจ็บปวดของเขา
“ข้า… ไม่เคยพบใครที่มีฝีมือเช่นเจ้ามาก่อน” หลี่หยางกล่าวอย่างจริงใจ
“ข้าก็ไม่เคยพบใครที่มีบาดแผลเช่นท่านมาก่อนเช่นกัน” เซียวหลันตอบด้วยรอยยิ้ม
เมื่อรุ่งเช้ามาถึง หลี่หยางจากไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ทิ้งเพียงความสงสัยไว้เบื้องหลัง แต่ทิ้งความลับอันดำมืดในอดีตที่เชื่อมโยงระหว่างพวกเขาสองคน และทิ้งความรู้สึกที่อบอุ่นบางอย่างไว้ในหัวใจของเซียวหลัน
นางมองไปยังท้องฟ้ายามเช้าที่เริ่มมีแสงสว่างรำไร รู้สึกว่าโชคชะตาได้เริ่มพัดพาชีวิตของนางเข้าสู่กระแสแห่งความขัดแย้งที่ใหญ่กว่าเดิมแล้ว… สงครามแห่งการชิงอำนาจและความลับดำมืดที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้ยุทธภพและราชสำนักได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว