Chapter 5
เพื่อนกัน..... เขาจูบกันได้ด้วยหรอ
"จูบ..."
"เพื่อนกัน...เขาจูบกันได้ด้วยหรอ"
พลอยนิรา เอ่ยถามเสียงเบาหวิว
แม้ในใจ จะเอนเอียงไปทางคำพูดเขาแล้วเกินกว่าครึ่ง
"ก็ยกเว้น..มึงกลับกู"
"ว่าไง....ความคิดถึงของมึง มันมากแค่ไหนพลอย"
นัยเนตรอำพันกดต่ำ มองจ้องเสี้ยวหน้าคนตัวเล็กที่หัวคิ้วเรียวยังยับย่นอยู่ไม่คลาย ยิ่งเธอสงสัย เขายิ่งนึกสนุก..และอยากให้เธอตั้งหาคำตอบของคำถามนั้นด้วยตัวเอง
"หมอก....ถ้าพลอยจูบหมอกจริงๆ ...เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ใช่ไหม"
คนตัวเล็กยังคงเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง นัยน์ตาสีอ่อนเจือไปความความลังเลแกมสับสนในสิ่งที่กำลังเลือกจะทำ
"เหมือนเดิม?"
"อืม"
เสียงทุ้มต่ำทวนประโยคที่กระแทกใจซ้ำก่อนจะขานรับในลำคอ พลอยนิราไม่รีรอ ไม่รั้งรอที่จะปล่อยโอกาสนี้ไปอีก ลำแขนเล็กรั้งรำคอหนาเข้าหาตัว ก่อนที่ริมฝีปากอวบอิ่ม จะแนบลงบนแก้มสากเบาๆ
เมฆินทร์ชะงักหางตาคมเบิกกว้างขึ้น ร่างหนาผละหนีีสำผัสที่อุกอาจนั้นอย่างรวดเร็ว
"แบบนี้ใช่ไหม"
เสียงแหบหวิวเอ่ยถาม พรางมองจดจ้อง เครื่องหน้าหล่อของคนตรงหน้า สองแขนเรียวดึงรั้งปลายนิ้วอุ่นใว้ ราวกลับกลัวเจ้าของมันจะหายไป
"โง่"
"จูบห่าอะไรของมึง"
ตาเฉี่ยวหรี่ลงมอง กล่าวโทษ เครื่องหน้าคมที่ยังแดงซ่านจากเมื่อครู่ขรึมเข้มลง ราวคนพึ่งถูกขัดใจ
"งั้น..สอนพลอยหน่อย"
"ได้ไหม"
คนตัวเล็กยอกย้อน แกมขอความเห็นใจ และประโยคนั่น ทำให้คนโตกว่าเผลอมุมปากกระตุกเมื่อถูกเธอปีนเกลียวอีกรอบ
"จะเล่นก็เอาแค่พอดี"
"ยั่วกูมาก.....มึงรับไม่ไหวหลอกพลอย "
สุรเสียงแข็งกระด้างเอ่ยในสิ่งที่เขารู้สึก ลำคอหนาเกร็งค้าง ขืนตัวออกจากแรงพันธนาการที่แผ่วเบาราวปุยนุ่น พลอยนิรามองนิ่ง สองกลีบปากร่างบนเม้มกันแน่น รับกันกับเรียวแขน ที่ออกแรงรั้งเขาใว้มากกว่าเดิม
"จะทำอะไร?"
เมฆินทร์ถามย้ำ ด้วยท่าทีจริงจัง
"บอกแล้วไง...ว่าคิดถึง"
พลอยนิราเอ่ยเสียงแผ่ว
"เพื่อนกัน เขาคิดถึงแบบมึงรึไงพลอย"
"หรือมึงคิดถึงคนอื่น แบบนี้"
"ทำกลับคนอื่น เหมือนที่ทำกลับกู"
เสียงทุ้มต้ำเอ่ยกระด้างหู ใบหน้าที่เคยขาวซีดค่อยๆ ซับสีเลือดจางๆ จนแดงเถือกจรดแนวลำคอ ผิวกายที่เพิ่งเย็นเยียบไปเมื่อครู่ระอุไอร้อนขึ้นมาอีกรอบ พลอยนิรา มองคนตรงหน้าด้วยสายตาแห่งความไม่เข้าใจ และยังไม่ทันที่คนตัวเล็กจะเอ่ยปากถาม แขนเรียวเล็กกลับถูกสะบัดออก อย่างไม่ทันตั้งตัว จนร่างบอบบางเซถลาออกไปประทะโต้ะทำงานของเขา
"หมอก.." สุรเสียงหวานเอ่ยแหบพร่า แววตาสีอ่อนเว้าวอน
หากแต่คนที่ได้รับมัน กลับไม่แยแสความรู้สึกที่ถูกส่งผ่านมาเลยสักนิด
นัยน์ตาเฉี่ยวคม มองจับจ้องเพื่อนผู้หญิงเพียงคนเดียวนิ่งนาน ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ จะหมุนตัวเดินออกไป ทิ้งให้อดีตคนสนิทจมอยู่กลังพวังค์ที่เดิม
"ไม่ใช่พลอยที่ทิ้งหมอก...หมอกต่างหาก ที่ทิ้งพลอย"
"หมอกเอง ที่ไม่เลือกพลอย"
เสียงหวานเบาหวิวดั่งคนลมหายใจขาดห้วง นัยน์ตาสีอ่อนแดงฉาน ปรือมองแผ่นหลังกว้างที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ ด้วยจังหว่ะลมหายใจที่เริ่มแผ่วลง
"บางที....การไม่กลับมาเจอกัน มันจะดีกลับเรามากกว่ารึปล่าวหมอก....มันคงดีกว่า ถ้าหมอก ไม่ต้องทนเห็นหน้าพลอยอีก"
หลังมือขาวยกขึ้นเกลี่ยหยาดน้ำสีใสที่เปียกชื้นสองพวงแก้ม ร่างเล็กทรุดลงนั่งกลับพื้น ก่อนจะสะอื้นให้ ถ่ายเททุกสิ่งที่อดกลั้น สองแขนที่เคยโอบรัดเขายกขึ้นกระชับกอดตัวเอง จมดิ่งอยู่กลับความเศร้าซึมในใจอีกหลายนาที
ไม่ต่างจากเขา
ร่างสูงใหญ่ เหยียดแผ่นหลังตรง เอนพิงเบาะนวมราคาแพง มือหนาหมุนควงแก้วทรงเหลี่ยมช้าๆ สองนัยน์ตาจับจ้อง ไปยังจอ แอลอีดีขนาดใหญ่ที่ยังมีเธอนั่งอยู่ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
"แล้วทำไมไม่ทำให้ได้อย่างที่พูดวะ!"
"เสนอหน้ากลับมาทำห่าอะไร"
เสียงต่ำสบถแผ่วเบา ก่อนจะยกน้ำสีอำพันในมือกรอกลงคอจนหมดในคราวเดียว
ตีสามสิบสี่นาที
แฟ้มเอกสารขนาดย่อม ถูกจัดวางใว้จนเป็นระเบียบ พลอยนิรา เอนกายพิงพนักเก้าอี้สีทึมก่อนจะยกมือกดคลึงขมับขับไล่อาการปวดศีรษะที่เกาะกินร่างกายเธอมาสักระยะ ดวงตาสีอ่อนปรือขึ้นมองนาฬิกาแขวนพนังตรงหน้า ก่อนทอดถอนลมหายใจเบาๆ
"เหนื่อยจัง"
"เมื่อไหร่...ทุกอย่าง จะจบลงสักที"
"ตึ๊ง!"
เสียงแจ้งเตือนดังกังวานเรียกสติคนตัวเล็กอีกครั้ง พลอยนิราหลุบสายตาลงมอง หน้าจอมือถือเครื่องเดิม ช้าๆ ก่อนที่รอยยิ้มจางๆ จะปรากฏขึ้นกลางดวงหน้า
"วันเงินเดือนออกสินะ"
"ยุ่งจนลืมไปเลย"
แม้จะเอ่ยออกไปอย่างนั้น แต่ในความเป็นจริงพลอยนิราไม่อาจจำได้ด้วยซ้ำ ว่าเงินเดือนของเธอ ออกวันที่เท่าไร เพราะแต่ละงานที่เธอทำรายละเอียดปลีกย่อยมันมากเหลือเกิน
ปลายนิ้วเล็ก เลือกกดโอนเงินแทบทั้งหมดที่เธอมี ไปยังเลขบัญชีเดิมๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา เมื่อยอดเงินที่เหลือเพียงไม่กี่พันบาทปรากฏต่อสายตา
"สามพัน"
"หนักจังเลยเดือนนี้"
ไม่ใช่ความน้อยอกน้อยใจในโชคชะตา หากแต่เป็นเสียงที่เปร่งออกมาสะท้อนความรู้สึกเพียงเท่านั้น
พลอยนิราไม่เคยโทษอะไร หรือใคร
ที่ทำให้ชีวิตทั้งครอบครัวของเธอต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
หากจะโทษจริงๆ ....ก็คงเป็น เวรกรรมละมั้ง
ใครจะคิด...ว่าชีวิตคนเราจะพลิกผันได้ราวกลับแค่กลับฝ่ามือ
ปีที่แล้ว เงินเท่านี้ เทียบไม่ได้กลับค่าข้าวมื้อเดียวของเธอด้วยซ้ำ....ปีนี้ เงินในจำนวนเท่ากัน กลับถูกใช้เป็นค่าใช้จ่ายของเธอทั้งเดือน
"ฝู่ว"
ทรวงอกกระเพื่อมสั่นยามเจ้าของมันพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ร่างบอบบางเหยียดกายผ่ายผอมขับไล่ความเมื่อยอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะรวบคว้ากระเป๋าถือสีเดียวกลับชุด เดินออกมารอรถประจำทางที่จุดเดิม
"คิดว่าจะไม่ทันซะแล้ว....ยังมีโชคอยู่บ้างสินะเรา"
ปากกระจับสีสดแย้มยิ้มปลอบใจตัวเองแม้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย มือขาวเรียวยกโบกสะบัด เรียกรถประจำทางสีคล่ำครึ ก่อนจะรีบสับฝีท้าวก้าวขึ้นรถทันทีที่มันเทียบจอดข้างฟุตบาท และด้วยเพราะเป็นเวลาเกือบรุ่งสาง ผู้โดยสาร จึงบางตากว่าปกติ หรือเรียกได้ว่า แทบจะไม่มีเพื่อนร่วมทางแล้วด้วยซ้ำ พลอยนิราเรียนรู้สกิลการเอาตัวรอด หลังจากใช้ชีวิตธรรมดาๆ มาร่วมสองปี ร่างบอบบางเลือกทิ้งสะโพกลงนั่งตำแหน่งที่ไกล้พลขับที่สุด ก่อนที่หัวทุยจะเอนซบลงแพงเหล็กที่่่่่่เริ่มหลุดล่อนไปตามกาลเวลาอิงแอบไอเย็นที่พัดโชยมาโกรกหน้าเบาๆ
"ต้องหางานเพิ่มอีกไหมนะ"
"ถ้ามีสักที่ ที่ให้เงินเดือนมากพอก็คงดี"
"ซวยอะไรนักนะพลอย จบมาตั้งหลายปี ยังหางานดีๆ ทำอย่างคนอื่นเขาไม่ได้เลย ฮื่อ"
ลมหายใจอันเหนื่อยอ่อน ถูกผ่อนออกมาอีกครั้ง แม้ในหัวจะพยายามไม่คิด แต่มันก็ผุดขึ้นมาเองจนได้ ความลำบากที่ผ่านเข้ามาทดสอบเธอหลายครั้ง ทำให้ คุณหนู ที่เคยสดใส ค่อยๆ หม่นหมองลงช้าๆ .....จนถึงวันนี้
พลอยนิราจำไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าตัวเอง ยิ้มออก ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่...นานแล้วมั้ง...นานจริงๆ
พวกเอง ฝาก แวะไปเยี่ยมพี่สิงห์กันด้วยเดี๋ยวเฮียน้อยใจ😁