ตอนที่ 6

1132 Words
“ใช่… ข้าบ้า บ้ามาก!”เสียงของหนิงซินสั่นพร่าแผ่วเบา ใช่ นางไม่เคยใจกล้าบ้าบิ่นเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต นางโอบแขนเรียวยกขึ้นเกี่ยวลำคอของบุรุษร่างสูงแน่น ร่างน้อยแนบชิดสนิท กลิ่นกายบุรุษอวล จนหัวใจของหญิงสาวแห่งโลกอนาคตสั่นไหว หลิวเซียนเม้มริมฝีปากจนแน่น ดวงตาคมเข้มดุจเปลวไฟส่องมองหญิงสาวตรงหน้า ความอดกลั้นที่พยายามกักเก็บไว้สั่นสะเทือนกำลังจะพังทลาย “อวี้เฟย…หากเจ้ายังไม่ปล่อย ข้า…ข้าคงไม่อาจทนต่อไปได้อีกแล้ว” หนิงซินแย้มยิ้มยวนยั่ว ลมหายใจอุ่นรินรดแก้มบุรุษ “เช่นนั้น…อย่าอดกลั้นเลยเจ้าค่ะ” ถ้อยคำเพียงประโยคนั้นเหมือนน้ำมันที่สาดลงบนเปลวเพลิง หลิวเซียนตวัดแขนโอบรัดร่างบางไว้แนบอก ดวงตาสองคู่สบกันราวโลกทั้งปวงดับหาย เหลือเพียงแรงปรารถนาที่ลุกโชนไม่สิ้นสุด… “สำหรับข้า… ต่อให้ไม่มีสุราที่ผสมยาปลุกกำหนัดใด ๆ ความปรารถนาที่ข้ามีต่อเจ้า… มันมาจากใจจริง มิใช่เพียงไฟราคะ” หลิวเซียนเอ่ยจบ เพียงชั่ววูบสายตาคมกริบก็แปรเปลี่ยนเป็นดุดันราวพยัคฆ์ที่ปลดพันธนาการตนเอง เขาก้าวพรวดเข้ามา ตวัดอ้อมแขนกำยำโอบร่างบางที่เกือบเปลือยเปล่าไว้แนบอก ก่อนยกขึ้นราวกับร่างนี้เบาไร้ซึ่งน้ำหนัก “อ๊ะ..หลิวเซียน....” หนิงซินเผลอร้องเรียกชื่อเขาออกมาเบา ๆ อย่างมิทันได้ตั้งตัว ประสบการณ์บนเตียงทั้งในโลกอนาคตและโลกนี้สำหรับเธอนั้นยังไร้เดียงสานัก หัวใจสาวเต้นกระหน่ำในอกแรงขึ้น ร่างกายสั่นสะท้านเมื่อสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากอกกว้างของบุรุษเป็นครั้งแรก เพียงชั่วลมหายใจเดียว นางก็ถูกพาไปนอนทอดกายลงบนเตียงไม้แกะสลักที่ปูด้วยผ้าไหมชั้นดี แสงตะเกียงส่องกระทบเรือนร่างสองคนซ้อนทับกันเป็นเงาเดียว “อวี้เฟย…” เสียงทุ้มต่ำพร่าเอ่ยชื่อเธอออกมา “ถ้าครั้งนี้ข้าปล่อยเจ้าไปอีก ก็อย่ามาเรียกข้าว่าบุรุษอีกเลย” มือหนาเลื่อนประคองใบหน้างามขึ้นอย่างอ่อนโยน แววตาคมกล้าฉายชัดถึงความปรารถนาล้นเอ่อที่เก็บซ่อนมานาน ก่อนริมฝีปากอุ่นจะโน้มลงมาใกล้มากขึ้น มือหนาไล้ปลายเส้นผมเธอเบา ๆ ก่อนกดจุมพิตที่หน้าผาก จากนั้นเลื่อนต่ำลงมาสัมผัสเรียวแก้มและริมฝีปากอ่อนนุ่มอย่างอ่อนโยน แต่แฝงไว้ด้วยความร้อนแรงที่ค่อย ๆ แผ่ขยายดุจไฟที่คุโชนจากเปลวเล็กจนกลายเป็นเพลิงใหญ่ หนิงซินเบิกตาเล็กน้อย หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุอก สองแขนเรียวสั่นระริกกลับโอบรอบต้นคอเขาอย่างมิอาจห้ามตนเอง เสื้อผ้าผืนบางค่อย ๆ หลุดร่วงดั่งกลีบดอกเหมยที่โปรยปลิวลงกลางลมหนาว เผยผิวกายขาวผ่องยิ่งกว่าหิมะยามเหมันต์ ดวงตาของบุรุษวาววับราวหมาป่าที่จ้องเหยื่ออย่างหวงแหน เสียงลมหายใจแผ่วถี่ประสานกัน ความร้อนแรงของเลือดในกายปะทุขึ้นภายใต้ม่านผ้าไหม เสียงลมคร่ำครวญยามราตรีปะปนเข้ากับเสียงหวีดหวิวจากริมฝีปากหญิงสาวที่แทบมิอาจกลั้นไว้ได้ ห้องในหอนางโลมแห่งนี้ราวกับกลายเป็นเรือนหอของบุพเพสันนิวาส สวรรค์และพิภพพลันหยุดเคลื่อนไหว มีเพียงเสียงลมหายใจถี่รัวประสานเป็นจังหวะเดียวกัน ร่างสองร่างพันผูกแน่นหนาดั่งเถาวัลย์โอบกอดไม้ใหญ่ ไม่อาจรู้ว่าใครคือผู้ให้หรือผู้รับ เสียงเตียงไม้สั่นสะเทือนเป็นจังหวะ สอดประสานกับกลิ่นกำยานที่ลอยอบอวลไปทั่วห้อง ราวกับพยานรับรู้ถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งในยามราตรี ใต้ม่านไหมสีชาด ริมฝีปากทาบประสาน คำเอื้อนเอ่ยพร่ำราวกับคำสัตย์สาบานในใจ ความเร่าร้อนโหมกระหน่ำครั้งแล้วครั้งเล่า จนเวลามิอาจนับได้ว่านานเพียงใด ยังไม่ทันพ้นยามอรุณ ข่าวลือกลับแพร่สะพัดรวดเร็วยิ่งกว่าสายลมพัดผ่านป่าไผ่ ทั้งตลาด บ้านเรือน จนถึงห้องโถงขุนนาง ต่างเอ่ยขานเสียงขรม “คุณหนูหลินอวี้เฟย บุตรีเสนาบดีกรมคลัง มิได้กลับเรือนทั้งคืน!”“ได้ยินว่านางอยู่ในหอสวรรค์เร้นจันทร์กับคุณชายหลิวเซียน บุตรเสนาบดีกรมพิธีการ…”“สองหนุ่มสาว...ติดอยู่ในห้องเดียวกันจนฟ้าสางออกมาไม่ได้” เพียงถ้อยคำไม่กี่ประโยค กลับสร้างแรงสั่นสะเทือนสะท้านทั้งนครราวกับระฆังใหญ่สะบัดกลางวังหลวง ไม่ว่าชนชั้นสูงผู้เคร่งครัด หรือสามัญชนผู้ปากกล้า ล้วนซุบซิบกันไม่หยุด หนิงซินในร่างคุณหนูหลินอวี้เฟยนั่งทอดกายอยู่ในเรือนอย่างสงบเสงี่ยม ริมฝีปากโค้งขึ้นอย่างพึงใจ“เข้าทางข้าแล้ว…ไม่เสียแรงที่ยอมจ่ายเงินจ้างพวกปากหอยปากปูให้ช่วยแพร่ข่าว” นัยน์ตาของนางฉายประกายคมกริบ“เหลือเพียงจัดการกับพ่อแม่ของอวี้เฟยร่างนี้เท่านั้น ทุกอย่างก็จะเข้าล็อกตามที่ข้าวางไว้” “คุณหนู! แย่แล้วเจ้าค่ะ!” เสียงหลู่เจินดังลอดเข้ามา พลางวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้อง สีหน้านางซีดเซียวราวกับจะเป็นลม “เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?”หนิงซินแสร้งเอ่ยถาม ทั้งที่ในใจรู้ชัดแล้วว่าอะไรเป็นอะไร บทต่อไปพระเอกตัวดีต้องมาถามไถ่เรื่องนี้แน่ อย่างไรเสียในนิยายตอนนี้อ๋องผู้นั้นก็ยังเป็นพระเอกอยู่ “เรื่องที่ท่านก่อไว้เมื่อคืนกับข่าวลือนอกจวนนั่น ตอนนี้ท่านอ๋องเย่หมิงหยวนได้มาถึงจวนแล้วเจ้าค่ะ คงอยากทราบความจริงจากปากท่านเอง” ริมฝีปากหนิงซินกระตุกยิ้มบาง ๆไร้ซึ่งวี่แววสะทกสะท้านใด ๆ “ความจริงที่ว่า ข้าเพลี้ยงพล้ำให้หลิวเซียนแล้วงั้นหรือ?” “คุณหนูนี่ท่าน!” หลู่เจินเบิกตาโพลง ความจริงที่ออกมาจากปากของนายหญิงเป็นความจริงที่นางเองก็เพิ่งรู้ “ข้าจะไปพูดความจริงเดี๋ยวนี้” หลู่เจินสะดุ้ง มือสั่นรีบก้าวเข้ามาห้าม“อย่าพูดเลยเจ้าค่ะคุณหนู…อย่าได้ให้คำใดหลุดจากปาก ท่านหากเอ่ยไปเพียงคำเดียว เรื่องราวทั้งหมดอาจกลับตาลปัตร ท่านอาจต้องถูกถอนหมั้นโดยทันที ความอัปยศนั้นมิอาจหวนคืนได้” ดวงตาของหลู่เจินเบิกกว้าง ความเป็นห่วงแผ่ซ่านดั่งกระแสลมเย็นในฤดูใบไม้ร่วง หนิงซินทอดสายตามองอย่างเยือกเย็น รอยยิ้มบางเบาเลื่อนลอยบนเรียวปากดั่งดอกเหมยกลางหิมะที่บานท่ามกลางสายลมหนาว“ไม่ต้องหวาดกลัว สิ่งนี้…เป็นสิ่งที่ข้าปรารถนา ข้าไม่ต้องการตำแหน่งชายาเอกของอ๋องผู้นั้นแม้เพียงนิด”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD