สองเท้าเปลือยเปล่าค่อยๆ ก้าวไปหาฝูงวันนับห้าสิบตัวที่ยืนกินหญ้ากันอยู่ คอระหงชะเง้อมองไปยังกระท่อมที่อยู่ใกล้ๆ กัน ไม่ผิดแน่มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ แต่เรื่องที่เธอควรคิดไม่ตกตอนนี้คือการเดินผ่านฝูงวัวที่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองเธอทีละตัว
“มองอะไร” พระพายเอ่ยถามวัวตัวหนึ่งที่มองเธอจริงจัง ราวกับเธอทำอะไรผิด
มอ~~
“ฟังไม่ออกย่ะ ขอทางหน่อย”
มอ~~
“พูดไม่รู้เรื่องเหรอ อย่าให้แม่ต้องใช้กำลัง คนยิ่งหงุดหงิดอยู่ ไปกินหญ้าตรงนู้นไป” พระพายทะเลาะกับวัวยกใหญ่ แต่พวกมันก็เอาแต่ยืนมองเธอนิ่งไม่ขยับ
“ฟู่ว~” เธอเหนื่อยใจจนต้องพ่นลมหายใจออกมาด้วยความหมดแรง เดินมาก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว ทำไมผู้หญิงสวยๆ อย่างเธอต้องมายืนทะเลาะกับวัวอีกด้วย
*****
“สมสู่เป็นอะไรลูก” เสียงตะโกนดังขึ้นหน้ากระท่อม พระพายชะเง้อคอมองก็ไม่พบใคร
“หายไปไหนแล้วละ”
“ไปกินหญ้าตรงนู้นไปพวกเอ็งนะ” แค่เสียงเข้มพูดขึ้น ฝูงวัวก็เดินออกไปทันที ที่เธอออกแรงเถียงอยู่นานหลายนาทีเมื่อกี้ก็ไม่มีความหมายเลยสินะ
“คุณ…คุณเดี๋ยวก่อน” ทันทีที่ฝูงวัวเดินออกไป พระพายสาวเท้าเปล่าเดินตามพ่อหนุ่มเลี้ยงวัวไปยังกระท่อม
“ขอถามทางหน่อยสิ พอดีฉันจะไปบ้านพ่อเลี้ยงคราม ต้องไปทางไหนเหรอคะ”
“เดินเข้ามาในไร่คนอื่นดุ่มๆ ถือว่าบุกรุกนะครับ” เพียงแค่เห็นร่างระหงในชุดเดรสตัวสวยมาแต่ไกล ไม่มีทางที่คนอย่างเขาจะจำเธอไม่ได้ แต่ที่เอ่ยถามไปแบบนั้นก็เพียงจะกวนอีกฝ่ายก็เท่านั้น
“ฉัน…” พระพายพยายามระงับอารมณ์โกรธเอาไว้ เธอเพียงแค่อยากจะถามทางเขาเท่านั้น
ทำไมดูคุ้นๆจัง…คงไม่ใช่ไอ้คนเลี้ยงวัวกับฝูงวัวบ้าเมื่อวันก่อนที่ทำเธอเปื้อนโคลนไปทั้งตัวนั่นหรอกนะ
ดวงตาคู่สวยจ้องมองแผ่นหลังที่แสนคุ้นตา ด้วยความช่างสงสัยเธอจึงบอกให้เขาหันมาคุยกับเธอดีๆ เพราะครั้งก่อนเธอก็เห็นหน้าเขาไม่ชัด บางทีอาจจะไม่ใช่คนเดียวกันก็ได้
“นี่นาย…ช่วยหันหน้ามาคุยกับฉันหน่อยได้มั้ย”
“ทำไมฉันต้องทำ”
“ช่วยมีมารยาทหน่อย ฉันคุยกับนายอยู่นะ”
“ฉันก็ไม่เห็นว่าเธอจะมีมารยาทกับฉันตรงไหน”
พระพายชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง สายตาสอดส่องมองไปรอบๆ ผู้ชายตรงหน้าคือทางออกเดียวของเธอในตอนนี้ ถึงแม้เธอจะไม่สบอารมณ์เท่าไรที่อีกฝ่ายยียวนกวนประสาทใส่ก็ตาม
“โอเค…ฉันขอโทษแล้วกัน แดดมันร้อนคนก็ต้องหัวร้อนเป็นธรรมดาแหละเนอะ นายว่ามั้ย” ริมฝีปากสวยฉีกยิ้มเต็มที่ หวังว่าอีกฝ่ายจะพอใจแล้วยอมคุยกับเธอดีๆ เธอจะได้ไปให้พ้นจากตรงนี้สักที
แต่เพียงแค่ชายหนุ่มหันหน้ามา ใบหน้าสวยของพระพายก็ต้องหุบยิ้มลงทันที เมื่อเขาคือพ่อหม้ายลูกติดที่เคยตามจีบเธอเมื่อหลายเดือนก่อน
“นาย…คือคนนั้น” สองตาจ้องมองคนตรงหน้าหัวจรดเท้า เสื้อผ้าหน้าผมช่างต่างจากที่เจอเธอเมื่อหลายเดือนก่อน ถึงแม้ใบหน้าหล่อๆ นั่นจะช่วยดึงให้เขาดูดีอยู่ก็ตาม
“หมายถึงใคร”
“นายคือพ่อของเด็กกะโปโลที่ชื่อน้องแบร์ ที่ไข่หวานเคยเป็นพี่เลี้ยง” ถึงกระนั้นพระพายยังจำผู้ชายตรงหน้ากับลูกชายตัวน้อยของเขาได้ดี อาจเป็นเพราะเด็กคนนั้นช่างพูดช่างจาจนเธอลืมไม่ลงเลยก็ว่าได้
“ความจำดีหนิ”
“นายมาทำอะไรที่นี่ไม่ทราบ”
“ไม่เห็นรึไงว่าฉันกำลังเลี้ยงวัวทั้งฝูงอยู่” ใบหน้าที่ดูกวนประสาทนั่นกำลังยกยิ้มให้เธอ
หลังกลับจากกรุงเทพครั้งนั้นอาชาไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะได้วนมาเจอกับหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง ยอมรับเลยว่าการเจอกันเมื่อหลายเดือนก่อน
เธอนั้นถูกตาต้องใจเขามากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ด้วยหน้าที่การงานและหลายๆ อย่างเมื่อจีบเธอไม่ติดจึงทำให้เขาเลือกที่จะตัดใจจากเธอตั้งแต่วันนั้น
“นายเป็นคนเลี้ยงวัวจริงเหรอ แล้วทำไมถึงมีเงินจ้างพี่เลี้ยงให้เด็กกะโปโลนั่น” ด้วยความสงสัยพระพายจึงจ้องใบหน้าหล่อเพื่อเค้นเอาคำตอบ
“เลิกเรียกลูกฉันแบบนั้นสักที รู้มั้ยว่ามันเสียมารยาท” ว่าจบอาชาหันหลังเดินไปยังอาหารเที่ยงที่เขาเตรียมมาด้วย
พระพายเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น เธอดูเสียมารยาทจริงๆ ที่ไปเรียกลูกชายเขาแบบนั้น เมื่อนึกถึงเรื่องที่ต้องการสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
“ฉันขอโทษแล้วกัน ถ้าคุณจะเมตตาช่วยบอกทางฉันอีกรอบได้มั้ย”
“คราวนี้จะไปไหนอีกล่ะ”
“บ้านพ่อเลี้ยงคราม นายรู้จักมั้ย”
“ไม่รู้”
“ไม่รู้ได้ยังไง ธาราบอกฉันว่าที่ตรงนี้มันเป็นที่ของเขาทั้งหมด ก็แสดงว่านายก็ต้องเป็นคนเลี้ยงวัวของพ่อเลี้ยง”
“แล้วยังไง”
“ช่วยบอกทางฉันหน่อยไม่ได้เหรอ ดูสิฉันเดินมาตั้งไกล ชุดก็เปื้อนอีกแล้ว ถือว่าช่วยคนสวยๆ เถอะนะ” มารยาหญิงที่มีดึงออกมาใช้หน่อยก็แล้วกัน เธอใช้ได้ผลมานักต่อนักแค่คนตรงหน้าไม่มีพลาดแน่นอน
“บอกเธอแล้วฉันจะได้อะไร”
“แล้วนายจะเอาอะไรล่ะ บอกมาสิ…เงินเหรอ”
“เอาเธอ”
พระพายอ้าปากค้างคำพูดสองแง่สองง่ามที่อีกฝ่ายพยายามสื่อออกมา มีหรือคนประสบการณ์เยอะอย่างเธอจะไม่เข้าใจ แต่เลือกที่จะเงียบนิ่งเอาไว้
ใบหน้าหล่อขยับเข้าใกล้จนปลายจมูกสัมผัสชนกัน ลมหายใจอุ่นเป่ารดซึ่งกันและกัน ริมฝีปากค่อยๆ ขยับเข้าใกล้กันอีกนิด แต่ทว่าตอนนั้นเอง