บทที่ 2.2 - ผู้ชายหน้าดุ (เขาชมว่าเธอสวย) (จบตอน)

1361 Words
“มะ เมื่อกี้ ละ ลี… ลี… ซุ่มซ่ามล้มทับแขกวีไอพีค่ะ” เจตรินอ้าปากค้าง! “ว่าไงนะ?!” ผู้จัดการหนุ่มแทบไม่เชื่อหูตัวเอง “ลีล้มทับคุณเขาเหรอ” ท่าทางตกใจของเจตรินยิ่งทำให้วราลีหวาดกลัว “ลีไม่ได้ตั้งใจ พะ พี่เจต ลีกลัวลูกค้าโกรธ” วราลีกลัวจับใจ สายตาของเขาตอนที่มองเธอช่างดุดันเหลือเกิน รังสีอำมหิตแผ่กระจายไปทั่ว ราวกับเธอคือนักโทษต้องคดีอาญาร้ายแรง “ซวยละ เขายิ่งเนี๊ยบยิ่งเอาแต่ใจอยู่ด้วย” เจตรินยกมือเกาศีรษะ สรรพคุณของแขกวีไอพีคนนี้ต่างรู้ดีว่านิสัยเป็นเช่นไร “พี่กุ๊กไก่คะ ลีรบกวนวานพี่ช่วยเอาน้ำแร่ไปให้เขาแทนลีได้ไหมคะ ลีไม่กล้าไปเจอเขาแล้ว ลีกลัว…” “เอ่อ… พี่” คนถูกไหว้วานมีท่าทีอึกอัก เมื่อครู่ที่รีบออกมาก่อนก็เพราะแอบหวั่นไม่แพ้สาวรุ่นน้อง ผู้ชายคนนั้นหล่อเหลาดุจเทพบุตรก็จริง แต่สีหน้าแววตาดุดันราวกับผีดิบ “นะคะพี่กุ๊กไก่ ช่วยลีด้วยเถอะ” วราลีรู้อยู่เต็มอกว่ากุ๊กไก่กำลังกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอไม่เคยเอาเรื่องของตัวเองมายัดเยียดให้ผู้อื่นรับผิดชอบแทน แต่นาทีนี้ขอหน่อยเถอะ เธอไม่สามารถกลับไปเผชิญหน้ากับเขาได้อีกจริงๆ “ก็ได้” กุ๊กไก่ตอบรับไม่เต็มเสียงนัก วราลีโล่งอก “ขอบคุณมากนะคะ” พอคล้อยหลังกุ๊กไก่ เจตรินก็รีบถามไถ่รายละเอียดจากพนักงานสาวทันที “แล้วตอนที่ลีล้มทับคุณเขา เขาว่ายังไงบ้าง โกรธไหม?” “ลีคิดว่าน่าจะโกรธค่ะ” วราลีเดาจากน้ำเสียงที่เธอได้ยิน แก้วหูยังจดจำได้ชัดเจน “หวังว่าเขาคงไม่เอาเรื่องนะ” ผู้จัดการหนุ่มพยายามคิดในแง่ดีเข้าไว้ “เขาเข้มงวดมากหรือคะพี่เจต?” ปกติเจตรินไม่ใช่คนที่จะกังวลต่อเรื่องใดง่ายๆ ขนาดมีลูกค้าคอมเพลนเรื่องรสชาติอาหารไม่ถูกปาก เขายังไม่ซีเรียสขนาดนี้เลย แสดงว่าลูกค้าวีไอพีท่านนี้ต้องมีอิทธิพลมากทีเดียว! “เข้มงวดมากไหมพี่ไม่แน่ใจ แต่ที่รู้ๆ คือผู้ชายคนนั้นเป็นบุคคลสำคัญที่เจ้าของร้านเราให้เกียรติและเกรงใจมากที่สุด!” ยิ่งตอกย้ำให้วราลีกลัวขึ้นสมอง หญิงสาวปากซีดปากเซียว “แล้วแบบนี้ลีจะถูกไล่ออกไหมคะพี่เจต?” ถ้าเกิดเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปมีหวังถูกเชือดแน่ เจ้าของร้านคงไม่ปล่อยให้พนักงานกระจอกๆ อย่างเธอลอยนวล “คงไม่หรอกมั้ง ลีก็อย่าเพิ่งคิดมากเลย” มันคงจะดีไม่น้อยหากไม่มีคำว่า ‘มั้ง’ “พี่ว่าลีหน้าซีดมากเลยนะ กลับบ้านไปพักก่อนไหม” เจตรินแนะนำ เขากลัวหญิงสาวจะมาเป็นลมเป็นแล้งในร้านอาหาร “ไม่เป็นไรค่ะ ลีไหว” เธอกล่าว ก่อนกวาดตามองไปรอบๆ ร้าน “งั้นเดี๋ยวลีทำหน้าที่อยู่ด้านล่างนะคะ” “จ้ะๆ เอาที่น้องลีสบายใจนะ พี่ไม่ได้บังคับ ถ้าอยากพักผ่อนก็กลับบ้านได้เลย” เจตรินว่าอย่างเอาใจ วราลีส่งยิ้มบางเบาก่อนเดินเลี่ยงไปรับออเดอร์จากลูกค้าที่ควงคู่เข้ามาใหม่ ใบหน้าหวานยิ้มแย้มราวกับไม่เคยเกิดเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจมาก่อน “รอสักครู่นะคะ” วราลีเอ่ยเสียงสุภาพหลังทวนออเดอร์ทั้งหมดผ่านริมฝีปากอิ่ม ร่างบางนำออเดอร์ที่ได้รับจากลูกค้าส่งให้เชฟ เห็นร่างอวบของกุ๊กไก่กึ่งเดินกึ่งวิ่งลงมาจากชั้นสองก็รีบถามด้วยความอยากรู้ “เป็นยังไงบ้างพี่” “แปบนะ ขอหายใจหายคอสักครู่” กุ๊กไก่ยกมือตั้งฉากเป็นเชิงห้ามอีกฝ่ายพูด เจ้าหล่อนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด “เขาว่าอะไรไหมคะ?” เมื่อเห็นว่าคนที่ตนไหว้วานให้ทำหน้าที่แทนมีอาการคลายกังวลบ้างแล้ว วราลีจึงรีบถามสิ่งที่อยากรู้ทันที “เขาก็ดูปกติดีนะ ไม่ได้ดุด่าอะไร” “นั่นเพราะว่าพี่เข้าไปแทนลีไงคะ ขืนให้ลีเข้าไปคงโดนตำหนิรอบสองแน่” วราลีลูบแขนอย่างขนลุก นึกถึงสายตาคมเข้มที่จดจ้องก็แทบอยากสลายกลายเป็นเศษผงธุลี ผู้ชายอะไรหน้าดุชะมัด! “แต่ว่า…” คนที่กำลังจะรอดพ้นจากความผิดที่ไม่ได้ตั้งใจก่อถึงกับสะดุ้ง “แต่ว่าอะไรคะ?” ดวงตากลมโตสั่นระทึก “เขาถามพี่ว่า…” กุ๊กไก่เงียบชั่วขณะ วราลียิ่งตื่นเต้นจนเหงื่อชื้นเต็มฝ่ามือ “ว่า…?” หล่อนกลั้นหายใจเกร็งประโยคถัดไป “นักศึกษาคนเมื่อกี้ไปไหน” นั่นไง! ดูท่าเรื่องนี้จะไม่จบง่ายๆ ซะแล้ว “เห็นไหมๆ! เขาโกรธจริงๆ ด้วย ถามแบบนี้ลีต้องถูกไล่ออกแน่ๆ เลย ทำไงดีพี่กุ๊กไก่…” วราลีเขย่าแขนกุ๊กไก่พลางดิ้นเร่าเป็นเด็กน้อยถูกรังแก ริมฝีปากกลับมาซีดเซียวอีกครั้ง เพิ่งเรียนจบคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหางานตามบริษัทฯ แล้วได้ทำเลย ถ้าถูกไล่ออกตอนนี้มีหวังลำบากแน่ “อย่าเพิ่งคิดไปไกล พี่ว่าเขาคงถามไปอย่างนั้นเอง” กุ๊กไก่พยายามพูดให้หญิงสาวคลายความกังวล แม้ลึกๆ เธอจะคิดแบบเดียวกับวราลีก็ตาม “แต่ลีกลัวนี่คะ ลีกลัวว่าเขาจะ…” เสียงหวานเงียบลงกะทันหัน ดวงตากลมโตมองเลยผ่านใบหน้าของรุ่นพี่คนสนิท “ลีเป็นอะไร?” กุ๊กไก่เขย่าร่างบาง รับรู้ถึงกระแสความผิดปกติบางอย่าง เจ้าหล่อนค่อยๆ หันหลังมอง ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าดุดันกำลังยืนล้วงกระเป๋ากางเกงแน่นิ่ง มีเพียงสายตาพิฆาตทอดสู่วราลีเท่านั้น กุ๊กไก่ค่อยๆ ถอยทัพพ้นจากรัศมีอันตราย เธอขอเฝ้ามองอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ จะดีกว่า ดูทรงแล้วนักธุรกิจรูปหล่อคงมีเรื่องอยากเคลียร์กับวราลีเพียงลำพัง! “ทำผิดแล้วคิดชิ่ง?” ชายหนุ่มเอียงคอถาม วราลียืนนิ่งแทบลืมหายใจ กลิ่นโรลออนผู้ชายอยู่ใกล้จนรู้สึกวิงเวียนศีรษะ นัยน์ตาดุจราชสีห์จ้องมองร่างบางราวกับหล่อนคือกระต่ายน้อยแสนหวาน แตกต่างจากตอนแรกโดยสิ้นเชิง “ทำไมไม่เอาน้ำแร่ขึ้นไปให้ฉันด้วยตัวเอง” เขาถามนิ่งๆ สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงอันเป็นท่าเอกลักษณ์ “เอ่อ… คือ” วราลีอึกอัก ปรายตามองเจตรินและกุ๊กไก่อย่างต้องการความช่วยเหลือ นักธุรกิจหนุ่มยกยิ้มมุมปาก ระบายลมหายใจช้าๆ “เธอ…” นัยน์ตาคมหรี่มองร่างบาง ก่อนเอ่ยถามว่า “ชื่ออะไร?” ถามหาชื่อเสียงเรียงนามกันแบบนี้แปลเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากเขากำลังคิดจะรายงานความประพฤติของเธอต่อเจ้าของร้าน วราลีหมดกำลังใจ ยอมรับชะตากรรมที่อาจต้องถูกไล่ออกจากงาน “วราลีค่ะ” น้ำเสียงเศร้าสร้อย ก้มหน้าไม่กล้าสบตาผู้ชายตัวโต จนกระทั่งอีกฝ่ายสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้ ดันปลายคางมนให้เงยหน้าขึ้นสบตาท่ามกลางความตกตะลึงของเจตรินและกุ๊กไก่ รวมถึงพนักงานคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน “สวย” คำพูดสั้นๆ ได้ใจความ หัวใจดวงน้อยเต้นระทึก เนื้อตัวชาวาบ มึนงงไปหมด “วราลี” เขายิ้มมุมปาก เป็นรอยยิ้มพิฆาตใจสตรีได้ดีนักเชียว “แล้วเจอกันนะ… วราลี” พูดจบเขาก็เดินหันหลังกลับขึ้นไปยังชั้นสอง ทิ้งให้พนักงานสาวได้แต่มองตามอย่างอึ้งๆ “ลีเป็นยังไงบ้าง?” กุ๊กไก่รีบวิ่งไปหาหญิงสาว ร่างบางยังคงยืนนิ่งเป็นหุ่นยนต์ มีเพียงลมหายใจที่บ่งบอกว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ “เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรเหรอ เสียงมันเบาเกินพวกพี่ไม่ได้ยิน” “นั่นสิ เขาต่อว่าอะไรลีอีกหรือเปล่า?” เจตรินเป็นห่วง ทุกคนต่างรุมล้อมเธอราวกับเห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก วราลีวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว ไม่ว่าใครจะพูดอะไร ถ้อยคำเหล่านั้นทะลุผ่านแก้วหูไปอย่างไร้ความหมาย เธอไม่รับรู้สารใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากแววตาและรอยยิ้มมุมปากของเขา ‘สวย’ เขาชมเธอว่า ‘สวย’ งั้นหรือ?
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD