หนิงซินชะงักก้าวราวกับว่าคิดเรื่องดีๆออก ดวงตาคู่งามทอดมองหลู่เจินด้วยแววแน่วแน่ ก่อนเอื้อนเอ่ยเสียงนุ่มจริงจัง“งั้น…เจ้าช่วยตอบข้าที อีกกี่วัน ข้าจึงต้องเข้าพิธีสมรส”
หลู่เจินมองนายหญิงด้วยความประหลาดใจที่คุณหนูผู้เรียบร้อยกลับถามสิ่งที่ซึ่งทุกคนต่างรู้กันทั่ว นางเม้มริมฝีปากเบา ๆ ก่อนเงยหน้าขึ้นตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ“หากนับจากวันนี้ อีกเพียงสามวันเท่านั้นเจ้าค่ะ คุณหนูจะต้องเข้าพิธีวิวาห์กับท่านอ๋องแล้ว”
วาจานั้นเปล่งออกมาด้วยความระมัดระวังแฝงไว้ด้วยความห่วงใยและฉงนใจ ว่าด้วยเหตุใดคุณหนูของนางจึงถามสิ่งที่เคยตั้งใจรอคอยมาตลอดราวกับไม่เคยรับรู้มาก่อน
หนิงซินเบิกตากว้าง ครั้นได้ยินคำตอบว่าอีกเพียงสามวันก็จะถึงวันวิวาห์ หัวใจก็พลันเต้นโครมคราม ความทรงจำจากนิยายผุดวาบเข้ามาในห้วงคำนึงทันที
“สามวัน…ใช่แล้ว! วันนี้เป็นวันที่หลิวเซียนจะถูกเพื่อนของท่านอ๋องล่อลวงไปหอนางโลม จนเมามายไร้สติ แล้วตื่นขึ้นมาพร้อมสตรีต่ำต้อยผู้หนึ่ง…เป็นเหตุให้ชื่อเสียงมัวหมอง ต้องจำใจรับนางผู้นั้นมาเป็นฮูหยิน!”
ดวงตาของหนิงซินฉายแววประกายราวกับดวงดาวยามราตรี ความตกใจกลายเป็นไฟแห่งความคิดอันบ้าบิ่น นางเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนกระซิบเสียงต่ำกับตัวเอง
“มิได้! เรื่องนี้ข้าจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น หากจะต้องมีสตรีตื่นขึ้นเคียงข้างเขา ผู้นั้นก็ต้องเป็นข้า! เช่นนั้น…ก็จะได้เป็นฮุหยินของหลิวเซียนโดยชอบธรรม เรื่องราวทั้งหมดจะได้ถูกปิดฉากเพียงเท่านี้”
วาจาพึมพำคล้ายอุบายอันล้ำลึก ทว่าเมื่อฟังให้ดี กลับแฝงกลิ่นอายของความบ้าบิ่นแบบสาวน้อยสมัยใหม่ที่ไม่รู้จักคำว่ากลัว
หนิงซินนั่งลงเบื้องหน้ากระจกสำริด ขยับตัวอย่างกระสับกระส่ายพลางออกคำสั่งเสียงหนักแน่น
“แต่งตัวให้ข้า!”
หลู่เจินรีบสาวเท้าเข้ามา
“ท่านจะไปไหนหรือเจ้าคะ คุณหนู?”
หนิงซินเลิกคิ้ว พลางยกมือกวัดแกว่งเบา ๆ ราวไม่ใส่ใจ
“ไม่ต้องถามมาก เอาเสื้อผ้าที่ทะมัดทะแมงเหมือนของบุรุษมาให้ข้า…วันนี้ข้าจะออกไปหอนางโลม”
คำพูดดังกังวานขึ้นประหนึ่งสายฟ้าฟาดเสียงดังโครม! หลู่เจินเบิกตากว้าง อ้าปากพะงาบคล้ายปลาถูกตักขึ้นจากลำธาร คำทัดทานยังมิทันเอื้อนออกจากริมฝีปากบางเฉียบ เสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“อวี้เฟย!”
สาวใช้คนสนิทอีกนางรีบวิ่งเข้ามา หน้าตาตื่นราวนกกระจาบถูกไล่
“คุณหนู แย่แล้วเจ้าค่ะ!”
หนิงซินขมวดคิ้ว หันขวับมา
“มีอะไรอีก?”
“ชายารองของท่านอ๋องมาเจ้าค่ะ…นางต้องมาหาเรื่องท่านอีกเป็นแน่”
“ชายารอง?”
หนิงซินกะพริบตาปริบ ๆ อย่างใช้ความคิด
อะไรนะ! ยังมิทันแต่งเข้าสู่จวนอ๋องก็มีชายารองคอยมาหาเรื่องแล้วอย่างนั้นหรือ พระเอกตัวดีเจ้าชู้ยิ่งกว่าในนิยายที่ข้าอ่านเสียอีก!
หนิงซินทุบโต๊ะเบา ๆ พลางบ่นเสียงหงุดหงิด
“เรือนข้าเป็นสาธารณะหรืออย่างไร ถึงปล่อยให้คนบ้าเข้าออกกันง่าย ๆ อย่างนี้!”
ถ้อยคำประหลาดหลุดออกมาราวกับคนนอกยุค หลู่เจินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถึงกับสะดุ้งเฮือก รีบก้มหน้าตอบเสียงเบา “หากคุณหนูหมายถึงเหตุใดชายารองจึงเข้ามาได้ง่ายใช่มั้ยเจ้าคะ…ก็หามีสิ่งใดแปลกไม่เจ้าค่ะ นาง…นางเป็นญาติผู้พี่ของท่านเอง”
หนิงซินอ้าปากค้างชั่วครู่ ก่อนจะตีหน้ารำคาญ ยกคิ้วสูงพลางหัวเราะหยัน
‘อ๋อ…จริงสิ! ในเรื่องก็มีอยู่แล้วนี่นา ชายารองคนนี้แหละ ตัวต้นเหตุคอยกลั่นแกล้งนางเอกไม่หยุด เพราะมัวหึงหวงพระเอกเจ้าชู้นั่น’
นางเหยียดยิ้มเย็น ดวงตาแพรวพราวเหมือนมีแผนในใจ “เชอะ! อยากได้ก็เอาไปเถอะ ข้าไม่ปรารถนาแม้แต่น้อย”
หนิงซินนั่งกอดอก วางมาดนิ่งบนเก้าอี้ไม้สลัก ริมฝีปากยกยิ้มเย็น สายตาทอดมองประตูที่กำลังถูกผลักเปิดออกในชั่วอึดใจ
เธอไม่ใช่หลินอวี้เฟยตัวจริงที่ยอมก้มหน้ายอมทนทุกการกลั่นแกล้งเพื่อพระเอกอีกต่อไป หากแต่คือหนิงซิน…นักเทควันโดสายดำจากโลกอนาคต! ต่อให้คู่กรณีจะเป็น "ชายารอง" ที่ยโสโอหังเพียงใด ครานี้เธอขอสู้กลับให้สมกับเลือดนักสู้ในกาย
“อวี้เฟย!”เสียงหวานแฝงความถือตัวดังขึ้นพร้อมกับบานประตูไม้ถูกผลักออกกว้าง หลินซูหรงก้าวเข้ามาในชุดผ้าไหมสีชาดย่างเข้ามาอย่างเชิดหน้า ท่าทีราวหงส์ผู้สง่างาม แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความริษยาอย่างเห็นได้ชัด
หนิงซินปรายตาขึ้นมองช้า ๆ สายตาเย็นเฉียบราวกับกำลังดูตัวละครในละครน้ำเน่า แล้วเอ่ยขึ้นในใจ
‘มาแล้วสินะ ตัวอิจฉาประจำเรื่อง…คราวนี้ล่ะ หนิงซินจะไม่เล่นตามบทหลินอวี้เฟยผู้อ่อนแอหรอกนะ’
“พี่หญิงเรียกข้าเสียงดังมาตั้งแต่หน้าจวน มีธุระร้อนเรื่องกระไรหรือเจ้าคะ”หนิงซินยกถ้วยชาขึ้นจรดริมฝีปาก สีหน้าสงบนิ่ง แต่แววตากลับจับจ้องคู่สนทนาราวกับกำลังรอการแสดงละครที่รู้ตอนจบอยู่แล้ว
ชายารองยกคางสูง แววตาฉายความภาคภูมิ
“ข้ามิได้มีธุระสิ่งใดนัก เพียงได้ยินว่าน้องหญิงใกล้ถึงวันมงคล จึงเป็นห่วงว่า ชุดแต่งงานที่ตระเตรียมไว้…จะสมเกียรติท่านอ๋องหรือไม่”
หึ…สมเกียรติอ๋องเจ้าชู้บ้านเธอสิ! ที่จริงจะมาวางยาพิษใส่ชุดฉันใช่ไหมล่ะ นังตัวร้าย!
หนิงซินสบถในใจ แต่ริมฝีปากกลับคลี่ยิ้มอ่อนโยน
“ไม่ต้องเป็นกังวลหรอกเจ้าค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี”นางวางถ้วยชาลงอย่างแผ่วเบา เสียงกระทบถาดดังกังวาน คล้ายคมดาบที่เสียดสีกัน
ชายารองชะงักไปชั่ววูบกับปฏิกิริยาของนางที่ผิดแผกไป
“เช่นนั้นก็ดี…หากวันนั้นเกิดอัปยศขึ้นมา มิใช่เพียงชื่อเสียงตระกูลน้องหญิงที่เสียหาย เกรงว่าจะเป็นเกียรติยศของท่านอ๋องด้วยกระมัง”
หนิงซินหัวเราะในลำคอเบา ๆ พลางคิด
“อ๋อจ้า~ จะขู่ฉันให้กลัวจนหัวหดสินะ ขอโทษทีจ้ะ ฉันสายบวก ไม่ใช่นางเอกสายยอมแน่ๆ! แต่ ๆ อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ เพราะคนที่ฉันจะพลิกบทแต่งงานด้วยคือพระรองจ่ะ”