เคธี่ตกใจแทบช็อก และเกือบจะกรี๊ดออกมาอยู่แล้วในตอนที่เธอเห็นเท้าของหญิงสาวที่สวมรองเท้าแก้วโผล่ออกมา
เคธี่ตบหน้าตัวเองรัวๆ โดยหวังว่าเธอจะตื่นจากฝัน แต่ระหว่างนั้นเงาดำก็ออกมาทั้งร่าง และกลายเป็นหญิงสาวในชุดแสนสวย หญิงสาวฉีกยิ้มหวานให้
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวทักทาย
เคธี่ทำปากพะงาบๆ เธอพูดอะไรไม่ออก และยังไม่ทันที่เคธี่จะตั้งสติได้ หนังสือก็ส่องแสงสว่าง และมีอีกเงาปรากฏขึ้นมา เงานั้นกลายเป็นร่างกะเทยที่ถือไม้กายสิทธิ์
“เธอหนีออกมาแบบนี้ไม่ได้นะ เอล่า” กะเทยพูดเสียงแหว
“ไม่ ฉันจะไม่กลับไป” หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าเอล่าวิ่งมาหลบหลังเคธี่ เอล่าเขย่าแขนเคธี่ “เธอ เธอช่วยฉันหน่อยนะ”
เคธี่ยังคงพูดอะไรไม่ออก เธอคิดว่าเธอต่างหากที่ตอนนี้ควรได้รับการช่วยเหลือมากที่สุด
“เธอช่วยฉันเถอะนะ” เอล่ายังคงอ้อนวอนต่อ
“ฉันจะช่วยอะไรได้ล่ะ” เคธี่พูด เธอพบว่าน้ำเสียงของตัวเองสั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ
“เธอช่วยคุยกับเฟย์หน่อยสิ เฟย์ไม่ยอมฟังฉันเลย”
“ฉันก็ฟังเธออยู่ แต่ว่าเธอจะหนีออกมาแบบนี้ไม่ได้นะ” กะเทยที่ถูกเรียกว่าเฟย์ตอบกลับเอล่า
“แต่ฉันไม่อยากดำเนินเรื่องต่อแล้ว ขอล่ะเฟย์ ฉันเบื่อเต็มที”
“ฉันเข้าใจเธอนะ เอล่า แต่การหนีออกมาแบบนี้ มันไม่ได้ช่วยให้แก้ปัญหานะ”
“แต่พวกเราก็พยายามมาหลายลูปแล้ว ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนไปเลย” เอล่าเสียงหงอย
“ก็ต้องพยายามกันต่อไป เดี๋ยวมันต้องสำเร็จสักวันล่ะน่า” เฟย์พูดและเดินเข้ามาหาเอล่า
เคธี่ถูกเอล่ายึดตัวเหมือนเป็นโล่กำบังเอาไว้ ทำให้เธอต้องเผชิญหน้ากับเฟย์อย่างเลี่ยงไม่ได้ ตอนนี้เคธี่เริ่มตั้งสติขึ้นได้บ้างแล้ว เธอพยายามขยับตัวให้หลุดจากเอล่าแต่ก็ไม่สำเร็จ เคธี่ถูกเฟย์จ้องหน้า
“เธอเป็นใคร” เฟย์ถาม
แม้เคธี่ยังไม่ค่อยเข้าใจกับสถานการณ์ แต่เธอก็อดหงุดหงิดไม่ได้ที่ต้องมาถูกถามคำถามแบบนี้ ทั้งที่เธอต่างหากที่โดนบุกรุกห้อง เคธี่สะบัดตัวหลุดจากเอล่า
“ฉันต่างหากที่ต้องถาม พวกเธอเป็นใคร แล้วมาทำอะไรที่นี่” เคธี่ส่งสายตาไม่ไว้วางใจให้ทั้งคู่
เอล่ามองหน้ากับเฟย์ และทั้งคู่ก็โค้งตัว ก้มหน้าให้เคธี่เล็กน้อย โดยเอล่าจับชายกระโปรงทั้งสองข้างเอาไว้ด้วย ทั้งคู่เงยหน้าขึ้นมาแล้วแนะนำตัว
“ฉันชื่อเอล่า เป็นนางเอกของเรื่องซินเดอเอล่า ฉันหนีเฟย์ออกมา เพราะฉันเบื่อโลกเทพนิยาย” เอล่าพูดก่อน
“ฉันชื่อเฟย์ เป็นแม่ทูนหัวของเอล่า ฉันมาตามเอล่ากลับไป” เฟย์พูดต่อ
“...” เคธี่พยายามทำความเข้าใจกับบุคคลทั้งสองที่มายืนอยู่ตรงหน้าเธอ แต่ทั้งสองก็จ้องหน้าเธอแบบรอคำตอบเช่นกัน
“ฉันชื่อเคธี่ เป็นคอนเทนต์ไร.. เอิ่ม ไม่สิ เป็นนักเขียน” เคธี่แก้ตำแหน่งงานของตัวเองที่เพิ่งถูกเปลี่ยนไป
“เธอว่าไงนะ” เฟย์ดูตกใจ
“นักเขียนเหรอ” เอล่ากุมมือตัวเอง ส่งสีหน้าตื่นเต้นออกมาอย่างชัดเจน
“เป็นนักเขียนสินะ” เฟย์ดูตื่นเต้นเช่นเดียวกัน
“นี่มันโชคชะตา ฟ้าลิขิตชัดๆ” เอล่าตื่นเต้น และฮัมเพลงเสียงสูงต่อจากประโยคพูดของเธอ
“อะไรเหรอ แล้วนี่เธอจะร้องเพลงทำไม” เคธี่ถามด้วยเสียงประหม่า
“เคธี่ เธอต้องช่วยพวกเราได้แน่” เอล่าวิ่งเข้ามากุมมือเคธี่ ดวงตาของเธอเป็นประกาย
เฟย์ไม่ได้พูดอะไร แต่เธอก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ช่วยอะไร แล้วทำไมฉันต้องช่วย” เคธี่ดึงมือออกจากเอล่า
“พวกเราอยากจะหยุดลูปนิยายของเรื่องนี้น่ะ ฉันเบื่อที่จะต้องนั่งทำงานบ้าน และต้องไปแต่งงานกับเจ้าชายที่จำหน้าฉันไม่ได้ด้วยซ้ำ” เอล่าอธิบาย “แต่ว่าการหยุดลูปมันต้องใช้พลังเวทจำนวนมาก ซึ่งเฟย์ก็…” เอล่าไม่กล้าพูดต่อจนจบ
“..มีพลังเวทไม่มากพอ” เฟย์ต่อประโยคให้เอล่าด้วยน้ำเสียงห่อเหี่ยว “พลังเวทจะขึ้นกับความนิยมของเรื่อง พวกเราลองเปลี่ยนเนื้อเรื่องมาหลายเวอร์ชันแล้ว แม้บางเวอร์ชันจะได้รับความนิยม แต่พลังเวทของฉันก็เพิ่มขึ้นไม่พออยู่ดี”
“พวกเราจึงต้องการเธอยังไงล่ะ” เอล่าคว้ามือเคธี่มาจับอีกครั้ง
“ฉันจะทำอะไรได้” เคธี่พยายามดึงมืออีกครั้ง แต่ไม่สำเร็จ คราวนี้เอล่ากุมมือเธอไว้แน่น
“เธอช่วยมาทำเวอร์ชันใหม่ให้พวกเราที เธอเป็นนักเขียน เรื่องจะต้องสนุกและออกมาเป็นที่นิยมแน่เลย” เอล่าชักชวน
“คือให้ฉันเขียนเรื่องใหม่น่ะเหรอ” เคธี่ถาม
“ใช่ เอ๊ะ ไม่สิ ถ้าเธอเขียนฉันต้องเล่นตามบทสิ” เอล่าพึมพำ และใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันทีที่เธอคิดออก ดวงตาเธอก็เป็นประกายอีกครั้ง “เฟย์ ถ้าให้เอล่ากลับเข้าไปแทนฉันได้ไหม”
“อืม...” เฟย์ครุ่นคิด “ก็ได้นะ” เธอพยักหน้าช้าๆ
“เดี๋ยว จะให้ฉันเข้าไปไหน” เคธี่ถามด้วยความลังเล
“เธอไม่อยากไปสัมผัสโลกนิยายด้วยตัวเองเหรอ” เฟย์พูดด้วยน้ำเสียงเย้ายวน
“ไปทำให้นิยายเวอร์ชันใหม่ดัง และกลายเป็นนักเขียนชื่อดัง” เอล่าเสริม
“โอกาสแบบนี้ไปหาที่ไหนไม่ได้ละนะ” เฟย์เสริมต่ออีก
เคธี่ลังเลใจ ข้อเสนอนี้น่าสนใจสำหรับเธอมาก เธอเชื่อว่าการที่เธอได้ไปสัมผัสโลกของเทพนิยายจริงๆ จะเป็นประโยชน์ต่องานเขียนของเธอมากแน่นอน และอย่างที่เฟย์พูด เธอจะไปหาข้อเสนอแบบนี้ได้จากที่ไหนอีก แต่เธอก็ยังไม่ค่อยเชื่อใจทั้งสองเท่าไหร่
“ฉันจะเชื่อใจพวกเธอได้ยังไง” เคธี่ถามต่อ
“งั้นเรามาทำสัญญานางฟ้ากันไหม” เฟย์ยิ้มที่มุมปาก “สัญญาที่ต้องปฏิญาณต่อเวทมนตร์ของนางฟ้า คนที่ผิดคำสัญญา วิญญาณก็จะมอดไหม้”
เคธี่ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว และเธอก็ไม่คิดจะผิดสัญญา เคธี่คิดไม่นานก็ตอบตกลง ทั้งสามช่วยกันร่างสัญญาจนเป็นที่พอใจกันหมด เฟย์ให้เคธี่และเอล่าจับมือไขว้กัน และเอาไม้กายสิทธิ์แตะข้อมือของทั้งสอง เคธี่สัมผัสได้ถึงไออุ่นจากปลายไม้ เส้นแสงสีรุ้งถูกปล่อยออกมา และล้อมรอบสองมือของคนทั้งคู่เอาไว้ และเฟย์ก็เริ่มกล่าว
“เอล่า แห่งโลกเทพนิยาย และเคธี่ แห่งโลกมนุษย์ เจ้าทั้งสองตั้งใจจะทำสัญญานางฟ้าต่อข้า เฟย์ นางฟ้าผู้สร้าง พวกเจ้าจะสลับโลกกันอยู่ โดยจะทำหน้าที่แทนในโลกของแต่ละคน และเมื่อเรื่องราวในโลกเทพนิยายจบลง พวกเจ้าทั้งคู่ จะต้องกลับไปที่โลกของตัวเอง โดยไม่มีข้อแม้ พวกเจ้าจะทำสัญญานี้หรือไม่”
“ข้าทำสัญญา” เอล่า และเคธี่ตอบ
แสงสีรุ้งรัดข้อมือของทั้งคู่ เฟย์โบกไม้กายสิทธิ์ไปมา และพึมพำกับตัวเอง ไม่นานแสงสว่างสีขาวก็พวยพุ่งออกมาจากไม้ แสงนั้นจ้าไปทั่วห้อง จนเคธี่ และเอล่าต้องหลับตา เพราะพวกเธอสู้แสงไม่ไหว เคธี่รู้สึกว่าตัวเองลอยขึ้นจากพื้น เธอกำลังถูกดูดตัวออกไป มือของเธอหลุดกับเอล่า เคธี่ถูกลมกระชากพาตัวเธอลอยขึ้น เคธี่ฝืนลืมตาขึ้นมาดู ร่างกายของเธอปวกเปียก และกำลังถูกดูดเข้าไปในหนังสือ เธอเห็นภาพของเอล่าหยีตามองมาทางเธอเช่นกัน แล้วแสงก็ดับลง
เคธี่หล่นตุบกับพื้นที่ไม่ใช่พื้นห้องของเธอ เคธี่ไม่แน่ใจว่าเธออยู่ที่ไหน แต่เธอมั่นใจว่าสัญญาของนางฟ้าเริ่มทำงานแล้ว และเธอมาถึงโลกเทพนิยายแล้ว
______________________________________________________________________________________