เสียงแอร์ในห้องทำงานเบา ๆ คลอไปกับเสียงคลิกเมาส์ในห้องนอนแคบ ๆ ของอพาร์ตเมนต์เก่าในปักกิ่ง ห้องเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยกองหนังสือและโน้ตบุ๊กวางระเกะระกะ แสงไฟจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ส่องให้เห็นใบหน้าซีดเซียวของหญิงสาววัยยี่สิบสี่
หนิงซินทำงานเป็นบรรณารักษ์ประจำห้องสมุดแห่งหนึ่ง งานไม่หนักนัก แต่ชีวิตของเธอกลับหมุนรอบสิ่งเดียวคือ นิยายออนไลน์หลังเลิกงาน ทุกเย็นจนดึก เธอจะกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม เปิดคอมพิวเตอร์เครื่องเก่า แล้วเข้าท่องเว็บนิยายเหมือนพิธีกรรมประจำวัน
คืนนี้ก็เช่นกัน เธอเฝ้ารอนักเขียนอัปเดตตอนจบของนิยายเรื่องโปรดที่ติดตามมานานเกินปี เรื่องที่ทำให้เธอกรี๊ดทุกครั้งที่อ่านถึงตอนของพระรองสุดหล่อและแสนดี
นิ้วเรียวกดเลื่อนเมาส์ สายตากวาดตามตัวหนังสือที่ไหลพรั่งพรูออกมาทีละบรรทัด ความตื่นเต้นทำให้ลมหายใจถี่ขึ้น ราวกับกำลังนั่งลุ้นละครสดตรงหน้า
แต่แล้ว…เพียงไม่กี่ย่อหน้า สีหน้าของหนิงซินซีดเผือด“ไม่…ไม่ใช่แบบนี้สิ…” เธอพึมพำ น้ำเสียงสั่นเครือ ขอบตาแดงก่ำประโยคที่บรรยายฉากการตายของ พระรอง ปรากฏชัดเจนต่อสายตา เขาสละชีวิตเพื่อช่วยนางเอกให้ได้อยู่กับพระเอกเจ้าชู้คนนั้นอย่างมีความสุข!
หนิงซินสะอื้นเสียงดัง มือกดคีย์บอร์ดรัว ๆ ราวกับอยากพิมพ์เข้าไปต่อว่าคนเขียน“นี่มันบ้าอะไรกัน! คนเขียนใจร้ายที่สุด! พระรองออกจะดี ซื่อสัตย์ อ่อนโยน หล่อก็หล่อ ทำไมต้องฆ่าเขาด้วย มันหมดยุคที่พระเอกเจ้าชู้ควรค่ากับนางเอกแล้วนะ”
เธอปิดปากสะอื้น มองรูปวาดแฟนอาร์ตของพระรองที่แปะอยู่ข้างโต๊ะ เห็นรอยยิ้มอบอุ่นแล้วน้ำตาก็ยิ่งไหลซึมไม่หยุด
ตรงข้ามกัน เมื่อคิดถึงพระเอก…ความโมโหพุ่งขึ้นมาจนแทบจะปาเมาส์ทิ้ง“พระเอกบ้า! เจ้าชู้! เอะอะก็รับหญิงเข้าจวนใหม่ทุกตอน ยังมีหน้ามาได้รักกับนางเอกอีกเรอะ!”
เธอพร่ำบ่นไม่หยุด สะบัดหัวแรง ๆ ราวกับอยากปฏิเสธชะตาที่ตัวละครรักต้องเผชิญ
หนิงซินกอดหมอนแน่น เสียงสะอื้นกลายเป็นเสียงตะโกนใส่ความว่างเปล่า“ถ้าเป็นฉันอยู่ในเรื่องนี้นะ ข้าจะไม่เลือกพระเอกเด็ดขาด! พระรองต่างหาก…พระรองที่คู่ควรกับความรักจริง ๆ!”
เธอทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรง เปลือกตาหนักอึ้งเพราะทั้งเหนื่อยจากงาน ทั้งเสียพลังไปกับการร้องไห้ ก่อนจะหลับไป เธอเผลอบ่นเบา ๆ ออกมาอีกครั้ง“ถ้าฉันได้เป็นนางเอกในนิยาย…ฉันจะไม่มีวันรักพระเอกเจ้าชู้คนนั้นหรอก ฉันจะมองแค่พระรอง…จะรักแค่พระรองคนเดียว…”
หนิงซินไม่รู้เลยว่า…คำพูดนั้นจะเปลี่ยนชะตาของเธอไปตลอดกาล
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง แทนที่จะเจอเพดานห้องสีซีด เธอกลับเห็น ม่านไหมโปร่งบาง ลู่ลงเหนือศีรษะ กลิ่นกำยานหอมจางลอยอบอวล และเสียงสาวใช้ในชุดโบราณดังเรียก“คุณหนู ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ?”
หนิงซินเบิกตากว้าง หัวใจเต้นโครมคราม ความคิดแรกผุดขึ้นทันที“อย่าบอกนะ…ว่าฉันอินจัดจนฝันว่ามาอยู่ในนิยายจริง ๆ !”
เธอผุดลุกพรวดขึ้น ก่อนจะตบหน้าตัวเองเบา ๆ เพี๊ยะ“โอ๊ย…เจ็บแฮะ ไม่ใช่ฝันแน่ ๆ…ร่างนี้ไม่ใช่ตัวฉันด้วยซ้ำ!”
สำรวจต่อเองเสร็จก็ใช้สายตากวาดไปรอบ ๆ ห้อง หยุดที่ พื้นไม้แผ่นกระเบื้องโบราณ เรียงตัวอย่างประณีต เงาสะท้อนแสงแดดผ่านหน้าต่างกระดาษบาง แผ่นไม้แต่ละแผ่นเหมือนมีชีวิต พลันสายลมพัดพริ้ว กลิ่นกำยานอบอวลฟุ้งไปทั่วห้อง ราวเดินอยู่ในสวนจวนผู้ดี
“นี่มันอะไรกัน…โลกฉัน…โลกนิยาย…หรือโลกบ้าอะไรนี่!” เธอสะบัดหัวอีกครั้งพยายามเรียกสติปลุกตัวเองให้ตื่น แต่..ทำอย่างไรก็ไม่ตื่นขึ้นอยู่ดี
“ไม่ใช่ฝันหรอกเหรอ?”
ความงงงวยมึนทึบคล้ายหมอกหนาเข้าครอบงำ สายตาหลุกหลิกเบนไปมองมุมนั้นมุมนี้ด้วยความระแวงปนกังวล ตกใจกลัว สะสมปนเปไปหมด
เครื่องเรือนไม้แกะสลักลายดอกเหมย ประดับด้วยแจกันลายมังกรและนกฟีนิกซ์ มันใช่ ใช่ไปหมดนี่มันโลกในนิยายชัดเจน“โอ้ย ฉันเข้ามาอยู่ในร่างนางเอกหรือใครกัน ร่างนี้ไม่ใช่ฉัน”
หนิงซินสะบัดตัวราวกับกำลังสลัดความเป็นตัวละครออกไป เธอพยายามตั้งสติ มองสำรวจตรวจตราอีกครั้ง ที่นี่…งดงามเกินกว่าที่เคยเห็นในโลกปัจจุบัน ฉากแบบนี้เป็นได้แค่ฉากในละครย้อนยุค หรือเธอ…ทะลุมิติเข้ามาจริง ๆ
หนิงซินกัดริมฝีปาก ลอบพึมพำ“สรุปตอนนี้ฉัน…ตกลงมาอยู่ในนิยายที่ฉันอ่านทุกวันจริง ๆ บ้าไปแล้ว”
ทันใดนั้น เสียงหวานนอบน้อมดังขึ้น“คุณหนูเจ้าคะ ทำไมท่านถึงได้เงียบไป มีอะไรเช่นนั้นหรือเจ้าคะ อีกไม่กี่วันคุณหนูต้องเข้าพิธีสมรสกับท่านอ๋องแล้วนะเจ้าค่ะ”
“สมรส!”
หนิงซินตาโตราวไข่ห่าน ดวงตาเบิกกว้างจนแทบล้นเบ้าตาเข้ามาถึง...ไม่ทันไรก็จะได้สามีแล้วอย่างนั้นหรือ!