“อย่าให้มันมากนักริน มะนาวก็ลูกฉัน จะแปลกอะไรถ้าแฟนฉันจะอุ้มลูกบ้าง กลับเข้าไปข้างในแล้วนั่งรอฉันที่ห้องรับแขก เราคงต้องคุยกันยาว” คว้าแขนเปรมิกาให้เดินตามเขาขึ้นไปบนชั้นสอง ในระหว่างนั้นเขาโทรเรียกป้ามน แม่บ้านเจ้าประจำที่รับทำความสะอาดบ้านทุกๆ สองวันให้เข้ามาช่วยดูแลลูกสาวตลอดเวลาที่รมิดายังอยู่ที่นี่แน่นอนว่าเงินต้องเพิ่มให้ แต่มันไม่ใช่ประเด็นหลักเท่ากับการมองคนสวยที่ยังนั่งรอเขาอยู่บนโซฟาภายในห้องเมื่อเขาคุยธุระกับป้ามนเสร็จ
“ให้ปริมนอนตรงโซฟานี่ก็ได้นะคะ” ฉันเข้าใจว่าตัวเองรับปากว่าจะช่วยเขาก็ต้องทำตามนั้น การแยกห้องคงทำให้แผนแตกอย่างไม่ต้องสงสัย แต่การนอนบนเตียงด้วยกันในห้องที่เมียเก่าเขาไม่รู้ไม่เห็นมันก็คงไม่ถูก ไม่ฉันก็เขานั่นล่ะที่ต้องเสียสละ
“ไม่หรอก พี่จะนอนตรงนั้นเอง ตู้เสื้อผ้ามีที่ว่างเยอะแยะปริมแบ่งใช้ได้เลย ส่วนผ้าเช็ดตัวก็เหมือนกัน หาเอาเองนะเดี๋ยวพี่จะลงไปคุยเรื่องลูกก่อน รีบตามลงไปล่ะ” คงไม่ต้องบอกว่าทำไมถึงต้องตามลงไป ในเมื่อเขากับเปรมิกาตกลงกันแล้วว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในสถานะแฟนระหว่างที่รมิดายังอยู่ที่นี่ ก็หวังว่าเปรมิกาคงไม่ใจร้ายเทเขากลางทางหรอกนะ อย่างน้อยก็เห็นแก่ของที่เขาซื้อให้ในวันนี้เถอะ
“ค่ะ” ฉันมองสุดหล่อเดินออกไปแล้ว ก็เริ่มทำการเดินสำรวจในห้องโทนสีเทาขรึมของผู้ชาย เทียบกับห้องสาวโสดอย่างฉันที่เป็นสีฟ้าอ่อนแล้วให้ความรู้สึกคนละขั้วเลยนะคะ จะว่าสวยมันก็สวยนะ ช่างเถอะ ก็ไม่สำคัญกับคนอยู่ชั่วคราวอย่างฉันหรอก ก้มมองกองเสื้อผ้าในถุงมากมายก็ถอนหายใจ กลิ่นเดิมของมันยังคงอยู่ซึ่งฉันก็รู้ตัวล่ะค่ะว่าคืนนี้คงไม่พ้นต้องยืมเสื้อของพี่เขามาใส่นอนไปก่อน พรุ่งนี้อาจจะฝืนใส่เสื้อผ้าที่ไม่ได้ซักเสียหนึ่งวันหลังจากนั้น ‘ซักเอาสิคะ’ ฉันใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีในการจัดของใช้ของตัวเองก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าใบเล็ก ไม่มีสายโทรเข้า มีแค่แชทจากเพื่อนสนิทที่เป็นเจ้าบ่าวจอมปลอมของฉันเองที่ขยันส่งแต่รูปนัวเนียกับผัวฝรั่งมามากกว่าสิบรูป “เฮ้ออ ถ้าแกจะไม่เครียดขนาดนี้นะ ฉันก็จะไม่เครียดล่ะวะ เสียสุขภาพจิต” ทิ้งโทรศัพท์เอาไว้ข้างที่นอนก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อลงไปด้านล่าง บ้านของพี่เหนือไม่มีอะไรซับซ้อน ชั้นบนมีหนึ่งห้องนอน ชั้นล่างมีหนึ่งห้องนอนกับห้องหนังสือของเขาและก็มีห้องครัว ห้องรับแขกทั่วไป ผู้ชายคนเดียวอยู่คนเดียวมันก็สบายดีนะคะ ต่างกับบ้านฉันที่มีห้องนอนแขกถึงสามห้องก็แน่ล่ะค่ะ เพื่อนฉันมาเที่ยวหาบ่อยๆ จะมีห้องแค่สองห้องมันไม่พอหรอก
“ไม่นะคะเหนือ รินรู้ว่าคุณลืมรินไม่ได้หรอก”
เสียงดังมาจากห้องรับแขก ไม่ได้ทำให้ฉันหยุดเท้าที่จะเดินเข้าไปดู ถามว่าฉันรู้สึกอะไรไหมกับน้ำเสียงอ้อนวอนนั้น ‘หึหึ’ จะรู้สึกอะไรล่ะคะ ฉันไม่ได้ชอบพี่เหนือสักหน่อยนะ ‘อ่า...เมียเก่าพี่เหนือกอดแขนพี่เขาแน่นเลยล่ะ’ ฉันหยุดตรงบันไดขั้นที่สองแล้วยิ้ม แน่นอนว่าคู่รักเก่าข้างล่างนั่นยังไม่เห็นฉัน เรามาแอบดูกันนะคะว่าพี่เหนือจะทำยังไง กอดคุณรมิดากลับหรือ...ว่า?
“อย่ามาพูดอะไรน่าทุเรศ” เหนือตะวันจับไหล่ทั้งสองข้างของคนที่กอดเขาแล้วกระชากออก ‘เหม็นน้ำหอมสุดๆ’ เขายู่จมูกพร้อมกับถอยห่างไปมากกว่าห้าก้าว “ฉันไม่เคยจำผู้หญิงที่ขโมยเงินฉันแล้วหนีไปกับชู้หรอกนะ ได้ข่าวว่ายังอยู่ด้วยกันนี่” ชี้หน้ารมิดา “อย่าเข้ามาใกล้ฉันอีก ส่วนเรื่องลูก ฉันมีข้อเสนอให้เธอ ฉันรู้ว่าเธอเลี้ยงมะนาวไม่ไหวแน่ ทางที่ดีเอาลูกมาให้ฉันเลี้ยงแล้วเธอก็กลับไปอยู่กับผัวของเธอพร้อมเงินอีกสิบล้าน ทุกอย่างจบง่ายๆ แค่เธอตอบตกลง” มันไม่มีอะไรซับซ้อนเลยถ้ารมิดาไม่บ่ายเบี่ยง
“รินไม่ยอม เงินสิบล้านกับลูกที่รินรัก ถึงจะเลี้ยงแกไม่ไหวรินก็ไม่ยกให้แน่ ยิ่งคุณมีแฟนใจร้ายอย่างแม่นั่นรินยิ่งไม่ยอม”
‘อ่าฮ่า’ ฉันอยากจะแหม ไปโลกหน้าจังค่ะ ใครใจร้ายกันคะ ได้ข่าวว่าฉันยังไม่ได้ทำอะไรมะนาวเลยนะ มีแต่ฉันนี่ล่ะที่ถูกเล็บของคุณรมิดาเขาข่วนเอาน่ะ ‘ติดเชื้อบ้ามารึเปล่าก็ไม่รู้’ ภาพพี่เหนือผลักเมียเก่ามันทำให้ฉันตัดสินใจเดินลงไปหาคนทั้งคู่พร้อมกับยิ้มสวย ฉันไม่สนใจคนที่ยืนสั่นและใส่ร้ายฉันเมื่อกี้หรอกนะคะ “พี่เหนือ” พร้อมกับกอดเอว ซึ่งพี่เขาก็รู้งานดีนะคะ โอบฉันทันทีเลย ^^ บทแบบนี้ฉันชอบจังค่ะทุกคน
“ว่าไง” ยิ้ม
“มะนาวทานข้าวมันไก่ของเรารึยังคะ” เงยหน้าถามคนหล่อ พร้อมกับเดินตามการโอบของเขาไปนั่งตรงโซฟา
“ป้ามนกำลังป้อน ตอนนี้พี่ให้ป้าเขาคอยดูแลมะนาวในช่วงที่เราไม่อยู่บ้าน” เขาไม่นับรมิดาที่ไม่ค่อยใส่ใจลูกสักเท่าไหร่ “ถามหามะนาว เป็นห่วงเหรอครับ”
“ใช่สิคะ ลูกของพี่เหนือปริมก็ต้องห่วงต้องรักอยู่แล้ว ไว้วันหน้าถ้าเรามีลูกด้วยกันปริมจะสอนลูกให้รักพี่สาวของเขามากๆ ดีมั้ยคะ” อันนี้คือมโนล้วนๆ ค่ะ ฉันรู้สึกได้ว่าพี่เหนือแอบหัวเราะนะคะ ก็แน่ล่ะฉันกับเขาจะไปมีลูกด้วยกันได้ยังไง ^^ การแสดงระดับนี้ฉันควรได้รางวัลออสก้านะ แม้มันจะดูเปลืองตัวไปนิดแต่มาคิดอีกทีเราก็วินวินค่ะ...ฉันได้กอดคนหล่อ พี่เหนือก็ได้กอดคนสวย หายกันเนาะ
“ดีครับ” ^^
รมิดาผู้รู้สึกตัวว่ากำลังเป็นส่วนเกินกรีดร้อง “อ๊าย!!” พร้อมกับกระทืบเท้าเร่าๆ แล้วเดินหนีออกจากห้องรับแขกไปข้างนอก
เหนือตะวันหัวเราะในลำคอ “หึหึหึ” ‘เขาชอบจริงๆ’
ฉันอมยิ้มและ “ปล่อยสิคะ” พี่เขาก้มมองฉัน...ในระยะประชิด ตึ่กๆๆ ‘เอ่อ’ หัวใจใครเต้นคะ? ที่รู้ๆ คือหนึ่งในนั้นมีของฉันด้วยล่ะ เอ่อ...ตาของเขาสีดำสนิท หน้าพี่เขาใสมาก ที่เห็นชัดเพราะเขาเริ่มก้มต่ำ ต่ำลงมาเรื่อยๆ กลิ่นตัวของเขาให้ความรู้สึกเหมือนฉันกำลังอยู่ในดงมิ้นท์อันเย็นจัด ริมฝีปากพี่เขาดูบางเฉียบและสีแดงอ่อน ถ้าพี่เขาจูบฉัน มันจะนุ่มมั้ยนะ...ตาเขามองฉัน ใกล้จัง ใกล้จนเห็นขน...ตา
“พ่อคะ”
เสียงมะนาวเรียกสติให้เหนือตะวันต้องเงยหน้าขึ้นในทันที ตึ่กๆๆๆ ใจหนุ่มขาดรักมานานเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ก่อนจะรู้สึกตัวก็ตอนที่เปรมิกาแกะมือเขาออกจากเอวแล้วขยับตัวนุ่มๆ นั้นออกห่าง เห็นได้ชัดว่าใบหูของคนสวยแดงก่ำ คงไม่ต่างจากเขาที่กำลังเกาหัวแก้เก้อ “ว่าไงครับมะนาว” อ้าแขนรับลูกสาวตัวน้อยที่วิ่งเข้ามาขัดจังหวะ จูบ ได้พอดี ไม่รู้ทำไมเขาถึงลืมตัวได้ขนาดนั้น ลืมแม้กระทั่งว่าเปรมิกา ไม่โสด
“ข้าวมันไก่อร่อยมากค่ะ มะนาวทานจนหมดชามเลย”
“เก่งมากครับคนสวย แต่มะนาวต้องขอบคุณน้าปริมด้วยนะ เพราะน้าปริมเป็นคนบอกพ่อให้ซื้อมาฝากมะนาว” นั่นเป็นความจริงและเขายังแอบมองเจ้าของชื่อ ที่ทำท่ากระอักกระอ่วนใส่เขา ‘การเม้มปากแบบนั้นมันคืออะไรครับ’ เขาอยากจะบ้ากับความคิดของตัวเองที่มีต่อเจ้าสาวของคนอื่น
“ขอบคุณน้าปริมคนสวยนะคะ” มะนาวยิ้มหวานแต่ยังคงนั่งอยู่บนตักของพ่อตัวเอง พร้อมกับกอดคอเอาไว้เหมือนหวง
ฉันรู้สึกว่าตัวเองมองพี่เหนือได้ไม่เต็มตาสักเท่าไหร่ จึงทำแค่เพียงมองหน้าลูกสาวของพี่เขาแทน “ไม่เป็นไรค่ะ” ‘ความเขินนี่มันอะไรนะ? ใครรู้ช่วยบอกหน่อยค่ะ’ ฉันขยับห่างจากสองพ่อลูกและหยิบรีโมทมาเปิดทีวีดูรายการอะไรไปเรื่อยเปื่อย นานกว่าครึ่งชั่วโมง ป้ามนผู้เป็นแม่บ้านก็เดินเข้ามาหาในห้องรับแขก หูฉันฟังเขาคุย แต่ตาฉันน่ะ ดูทีวีไม่รู้เรื่อง ^^
“ป้าจะกลับไปนอนที่บ้านพักนะคะคุณเหนือ ไว้พรุ่งนี้ตอนเช้าสักเจ็ดโมงป้าจะเข้ามาใหม่ค่ะ” เพราะสามีของเธอรึก็คือผู้จัดการของไร่นี้อยู่ที่บ้านพักคนงานทั่วไปด้านข้าง เดิมทีเธอเองก็มีบ้านอยู่ในละแวกนี้แต่เพราะหน้าที่ของสามี บางครั้งต้องเก็บเกี่ยวผลไม้จนดึก สองคนผัวเมียจึงพากันมาขออาศัยอยู่ที่นี่ ซึ่งมันง่ายต่อการเดินทางและได้พักผ่อน ค่ากินค่าอยู่ไม่ต้องจ่าย ห้องพักมากกว่ายี่สิบห้องนั้นก็เต็มทั้งหมด งานดี เงินดี ลูกน้องทุกคนจึงจงรักภักดีไม่ต่างกับเธอ
“ครับ งั้นป้ากลับตอนนี้ได้เลยครับ ไว้เจอกันตอนเช้า”
“ค่ะ” ป้ามนเดินออกจากบ้านไป
ฉันผู้ซึ่งมีความอายหลงเหลืออยู่ก็ไม่ลืมที่จะถามลูกสาวของเจ้าของบ้านแก้เขิน “คืนนี้น้องมะนาวอยากมานอนกับคุณพ่อมั้ยคะ” อย่างน้อยถ้าลูกสาวเขาตกลง ฉันก็จะมีคู่นอนด้วยไง
เหนือตะวันมองสาวสวยที่ไม่ยอมสบตาเขา ‘หึ’ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นอาการหนักพอๆ กัน...แน่ล่ะ ถึงเปรมิกาจะแต่งงานแล้วแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะกล้าไปซะทุกเรื่อง อย่างเช่น ‘คนที่เพิ่งเกือบจะจูบกัน ต้องมานอนร่วมห้องกันโดยไม่คิดอะไร’ และเขาก็จะให้โอกาสอีกฝ่ายพอๆ กับให้โอกาสตัวเอง “มานอนกับพ่อกับน้าปริม เรานอนด้วยกันสามคน” ท้ายคำนั้น มองสาวสวยตาไม่กะพริบ...เห็นเปรมิกาหน้าแดงอีกรอบ เขาก็ใจเต้นอีกรอบ ‘เป็นแบบนี้ ถ้าไม่เรียกว่าแย่ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว’
“มะนาวนึกว่าจะมีแม่มานอนด้วย รวมเป็นสี่คน” คำถามตามประสาเด็กเรียกเสียงหัวเราะให้คนที่กำลังเดินเข้ามา