เคธี่ปีนต้นไม้ขึ้นไปอย่างยากลำบาก และเธอก็ตกลงมาทั้งที่จริงๆ แล้วเธอไต่ไปแค่สามก้าวเท่านั้น
เคธี่ใช้มีดที่เธอพกมาแบ่งเชือก และเอามีดนั้นมาพันกับใต้รองเท้าส้นสูงด้านหน้า ทำให้ตอนนี้รองเท้ามีปลายแหลมหน้าหลัง เคธี่ลองสวมมันและปีนอีกครั้ง และคราวนี้มันได้ผล รองเท้าช่วยเกาะลำต้น ไม่ให้เธอลื่นตกง่ายๆ ทำให้เธอรู้สึกว่ารองเท้าส้นสูงก็มีประโยชน์เหมือนกัน เคธี่คอยพันเชือกกับมือ เพื่อเป็นแรงยึดให้ปีน เธอคิดว่าถ้าเธอต้องปีนต้นไม้อีก เธอจะผูกให้เป็นวงๆ ไว้ก่อน จะได้ไว้จับปีนง่ายๆ
เคธี่เหนื่อยจนแทบจะหายใจไม่ทัน เธอคิดถึงเอลลี่ที่กอดปลอบเธอ และคิดถึงเรื่องราวต่อจากนี้ หากเธอเปลี่ยนแปลงมันไปไม่ได้ สตีฟพ่อของเอล่าจะต้องหาแม่เลี้ยงมาให้เธอแน่นอน ซึ่งเคธี่ไม่อยากโดนทรมานแบบเอล่า สองสิ่งนี้เป็นแรงใจให้เคธี่ฮึบปีนต่อไปจนเกือบถึงยอด แม้แขนกับขาจะหมดแรงไปแล้วก็ตาม เธอฝืนจนไปถึงยอดไม้จนได้ แต่เธอกลับเจองูบนนั้น
“กรี๊ดดดด!” เคธี่ร้องลั่น และเผลอปล่อยมือ เธอตกลงมาทันที “โอ๊ย!” เคธี่ร้องเจ็บเมื่อเชือกที่เธอรัดตัวเองเอาไว้ดึงตัวเธอก่อนถึงพื้น เคธี่น้ำตาเล็ดจากการเจ็บเอว และเธออยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ ที่เจ็บระหว่างขาที่เชือกรัดไว้ ถ้ามันอักเสบเธอคงต้องเดินขาถ่าง ซึ่งมันคงเป็นภาพที่ไม่น่าดูเท่าไหร่
แม้เคธี่จะรอดตาย แต่เธอก็ห้อยต่องแต่งไปมา เคธี่ต้องการความช่วยเหลือ แต่ที่นี่มีแต่งู ซึ่งน่าจะมาช่วยปลิดชีวิตเธอมากกว่า
แกร่ก แกร่ก
เคธี่มองไปด้านบนตามเสียง และพบว่ากิ่งไม้กำลังจะหักจากแรงกระแทก “อย่านะ” เธอร้องเสียงผวา แต่กิ่งไม้ก็หักลงมาอยู่ดี
โครม!
“อ่อก” เคธี่ร้อง แม้เธอจะตกลงมาไม่สูงมาก แต่มันก็มากพอที่จะทำให้เธอปวดหลัง
เคธี่มองไปด้านบน เธอเหวออีกครั้ง เพราะมีกิ่งไม้อีกกิ่งตกตามมา และงูที่เลื้อยเกาะกิ่งไม้นั้นก็กำลังลอยจากกิ่งไม้และตกมาเช่นกัน โชคดีที่เธอหันหลบทันทั้งหมด งูตัวนั้นไม่ได้ทำอะไรเคธี่ มันมองกิ่งไม้ และขู่ฟ่อ เคธี่คิดว่างูตัวนั้นกำลังบ่น และมันก็เลื้อยหนีไป
“นี่ฉันต้องปีนอีกรอบเหรอเนี่ย” เคธี่ถอนหายใจ แล้วก็หันไปเห็นเบอร์รี่ที่ยังชูอยู่บนกิ่งไม้ โชคดีที่มันยังไม่ตกถึงพื้น
______________________________________________________________________________________
เคธี่เอาเบอร์รี่มาให้เอลลี่ คราวนี้เคธี่ดีใจที่เธอได้ใส่ชุดกระโปรงยาว เคธี่คิดว่ามันน่าจะช่วยกลบเกลื่อนอาการเดินขาถ่างของเธอไว้ได้
“ลูกเอาเบอร์รี่หายากมาให้ค่ะ เขาบอกว่ากินเข้าไปจะหายเจ็บ หายป่วย คุณแม่ลองกินดูนะคะ” เคธี่ยื่นเบอร์รี่ให้เอลลี่
“งั้นลูกกินก่อนเถอะ เดินขาถ่างขนาดนั้น”
“เอ่อ ลูกไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ พอดีเดินเยอะไปหน่อย” เคธี่อายที่โดนจับได้ หน้าเธอเริ่มแดง “กินหน่อยนะคะคุณแม่” เคธี่ขอร้อง จริงๆ เธออยากจะขอเอาหมอนมาปิดหน้าด้วย เพราะเมื่อเธอคิดว่าระหว่างที่เธอเดินมาที่ห้องเอลลี่ สาวใช้คงเห็นอาการขาถ่างของเธอจนหมด แต่ไม่มีใครกล้าพูดถึงและเอาแต่ก้มหน้าลงตัวสั่น เคธี่เพิ่งเข้าใจว่าพวกเธอกลั้นขำนั่นเอง
เอลลี่กินเบอร์รี่เล็กจิ๋วหมดในคำเดียว จากที่หน้าขาวซีด เธอก็กลับมามีสีหน้าระเรื่อแดงเหมือนเลือดสูบฉีด เอลลี่สามารถลุกขึ้นมานั่งเองได้ โดยที่ไม่ต้องให้เคธี่ช่วย
“เป็นยังไงบ้างคะ” เคธี่ถาม
“ดี ดีมาก แม่ไม่รู้สึกดีขนาดนี้มานานแล้วนะ” เอลลี่ตื่นเต้น “นี่แม่วิ่งไปรอบคฤหาสน์ได้เลยนะ หรือจริงๆ วิ่งไปกลับวังก็ยังไหว”
เคธี่ขำและพ่นล่มหายใจออกมา แม้เธอจะไม่เข้าใจว่าเอลลี่จะอยากวิ่งไปกลับวังไปทำไม
“นี่มันผลวิเศษเหรอ ลูกไปเอามาจากไหน” เอลลี่ถาม
“ความลับค่ะ” เคธี่ฉีกยิ้มออกมา
เอลลี่กอดเคธี่ ความอบอุ่นจากร่างกายของเอลลี่ส่งมาถึงเคธี่อีกครั้ง เคธี่กอดตอบ
“ขอบคุณลูกมากๆ เลยนะ”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ คุณแม่หายก็ดีแล้ว” เคธี่ตอบ
เอลลี่หยิบสร้อยคอเพชรสีน้ำเงินให้เคธี่อีกครั้ง คราวนี้เคธี่รับด้วยความเต็มใจ ตอนออกจากห้องเคธี่ไม่ลืมทำท่าเดินปกติ โดยที่แอบกัดฟันเอาไว้ด้วย
______________________________________________________________________________________
เมื่อเคธี่นำสร้อยเพชรออกมาดูตอนอยู่ให้ห้องคนเดียว เธอสังเกตว่ามีประกายรุ้งอ่อนๆ ออกมาจากเพชร
“เฟย์?” เคธี่พึมพำออกมาอย่างไม่แน่ใจ
ทันใดนั้นก็มีเงาพวยพุ่งออกมาจากสร้อย เคธี่ทิ้งสร้อยไว้ที่เตียง
แล้ววิ่งหนีด้วยความตกใจ เงานั้นกลายร่างเป็นเฟย์
“ช่วยออกมาแบบที่ไม่ทำให้ตกใจได้ไหม ฉันเกือบจะหัวใจวายตายตั้งแต่ตอนที่พวกเธอออกมาจากหนังสือแล้วนะ” เคธี่โวยวาย
“เอาน่ะ เดี๋ยวเธอก็ชินเอง”
เคธี่พ่นลมหายใจ และเดินเข้าไปหาเฟย์
“แล้วทำไมเดินขาถ่างแบบนั้น” เฟย์ถาม “อย่าบอกนะว่า เธอได้กับเจ้าชายแล้ว ต๊าย!” เฟย์ตกใจและมองไปรอบห้องหาเงาของเจ้าชาย “ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ขนาดนั้นอะไรเล่า”
“ก็ขนาดของลำ…”
“ลำต้นไม้มันใหญ่มาก” เคธี่รีบตัดบท “ฉันปีนต้นไม้ และตกลงมา แค่นั้นล่ะ”
“อ้อ ลำต้นใหญ่” เฟย์ยิ้มที่มุมปาก
“เราเลิกสนใจ ขนาดของลำ..ต้นไม้กันเถอะเนาะ” เคธี่เน้นคำต้นไม้ “ว่าแต่เธอมาได้ยังไง เหลืออีกตั้งอาทิตย์หนึ่งไม่ใช่เหรอ” เคธี่ถาม
“ก็ฉันได้ยินเสียงเธอเรียก” เฟย์ชี้ไปทางสร้อยเพชร “ในนั้นมีพลังของฉันอยู่ ฉันใช้พลังนั้นมาที่นี่แหละ”
“อ้าว ทำไมไม่บอกก่อนล่ะ ฉันจะได้เอาสร้อยนี้มาตั้งนานแล้ว ช่างมันเถอะ ฉันมีข่าวดีจะบอกเธอด้วย”
“สรุปได้กับเจ้าชายแล้วจริงๆ ใช่ป้ะ” เฟย์ตื่นเต้น
“โอ๊ย ไม่ใช่” เคธี่หน้าแดงขึ้นมา “นี่ฉันยังไม่รู้เลยว่าหน้าเจ้าชายเป็นยังไง ในหนังสือก็ออกมานิดเดียว จำไม่ได้หรอก”
“แล้วเรื่องอะไรล่ะ” เฟย์หมดความสนใจไปในทันที
“ฉันช่วยให้เอลลี่หายป่วยได้แล้วนะ” เคธี่ยิ้มแป้น เธอคาดหวังว่าเฟย์จะต้องตื่นเต้นดีใจไปกับเธอ แต่เฟย์กลับมีสีหน้าว่างเปล่า
“ยังไงเหรอ” เฟย์ถามเสียงเรียบ
“ฉันปีนต้นไม้เพื่อไปเก็บลูกเบอร์รี่น่ะสิ พอเอลลี่กินเข้าไปปั๊บ เอลลี่ก็ดีขึ้นทันตาเลย”
“อ่อ แบบนั้นสินะ” เฟย์ถอนหายใจเบาๆ เธอมีแววตาเศร้า
“แบบนั้น? หมายความว่ายังไง หรือว่าพวกเธอ…”
ก๊อกๆ
ยังไม่ทันที่เคธี่จะพูดจบ ก็มีสาวใช้มาเรียกเธอที่ประตู เคธี่หันมามองเฟย์
“ฉันพรางตัวอยู่ ไม่มีใครเห็นฉันหรอก” เฟย์บอกเคธี่
“เข้ามาได้” เคธี่พูดเสียงดัง ให้สาวใช้ได้ยินจากอีกฝั่งประตู
“คุณหนูคะ” สาวใช้ร้องไห้
“มีอะไร” เคธี่ถาม เธอเริ่มกังวล
“นายหญิง…” สาวใช้สะอื้น
เคธี่ไม่รอให้สาวใช้พูดจนจบ เธอรีบวิ่งไปที่ห้องของเอลลี่ทันที หัวหน้าสาวใช้กำลังร้องไห้อยู่ข้างๆ เอลลี่ เอลลี่ยังคงนอนอยู่บนเตียง แก้มของเธอยังแดงระเรื่อแบบคนสุขภาพดี แต่เอลลี่ได้จากไปอย่างสงบแล้ว
______________________________________________________________________________________