เสียงบานประตูไม้แกะสลักถูกผลักออกอย่างแรง เผยให้เห็นบุรุษหนุ่มผู้สวมชุดผ้าไหมสีน้ำเงินเข้ม ก้าวเข้ามาอย่างเร่งร้อน น้ำเสียงดังกังวาน
“ป๋ามู่! นางคณิกาที่ตกลงกันไว้เล่า? รีบพาไปปรนนิบัติคุณชายหลิวเซียนที่ห้องรับรองเดี๋ยวนี้”
ป๋ามู่แย้มยิ้มเจ้าเล่ห์พลางปรายตามองหนิงซินที่งามหยดย้อยราวเทพธิดาในวรรณคดี จากนั้นพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนเอื้อนเอ่ยเสียงเนิบ
“ชะตาของเจ้ามาถึงแล้ว...คืนนี้หากทำให้คุณชายผู้นั้นประทับใจได้ โอกาสที่จะได้เป็นอนุของคุณชายมีไม่น้อย”
หนิงซินที่ปิดหน้าไว้เหลือเพียงดวงตา ถึงกระนั้นก็ไม่อาจปิดบังความงามของนางได้แม้เพียงนิด หนิงซินหัวใจเต้นรัว นี่คือโอกาสเดียว ที่จะทำให้แผนสำเร็จ...นางพร้อมทุ่มทั้งตัวและหัวใจเพื่อพระรองที่เธอรัก
หนิงซินเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนหัวเราะแผ่วแสร้งกล่าวถามขึ้นอย่างอดไม่ได้
“ท่านพูดราวกับมีเรื่องราวมากกว่าเพียงการปรนนิบัติ...ใช่หรือไม่?”
ป๋ามู่หัวเราะเบา ๆ พลางใช้พัดในมือตีฝ่ามือของตนเองดัง แปะ แล้วเอียงศีรษะมองด้วยสายตาแฝงเลศนัย“คุณชายหลิวเซียนผู้นั้น มิใช่ชายหนุ่มทั่วไปที่เหยียบย่างเข้าสู่หอนางโลมเพียงเพื่อความเพลิดเพลิน หากคืนนี้เจ้าสามารถ ‘ครอบครองหัวใจ’ เขาได้ ต่อให้เป็นนกน้อยก็สามารถโผบินสู่ท้องฟ้า ไม่ต้องคอยชะเง้อคออยู่ในกรงทองอีกต่อไป”
หนิงซินกำมือแน่นภายใต้แขนเสื้อยาว นั่นสินะ…นี่คือบทเริ่มต้น แม้ใจลึก ๆ จะรู้ว่าทุกถ้อยคำของป๋ามู่คือกลเม็ดการค้า แต่สำหรับเธอที่มาจากอีกโลกหนึ่ง กลับมองว่านี่คือโอกาสที่จะฉีกเส้นเรื่องทิ้งไปจากเดิมทั้งหมด
“เช่นนั้น…ข้าจะไม่พลาดค่ำคืนนี้”เธอกล่าวเสียงหนักแน่น ดวงตาใต้ผ้าคลุมสะท้อนความมุ่งมั่นราวกับเปลวไฟที่พร้อมจะเผาไหม้โชคชะตา
ทันทีที่บานประตูไม้แกะลายงดงามถูกผลักออก กลิ่นสุราแรงกรุ่นลอยปะทะจมูกผสมกลิ่นกำยานอ่อน ๆ ภายในห้องประดับด้วยโคมแดง สว่างพร่างพรายราวดาวพรั่งพรูในยามราตรี
“ปรนนิบัติคุณชายให้ถึงเช้า หากไร้คำสั่งห้ามออกไปแม้แต่เพียงก้าวเดียว”เสียงป๋ามู่เอื้อนเอ่ยสั้น ๆ ก่อนสะบัดพัดปิดประตู ปัง!
หนิงซินสูดลมหายใจเข้าอกลึก หัวใจเต้นแรงราวจะทะลุซี่โครง
นี่สินะ พระรอง…ชายผู้ที่ข้าปรารถนาจะปกป้อง!
บนเก้าอี้ไม้กุหลาบแกะสลักกลางห้อง ร่างสูงสง่างามเอนพิงอยู่ ดวงตาคมหลับพริ้มแต่ขนตายาวทอดเงาทาบแก้ม ผิวพรรณขาวผ่องตัดกับชุดขุนนางสีน้ำเงินเข้มที่ยังไม่ถอดออกจนดูน่าเวทนา
เขา…คือ หลิวเซียน ขุนนางหนุ่มผู้เป็นที่เลื่องลือในใต้หล้าทั้งความสามารถและความสุภาพอ่อนโยน
ทว่า…ในยามนี้ เขากลับนั่งอยู่ท่ามกลางสุราที่รินค้างไว้ครึ่งจอก ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางเหมือนคนเมาครึ่งฝัน
หนิงซินก้าวเข้าไปช้า ๆ มือสั่นน้อย ๆ จนต้องบีบชายกระโปรงไว้แน่น
‘ฉันไม่ใช่หลินอวี้เฟยผู้อ่อนหวาน แต่ฉันคือหนิงซินหญิงสาวจากยุคใหม่ที่จับพลัดจับผลูเข้ามาในโลกนี้…หากทำอะไรผิดพลาดไป คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้ว แล้วเขาคนนี้ก็อาจจะต้องตายตามบท ไม่..ฉันไม่ยอม’
เธอคุกเข่าลงเบื้องหน้า มองใบหน้านั้นใกล้ ๆ และหัวใจพลันสั่นสะท้านราวกับทุกสิ่งรอบตัวหยุดเคลื่อนไหว
“คุณชายหลิวเซียน…”เสียงเธอแผ่วราวสายลม นี่คือการพบกันครั้งแรกที่เธอเฝ้าฝันถึงในโลกความจริง
“คุณชาย…ตื่นเถิดเจ้าค่ะ”เสียงของหนิงซินแผ่วราวสายลมฤดูใบไม้ผลิ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าต้องเปิดเผยใจตนเอง จะไม่ยอมเดินตามรอยเดิมของหลินอวี้เฟยผู้ทำร้ายบุรุษตรงหน้าอีกต่อไป
ทว่า
“หยุดอยู่ตรงนั้น!”เสียงทุ้มเย็นดุจน้ำแข็งตัดผ่านบรรยากาศอันน่าอภิรมย์ ราวคมดาบวาววับที่ฟาดลงกลางห้อง
หนิงซินชะงักงัน ดวงตากลมเบิกกว้าง
“ท่าน…ไม่ได้เมาหรือ?”
หลิวเซียนหรี่ตาลง ลมหายใจแม้เจือกลิ่นสุรา แต่แววตากลับกระจ่างแจ้งประหนึ่งสายน้ำในหุบเขา เขาไม่มีกลิ่นของความเมามายอย่างไร้สติ แม้แต่น้อย มือแกร่งกำจอกสุราแน่น สายตาคมกริบตวัดมองสตรีปริศนาที่บังอาจล่วงเข้ามา
“ข้าให้โอกาสเจ้าหนีออกไป ก่อนที่ยาจะออกฤทธิ์ แต่หากเจ้าคิดมาล่อลวง หรือมีแผนการใด จงถอยไปเสียก่อนที่ข้าจะหมดความอดทน”
หัวใจหนิงซินพลันสั่นสะท้าน
นี่มันต่างจากในนิยายโดยสิ้นเชิง! ในนิยายเขาไม่ได้รู้ทันกลลวงด้วยซ้ำ
“ข้าเอง…”เสียงนางแผ่วเบาเนื่องจากเกรงว่าบุคคลที่เฝ้าอยู่หน้าประตูห้องจะได้ยินเข้า
หนิงซินเอื้อมมือปลดผ้าที่ปิดบังใบหน้าออก เผยโฉมงดงามอันเลื่องลือของคุณหนูหลินอวี้เฟยในทันใด
แววตาคมปราบของหลิวเซียนพลันเบิกกว้าง
“อวี้เฟย…” น้ำเสียงสะท้านเล็กน้อยราวสายลมต้องผิวน้ำ “เหตุใดเจ้าถึงปรากฏกายที่นี้ได้?”
หนิงซินยกคางขึ้นเล็กน้อย
“ข้ามาช่วยท่าน”
คำตอบของนางกลับทำให้บุรุษตรงหน้าแค่นหัวเราะเย็น เสียงหัวเราะปนเจ็บปวดราวกับสายน้ำแข็งกระแทกหินผา หนิงซินเองก็รู้ดีว่าเขาเจ็บปวดแค่ไหนกับความรักที่มีให้นางเอกคนนี้ ตอบจบยังต้องตายเพื่อนาง“ช่วยข้า ฮึ…เจ้าเคยชังข้าราวกับข้าเป็นสิ่งสกปรกไร้ค่า เคยเหยียดหยามจนมิปรารถนาแม้กระทั่งได้ยินชื่อข้า แล้วเหตุใดวันนี้จึงเปลี่ยนคำ เอ่ยปากจะช่วย?”
หนิงซินสบตาเขาแน่วแน่ หัวใจเต้นรัว แต่คำที่เอื้อนเอ่ยกลับตรงไปตรงมา“เพราะข้ารู้แล้ว…หัวใจของข้ามิได้พึงใจท่านอ๋องผู้นั้น ข้า…ปรารถนาที่จะแต่งกับท่านต่างหาก”
“เจ้าออกไปเสียเถิด!”สุ้มเสียงของหลิวเซียนหนักแน่นแต่แฝงความอ่อนไหว แววตาเต็มไปด้วยความห่วงกังวล
“เจ้ารู้บ้างหรือไม่ว่ากำลังก่อสิ่งใด หากมีผู้ใดล่วงรู้เข้า งานวิวาห์ที่เจ้าตั้งตารอจะพังทลายไม่เป็นท่า ชื่อเสียงของเจ้าจะป่นปี้ไปตลอดกาล… อีกทั้ง ข้าตอนนี้…เผลอดื่มยาปลุกกำหนัดที่ผสมในเหล้าเข้าไป เจ้าจะมิปลอดภัยหากยังดื้อรั้นอยู่ใกล้ข้า!”
หนิงซินยกยิ้มบาง มุมปากโค้งเย้ยท้าทาย
“ท่านมิได้เชื่อใจข้าสินะ… เช่นนั้นก็ได้!”
นางคว้ากาเหล้าขึ้น รินลงสู่ริมฝีปากตนในคราวเดียว ครอกเดียวหมดสิ้น!“นี่ เจ้า…ทำอะไรลงไป!”เสียงของบุรุษแทบสะท้าน หนิงซินเช็ดมุมปาก แววตาเด็ดเดี่ยว
“ข้าทำให้ท่านเชื่อ ว่าข้าเลือกท่านด้วยใจ หาใช่ถูกบังคับไม่”
ทันใดนั้น นางเอื้อมมือแกะสลักปมแพร ร่างกายทิ้งชุดงามเลิศลงราวกลีบดอกไม้ร่วง ลมหายใจอุ่นพวยพุ่งออกจากเรียวปากนาง พร้อมถ้อยวาจาอันเยือกเย็นแฝงความเร่าร้อนในคราเดียว“เช่นนั้น…เรามาเดินตามแผนการของคนชั่วให้เป็นจริงเสียเถิดเจ้าค่ะ”
ดวงตาของหลิวเซียนเบิกกว้าง ใจสั่นระรัวราวกลองศึก
“อวี้เฟย…เจ้า…เจ้าบ้าไปแล้ว!”