ครืดดดด
“แกจะรีบไปไหนไอ้ปรินซ์” นภัทรหันไปถามเด็กหนุ่มที่ลุกลี้ลุกลนรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้
“ไปบอกพ่อกับป๊าให้ส่งผมไปเรียนต่างประเทศ” ราเชนทร์รีบเดินกึ่งวิ่งออกไป เขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดชะงักก่อนจะหันมาเอ่ยกับเด็กสาว
“เธอส่งรายละเอียดมาบอกพี่เลยนะว่าจะไปเรียนต่อที่ไหน เมื่อไหร่ ยังไง พี่ไม่ยอมให้เธอหนีไปเรียนต่างประเทศให้หนุ่มฝรั่งมันตามจีบเธอแน่นอน” พูดจนเด็กหนุ่มรีบกลับไปยังบ้านของตนเองทันที
“เปลี่ยนใจมั้ยลูก ไอ้ปรินซ์มันจะตามติดหนูไปด้วยขนาดนี้”
“ไม่เปลี่ยนใจค่ะ แต่แก้วจะไปคนเดียว”
“ไอ้ปรินซ์มันจะยอมเหรอ มันติดหนูแจขนาดนั้น” ณภัทรเอ่ยถามบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง
“แก้วคงต้องไปขอให้ป้าจอมกับลุงๆ ช่วยค่ะ”
“เอาที่หนูเห็นสมควรละกัน แต่ไปเรียนคนเดียวต้องดูแลตัวเองดีๆ นะพ่อกับแม่เป็นห่วง” น้ำฟ้าลูบหัวลูกสาวเบาๆ พร้อมกับดึงเข้ามากอด
บทที่2 เธอเป็นของฉันตั้งแต่วันนั้น
แกร๊ก
เสียงของหน้าต่างห้องนอนบนชั้นสองของตัวบ้านดังขึ้นในขณะที่ทุกคนภายในบ้านได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปหมดแล้ว ไม่เว้นแม้แต่หญิงสาวเจ้าของห้องที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงอย่างมีความสุข
“หึ” คนในเงามืดยืนมองร่างบางบนเตียงที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่รู้แม้กระทั่งตอนนี้ที่เขาทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงข้างๆ เธอ
“ลูกแก้ว” เสียงทุ้มที่ติดแหบพร่ากระซิบข้างใบหูขาวก่อนที่เจ้าของเสียงจะลูบไล้ใบหน้าสวยที่อยู่ในความมืด
“ฮือออ” หญิงสาวที่ถูกรบกวนในเวลานอนครางเสียงอือออาเมื่อทนต่อการก่อกวนไม่ไหว เธอจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
เพียงแค่กลิ่นกายคุ้นเคยที่ลอยเข้าจมูกแค่นั้นก็สามารถทำให้เธอตื่นเต็มตาได้โดยที่ไม่ต้องเห็นหน้าว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“อะ…เฮีย” แก้วขวัญเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง มองคนที่บุกรุกเข้ามาในห้องนอนของเธอกลางดึกแบบนี้ตาโต ร่างบางเริ่มสั่นขึ้นมาเมื่อสัมผัสได้ถึงความนิ่งและเงียบของคนตรงหน้า
“ทำไมเฮียถึงมาอยู่ในห้องนอนแก้วตอนดึกแบบนี้คะ” เธอเอ่ยถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ภายในใจคิดอยากจะวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้แต่เธอรู้ดีว่าความเป็นจริงนั้นเธอไม่สามารถทำได้
“วันนี้วันเกิดของเธอ อายุครบสิบแปดแล้วใช่ไหม” นิ้วมือหยาบของคนในความมืดค่อยๆ ลูบใบหน้าสวยตั้งแต่หน้าผากลากไล้ลงมายังแก้มนุ่มจนมาหยุดลูบวนอยู่ที่ริมฝีปากอิ่มที่กำลังสั่นน้อยๆ ของเธอ
“ชะ…ใช่ค่ะ”
“งั้นเธอก็พร้อมที่จะเป็นของฉันแล้วสิ” นิ้วโป้งที่อยู่บนริมฝีปากนุ่มของเธอเริ่มบดขยี้ริมฝีปากของเธอหนักขึ้นกว่าเดิม จนเธอเผลอยกมือขึ้นมาจับมือหนาของเขาไว้ให้หยุดการกระทำนั้น
“หือออ ไม่อยากให้ฉันแตะปากเธอเหรอ” เขายอมปล่อยมือออกจากริมฝีปากนุ่มเมื่อหญิงสาวแสดงอาการต่อต้าน
“ขะ…คือออ เปล่าค่ะ” แก้วขวัญปฏิเสธเสียงสั่น รู้ดีว่าตนเองนั้นไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธคนตรงหน้า ไม่ว่าเขาจะต้องการอะไรจากเธอ หรือต้องการให้เธอทำสิ่งใดเธอก็ไม่มีสิทธิ์ขัดขืน
“หึ จำได้หนิว่าทั้งตัวเธอ ลมหายใจเธอ หรือแม้แต่วิญญาณของเธอมันเป็นของฉัน”
“แก้วไม่เคยลืม ถ้าเฮียไม่เก็บแก้วมาในวันนั้น แก้วก็คงไม่มีทุกวันนี้ค่ะ” เธอจำได้ไม่เคยลืมว่าที่เธอยังมีลมหายใจและมีชีวิตที่ดีอย่างทุกวันนี้เป็นเพราะเขาคนที่ย้ำเตือนกับเธอเสมอว่าเขาเป็นเจ้าของชีวิตของเธอ
“ถ้าจำได้จริงเธอคงจะไม่ไปนั่งคลอเคลียกับน้องฉันแบบเมื่อคืนก่อนหรอกมั้ง”
"แก้วเปล่าทำอย่างที่เฮียว่านะ" เธอรีบปฏิเสธทันทีเพราะรู้ดีหากเขาโกรธขึ้นมาคนที่ต้องรองรับความโกรธนั้นในตอนนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากเธอ
“หึ ฉันไม่ได้ตาบอด” เธอคิดว่าเขาจะไม่รู้เห็นหรือไงว่าเธอนั่งนิ่งให้น้องชายเขาคลอเคลียโดยที่ไม่ขัดขืน และเธอคิดว่าเขาจะไม่รู้เรื่องที่เธอยอมคบกับน้องชายเขาหรือไง เขารู้กระทั่งเรื่องที่เธอจะหนีเขาไปเรียนต่อต่างประเทศ
“ได้ข่าวว่าจะไปเรียนต่อต่างประเทศ” ชายหนุ่มหันไปเปิดโคมไฟหัวเตียงเพื่อที่จะได้มองใบหน้าของคนที่คิดจะหนีเขาให้ชัดเจน
“คิดจะหนีไปไกลสายตาฉัน เธอขออนุญาตฉันหรือยัง”
“เอ่อ…แก้ว คือ แก้วไม่ไปแล้วก็ได้ค่ะ”
การเอ่ยขอร้องคนตรงหน้าคือสิ่งเดียวที่เธอไม่อยากจะทำ หากเธอต้องอ้อนวอนขอร้องเขาสู้ให้เธอตัดปัญหาด้วยการยอมอยู่ในโอวาทของเขายอมทำทุกอย่างตามที่เขาสั่งยังดีกว่า
และเธอก็ต้องยอมรับว่าเหตุผลหลักที่ทำให้เธอตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศก็คือคนตรงหน้า คนที่เธออยากจะหนีไปให้ไกลจากเขาแต่เธอไม่สามารถทำมันได้
“ไปสิ”
“ฉันให้อิสระเธอ” เสียงแหบพร่าเอ่ยบอกในสิ่งที่หญิงสาวไม่คิดว่าเธอจะได้ยิน
“จริงเหรอคะ” แก้วขวัญมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อกับสิ่งที่หูเธอได้ยิน
“ใช่ เธอไปเรียนต่อต่างประเทศได้ แต่…”
“แต่…แต่อะไรคะ” คนอย่างเขาไม่ได้คิดจะให้อิสระง่ายๆ เลยใช่ไหม
“ฉันจะตรีตราจองเธอเอาไว้ เธอจะได้ไม่หลงระเริงจนลืมว่าตัวเธอเป็นของฉัน”
“มะ…อือออ” ไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยท้วงริมฝีปากนุ่มโดนคนตรงหน้าประกบริมฝีปากหนาของเขาลงมาปิดไว้ทันที
“ถ้าคิดอยากจะหนีไปจากอกฉัน เธอก็ต้องยอมถูกฉันตีตราไว้แบบนี้”