บทที่ 4 ฉันไม่เอาแม่เลี้ยง! (1/2)

1698 Words
“ระวังตัวนะเคธี่ แม่เลี้ยงน่ะใจร้ายมาก” เอล่าเตือนเป็นคำสุดท้ายสำหรับเนื้อเรื่องต่อไปที่เคธี่จะต้องเจอ เคธี่คิดว่าเธอต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพราะใครจะไปอยากมีแม่เลี้ยงใจร้ายกันล่ะ ______________________________________________________________________________________ เคธี่เข้าใจแล้วว่าทำไมครอบครัวของเอล่าถึงร่ำรวย นอกจากตระกูลของเอลลี่ที่ได้เงินสนับสนุนจากวังที่คอยตรวจตราป่ามิสทรี สตีฟยังเป็นพ่อค้ามือทองอีกด้วย สตีฟจะเดินทางไปต่างแดน เพื่อสรรหาของหายาก ของสวยงาม และของต่างถิ่นที่ช่วยอำนวยความสะดวก ดังนั้นไม่ว่าชาวบ้านหรือชนชั้นสูงก็อยากได้ของที่สตีฟนำกลับมาขายทั้งนั้น สตีฟจะจัดงานประมูลที่ตลาดยาวไปหลายวัน และครั้งนี้สตีฟตั้งใจจัดงานถึงเจ็ดวัน เคธี่ช่วยงานสตีฟอย่างเต็มที่ เธออยากพิสูจน์ให้สตีฟเห็นว่าเธอดูแลตัวเองได้โดยไม่จำเป็นต้องมีแม่เลี้ยง แม้ตอนนี้สตีฟยังไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ก็ตาม แต่เคธี่มั่นใจว่าเร็วๆ นี้ เธอจะได้เจอกับคนที่จะมาเป็นแม่เลี้ยงของเธออย่างแน่นอน เคธี่ช่วยเขียนใบประกาศเรื่องการประมูล สินค้าแดนไกล ที่ไม่ต้องไปหาเอง ของดี ของหายาก จากสตีฟ นอกจากนี้ เคธี่ยังให้ช่างวาดรูปมาวาดสินค้าเด่นที่จะจัดประมูลในแต่ละวันอีกด้วย งานทำคอนเทนต์เป็นงานถนัดของเธออยู่แล้ว จึงทำให้คนสนใจป้ายประกาศ และรู้จักงานนี้เป็นจำนวนมาก จนวันแรกผู้คนออกมาประมูลและดูการประมูลอย่างคึกคักแบบที่สตีฟไม่เคยเจอมาก่อน จนสตีฟเอ่ยปากชม สินค้าชิ้นเดียวที่เคธี่อดแปลกใจไม่ได้คือรองเท้าแตะที่ถูกประมูลในราคาสูงที่สุดถึง 35,000 เหรียญ แต่ในเมื่อเมืองนี้มีแต่รองเท้าส้นสูง และส้นเตี้ย รองเท้าแตะต่างเมืองจึงเป็นสินค้าแปลกตา และชนชั้นสูงก็ซื้อไว้เพื่อการอวดรวยเท่านั้น เคธี่จึงสั่งทำตู้โชว์ให้โดยเฉพาะ แต่เคธี่ก็คาดไม่ถึงว่าเศรษฐีตระกูลนั้นจะเอาตู้โชว์มาตั้งไว้ที่หน้าคฤหาสน์ พร้อมมีคนเฝ้ายาม 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ยิ่งคนเห็นรองเท้าแตะล้ำค่ามากเท่าไหร่ งานประมูลในวันที่เหลือก็คึกคักมากขึ้นเท่านั้น สตีฟบอกกับเคธี่ว่าเดี๋ยวจะมีผู้ช่วยของเขานำของหายากชิ้นพิเศษมาให้ด้วย ทำให้เช้าวันที่สี่ของการประมูล เคธี่ได้เจอกับลิซซี่แม่หม้าย พร้อมกับลูกติดสองคน เดอร์ซี่และสเตซี่ หญิงทั้งสามที่เป็นตัวร้ายของเรื่อง ______________________________________________________________________________________ “สวัสดีค่ะ สตีฟ” ลิซซี่จับชายกระโปรงทั้งสองข้าง และโค้งตัวต่ำ หน้าอกของเธอแทบจะเทออกมาหมดเต้า “ฉันกำลังคิดถึงคุณอยู่เลยค่ะ” ลิซซี่พูดเสียงหวาน เคธี่เกลียดผู้หญิงคนนี้ทันที “พอดีฉันกลัวว่าจะมาส่งของให้คุณไม่ทันน่ะค่ะ” ลิซซี่ยิ้มหวาน “ตอนนี้ยังทันครับ” สตีฟยิ้มตอบกลับเป็นมารยาท “นี่คงเป็นเคธี่ลูกสาวของคุณใช่ไหมคะ” ลิซซี่หันมายิ้มหวานให้เคธี่อีกคน “ยินดีได้ที่ได้รู้จักนะคะ ฉันชื่อลิซซี่ เป็นผู้ช่วยของสตีฟ และนี่คือเดอร์ซี่กับสเตซี่ ลูกสาวของฉัน” ลิซซี่ผายมือไปให้สองสาวที่ยืนอยู่ข้างหลัง เดอร์ซี่และสเตซี่จับชายกระโปรง พวกเธอย่อขา และโค้งตัวให้สตีฟกับเคธี่ เดอร์ซี่ท่าทางอ่อนช้อยไม่ต่างจากแม่ของเธอ แต่สเตซี่ค่อนข้างจะเงอะงะ เคธี่แค่พยักหน้ารับ “เราไปดูของข้างในกันดีกว่า” สตีฟชักชวน ลิซซี่ให้คนช่วยถือของเดินตามเข้าไปในคฤหาสน์กับสตีฟ พวกเขาพากันไปที่ห้องทำงาน ทำให้เคธี่มีหน้าที่ต้องดูแลแขกที่ไม่ได้อยากเชิญทั้งสอง “ว้าว บ้านหลังนี้ใหญ่จริงๆ ด้วย” สเตซี่พูดเสียงตื่นเต้น และมองไปรอบๆ คฤหาสน์ “นี่เราจะได้มาอยู่ที่นี่จริงๆ เหรอเนี่ย” “อ่ะแฮ่ม” เดอร์ซี่ไอขัด “อยู่แค่ชั่วคราวระหว่างงานประมูลเท่านั้นล่ะ และที่นี่เรียกว่าคฤหาสน์ต่างหากล่ะสเตซี่” เดอร์ซี่หันมาหาเคธี่ เธอยิ้มหวานแบบเดียวกับแม่ของเธอ “ขอโทษแทนน้องสาวฉันด้วยนะคะ พอดีคุณแม่บอกไว้ว่าพวกเราจะได้มาพักที่นี่ระหว่างงานน่ะค่ะ” “ฉันเตรียมห้องไว้ให้แล้วค่ะ ไปดูกันเลยไหมคะ” เคธี่ชวน และปั้นยิ้มเท่าที่เธอจะทำได้ ______________________________________________________________________________________ ลิซซี่เป็นสาวรุ่นใหญ่ ผิวสี คิ้วโก่งโค้ง ดวงตาคม จมูกโด่งเป็นสัน และมีรูปปากอิ่มหนาที่ทำให้เครื่องหน้าเธอยิ่งเด่นชัดขึ้น นอกจากเธอความสวยไม่สร่าง เธอยังมีความสามารถในการหว่านล้อมคนด้วย เธอพยายามให้เดอร์ซี่และสเตซี่มาช่วยงานประมูลแทนเคธี่ ซึ่งสตีฟก็เห็นว่าเป็นเรื่องดีที่มีคนมาช่วยเพิ่ม แต่ส่วนใหญ่สองสาวมักจะทำงานผิดพลาดจนเคธี่ต้องมานั่งตามแก้มากกว่า “ไม่ทราบว่าของชิ้นสุดท้ายที่นำมาประมูลคืออะไรเหรอคะ” เคธี่ถามขึ้นในการประชุมเรื่องการจัดงาน “ฉันจะได้ช่วยเขียนคำโปรโมตไว้ให้” เคธี่หันไปถามลิซซี่ “บอกเคธี่ไปก็ได้นะ เธอช่วยทำใบประกาศจนคนมางานเยอะเลยล่ะ เผื่อเธอจะมีไอเดียอะไร” สตีฟบอก “ไม่เป็นไรค่ะสตีฟ ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน เรื่องนี้ฉันขอจัดการเองดีกว่า ขอบคุณนะจ๊ะหนูเคธี่” ลิซซี่ยิ้มหวานให้ “ไม่ต้องห่วงหรอกเคธี่ คุณแม่จัดการแสดงเพื่อของชิ้นนี้เองเลยฉันว่าเธอรอดูเองดีกว่านะ” เดอร์ซี่ยิ้มหวานเช่นเดียวกัน เคธี่ต้องยั้งลูกตาตัวเองไว้ไม่ให้กลอกตามองบน “ได้สิ ฉันจะคอยดูเลย” เคธี่ยิ้มหวาน เธอไม่อยากยอมแพ้การเสแสร้งของสองแม่ลูก สเตซี่มองคนยิ้มหวานทั้งสาม และยิ้มหวานไปด้วย สตีฟมองผู้หญิงที่นั่งยิ้มหวานใส่กัน เขาอดยิ้มไปด้วยไม่ได้ เขาดีใจที่ทั้งสี่เข้ากันได้ดี ซึ่งนั่นทำให้เคธี่ปวดหัวมากทีเดียว “ลูกมีไอเดียเสนอค่ะคุณพ่อ” เคธี่หันไปคุยกับสตีฟ “ลูกคิดว่าวันสุดท้ายเราขายตั๋วค่าเข้างานกันดีกว่าค่ะ” “แบบที่ดูการแสดงน่ะเหรอ” สตีฟสนใจ “ใช่ค่ะ แล้วเราก็แบ่งโซนราคา ราคาสูงก็จะได้อยู่โซนด้านหน้า ราคาที่ถูกลงมาก็ให้อยู่ด้านหลัง” เคธี่อธิบาย “แต่ถ้าทำแบบนั้น แล้วคนมาร่วมงานน้อยลงล่ะ มันอาจจะทำให้เราได้เงินประมูลน้อยนะ” ลิซซี่ค้าน “เราประมูลสินค้าเพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้าอยู่แล้ว ถูกไหมคะ การเก็บค่าเข้างานก็เหมือนกัน มันจะยิ่งเพิ่มมูลค่าของสินค้าแน่นอนค่ะ” เคธี่อธิบาย “แล้วถ้าขายตั๋วไม่ได้ล่ะ เธอจะทำยังไง” ลิซซี่ยิ้มเหยียด เธอหันหลังให้สตีฟ เขาจึงไม่เห็นรอยยิ้มน่าเกลียดนั่น “ฉันมั่นใจค่ะว่ามันจะขายได้ ดังนั้นไม่เป็นไรค่ะลิซซี่ ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน เรื่องนี้ฉันขอจัดการเองดีกว่า ขอบคุณนะคะลิซซี่” เคธี่นำคำพูดของลิซซี่มาใช้ และไม่ลืมที่จะยิ้มหวาน “พ่อว่ามันเป็นความคิดที่ดีนะ ได้เงินมาเพิ่มโดยไม่ต้องขายสินค้า” สตีฟพูดอย่างภูมิใจในตัวเคธี่ “งั้นลูกจัดการเลยแล้วกัน แต่คงต้องรีบหน่อยแล้ว เหลือเวลาอีกแค่สองวันเอง” “ได้ค่ะคุณพ่อ งั้นลูกขอไปเตรียมงานก่อนนะคะ” ก่อนจะออกจากห้อง เคธี่เห็นลิซซี่ส่งสายตาขุ่นๆ มาให้ เธอจึงส่งรอยยิ้มหวานแบบเดียวกับลิซซี่ไปให้ ______________________________________________________________________________________ เคธี่ลิสรายชื่อแขกทั้งหมดและเขียนจดหมายให้แต่ละตระกูล ตอนที่เธอหาซองส่งจดหมาย เธอเจอสาส์นเปื้อนเลือดของเอลลี่ตอนที่เขียนเรื่องป่ามิสทรี เคธี่ชะงักไปเล็กน้อย มีเพียงซองจดหมายที่ยังไม่เปื้อนเลือด เคธี่มองลายมือที่จ่าหน้าซองของเอลลี่ชั่วครู่ แต่เวลากระชั้นชิดของงาน บีบให้เธอไม่มีเวลาเศร้า เคธี่ส่งจดหมายให้กับกลุ่มตระกูลที่มีอำนาจมากกว่าก่อน โดยระบุว่าพวกเขาสามารถซื้อตั๋วทองโซนที่นั่งด้านหน้าได้ก่อน และต้องตอบกลับภายในครึ่งวัน ผลตอบรับดีเกินคาด หลังจากนั้นเธอก็ส่งจดหมายไปขายตั๋วเงินโซนที่นั่งด้านหลังจนหมด เคธี่เตรียมงานได้อย่างราบรื่น อุปสรรคเพียงอย่างเดียวก็คือเดอร์ซี่และสเตซี่ สองพี่น้องตามติดเคธี่อยู่เสมอ จนเคธี่ภาวนาให้งานประมูลจบไปเร็วๆ มีครั้งหนึ่งที่สเตซี่เผลอพูดว่า พวกเราต้องดีต่อกันไว้ เผื่อว่าพวกเราจะเป็นพี่น้องกัน ทำให้เดอร์ซี่ไอจนลูกคอแทบจะหลุดออกมาเพื่อขัดจังหวะ และแก้ตัวว่าพวกเธอแค่เอ็นดูเคธี่เหมือนน้องสาวเท่านั้น ในวันสุดท้ายของงาน เคธี่จัดการเปลี่ยนตลาดทั้งหมดให้เป็นลานประมูลสินค้า เคธี่จัดสรรที่นั่งให้กับแต่ละตระกูลได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะตระกูลที่ซื้อตั๋วทอง เคธี่ให้พวกเขานั่งในจุดที่เด่นที่สุด ทำให้ชาวบ้านที่มายืนดูงานจากรอบนอกยังเห็นใบหน้า และชุดราคาแพงของพวกเขา ซึ่งนั่นทำให้ทุกตระกูลที่ซื้อตั๋วทองพอใจ มีแค่ชายเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ใช้ผ้าคลุมนั่งปิดหน้าปิดตาเหมือนไม่อยากให้ใครสนใจเขา แต่ยิ่งเขาทำแบบนั้น เขาก็ยิ่งโดดเด่น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD