๑.๒
มือบางชะงักกึก ใบหน้างามเงยหน้าขึ้นมองคนพูด ก่อนจะกระชากแว่นตาสีดำอันโตยี่ห้อหรูออก เผยให้เห็นความงามครบถ้วนบนใบหน้าเรียวรูปไข่ชัดเจน ซึ่งเต็มไปด้วยความโกรธจัดแล้วพ่นคำจัดจ้านเผ็ดร้อนใส่ชายหนุ่มหน้าเข้มอย่างไม่คิดยอมให้เขาข่มขู่เพียงฝ่ายเดียว
“นี่นาย มันจะมากไปแล้วนะ! คนอย่างนายจะไปรู้อะไร เสื้อฉันตัวเป็นหมื่น แล้วอยู่ๆ นายก็ขับรถมาจนฝุ่นตลบแบบนี้ จะให้ฉันอยู่เฉยได้ไง” บลินดาตวัดสายตามองหนุ่มลูกทุ่งอย่างโกรธจัด
รพีกระตุกยิ้ม ยกแขนขึ้นกอดอกพลางหัวเราะหึๆ ในลำคอ เมื่อสาวร่างบางทำท่าจะสติแตก ดวงตาคมเข้มกวาดลงมองอกอวบอิ่มที่วับแวมออกมาจากรอยผ่าของเสื้อเป็นอันดับแรก ก่อนจะหลุบลงมายังขอบกางเกงเอวต่ำที่เผยผิวเนื้อขาวผ่องลออซึ่งโผล่พ้นออกมาจากขอบกางเกงด้วยแววตาเปิดเผยและจงใจเสียมารยาท
เป็นเหตุให้บลินดามองตามสายตาของเขาก่อนจะยกมือขึ้นกระชับคอเสื้อเข้าหากัน เกิดความรู้สึกอับอายทั้งที่ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้กับใคร เมื่อถูกชายหนุ่มมองมาด้วยสายตาค่อนข้างดูถูก และหยาบคายเหลือเกินในความคิดหล่อน
“นายนี่มันทุเรศที่สุด ทั้งทุเรศและเสียมารยาท หยาบคาย เลิกมองฉันแบบนั้นเสียที!”
น้ำเสียงกราดเกรี้ยวกับใบหน้างดงามที่แดงก่ำทำให้รพีนึกสนุก อยากแกล้งหญิงสาวให้มากขึ้นไปอีก ให้สติแตกจนวิ่งแจ้นกลับไปบ้านเลยยิ่งดี!
“อ้าวก็คุณแต่งตัวแบบนี้ มันหมายความว่าคุณต้องการจะโชว์อะไรๆ ของคุณให้คนอื่นเขาดูกันไม่ใช่เหรอ ผมก็สนองนี้ดของคุณแล้วไง แต่อย่าคิดว่าผมจะมองด้วยความพิศวาสนะ ที่ผมมองน่ะ มองด้วยความสมเพช!”
“นายนี่มัน... ทุเรศ! คิดทุเรศ ฉันแต่งเพราะอยากแต่ง ไม่ได้แต่งเพราะต้องการให้ใครดู! อย่าเอาความคิดแย่ๆ แบบนั้นมาใช้กับฉันเด็ดขาด และก็อย่าบังอาจมามองฉันเพราะความสมเพชด้วย!”
บลินดาแหวเสียงแว้ด มองชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้าด้วยแววตาเขียวปัด ทั้งโกรธและอาย คนบ้านี่ กี่ปีๆ ก็ไม่เคยเปลี่ยน ทั้งปาก ทั้งมารยาท ทรามที่สุด ทีกับคนอื่นทำไมไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้ แต่เจอหล่อนทีไรอีตาบ้านี่ต้องหาเรื่องให้ได้ทุกครั้ง ฮึ ดีละในเมื่อทำท่ารังเกียจหล่อนนัก หล่อนก็จะแกล้งยั่วให้หัวหมุนเลย จะคอยดูซิ ว่ายังจะปากเก่งใจแข็งอยู่ได้นานแค่ไหน!
“คุณไม่มีวันห้ามความคิด ห้ามสายตาของผมได้หรอก โดยเฉพาะคนอื่น ยังไงมันก็ต้องมองคุณอยู่ดี ตราบใดที่คุณยังแต่งตัวล่อเสือล่อตะเข้แบบนี้ล่ะก็นะ”
รพีพูดพลางส่ายหน้า แววตาออกจะหยัน ทั้งยังไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าอรพรรณไปคบกับผู้หญิงที่เปรี้ยวจนเข็ดฟันคนนี่ได้อย่างไร อีกทั้งท่าทางไม่ติดดิน เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อนี่อีก ในขณะที่คนอื่นเขาจบมาแล้วทำงานกันเป็นล่ำเป็นสัน แต่แม่นี่ยังตะลอนเที่ยวเตร่ไม่ยอมหยุด อายุก็ปาเข้าไปจะยี่สิบห้าอยู่แล้ว พ่อแม่หล่อนก็ช่างใจดีจริงๆ
ฮึ! ลูกคุณหนู แบบนี้ใครได้ไปเป็นเมียมีหวังซวยไปทั้งชีวิต!
“นายไม่ต้องพูดมาก นำไปสิ ฉันอยากอาบน้ำเต็มที เหนียวตัวจะแย่อยู่แล้ว”
ว่าแล้วสาวสำอางก็เข้าไปในรถยนต์ พลางสตาร์ตเรียบร้อย รอให้ชายหนุ่มนำไปยังบ้านของอรพรรณด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
รพีค่อนข้างแปลกใจ ที่จู่ๆ แม่จอมโวยวายยอมตัดบทโดยดี ทั้งที่ความจริงแม่เจ้าประคุณไม่เคยยอมเขาง่ายดายอย่างนี้สักครั้ง แต่ช่างเถอะ เขาเองก็ไม่อยากคิดให้เปลืองสมอง เพราะผู้หญิงอย่าง บลินดาไม่มีอะไรควรค่าหรือเป็นสาระให้เขาต้องมานั่งสนใจอยู่แล้ว!
รพีขับรถกระบะเก่าเก๋ากึ๊กของตัวเองนำหน้าเมอร์เซเดส-เบนซ์คันหรูของหญิงสาวเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านที่ครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยมากมายของกำนันชาติ ผู้ซึ่งเป็นบิดาของอรพรรณและเป็นอาแท้ๆ ของชายหนุ่ม
เจ้าของใบหน้าคมคายที่ติดจะบึ้งตึงดับเครื่องยนต์ ท่อนขาเพรียวยาวแต่แข็งแรงภายใต้กางเกงยีนสีซีดตัวเก่งก้าวลงจากรถแล้วร้องเรียกกำนันชาติ
“อาชาติฮะ อาชาติ” รพีร้องเรียกหาอากำนัน พลางชะเง้อมองขึ้นไปบนบ้าน หญิงสาวก้าวมายืนด้านหลังชายหนุ่ม พลางมองไปรอบๆ บริเวณอย่างสนใจ
“นี่นาย บ้านเงียบจังมีคนอยู่หรือเปล่า แล้วอรล่ะ ยังไม่มาเหรอ”
รพีปรายตามองบลินดาแวบหนึ่ง ก่อนหันไปเรียกอาชาติอย่างไม่สนใจเจ้าของคำถามสักนิด ทำให้เจ้าหล่อนรู้สึกขัดใจยิ่งนัก
“นี่นาย ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง”
รพีถอนหายใจพรืดพลางตอบอย่างเสียมิได้
“ได้ยิน”
คำตอบแบบขอไปทีของชายหนุ่มที่ทำให้หญิงสาวแทบจะร้องกรี๊ดออกมาอย่างหมดความอดทน...
“ได้ยินแล้วทำไมไม่ตอบยะ?”
สุ้มเสียงเอาแต่ใจของบลินดา ทำให้รพีตวัดสายตาคมดุลงมองหญิงสาวทันที เป็นเหตุให้คนที่กำลังหงุดหงิดเนื่องมาจากความเหนื่อยและเพลียนั้นใจกระตุกวูบวาบ เพราะน้อยครั้งนักที่เขาจะมองหล่อนด้วยสายตาแบบนั้น แสดงให้ทราบว่ากำลังโกรธและไม่พอใจหล่อนมากจริงๆ
“อย่ามาพูดหรือใช้น้ำเสียงกับผมแบบนี้อีก ผมไม่ใช่ลูกน้องไม่เหมือนพวกที่ทำงานรองมือรองเท้าของคุณ ถึงจะได้มีสิทธิ์มาทำนิสัยงี่เง่าเอาแต่ใจกับผมแบบนี้ แล้วจะบอกอะไรให้เอาบุญ ขืนทำแบบนี้อีก ผมไม่เอาคุณไว้แน่ เพราะผมใจไม่เย็นเหมือนผู้ชายที่ล้อมหน้าล้อมหลังเอาใจคุณ จำไว้”
คำตอบและสายตาเย็นชาของเขาทำให้บลินดาอดไม่ได้ที่จะนึกกลัวสายตาเข้มดุจนใจหวิววับ แต่ก็ไม่วายพูดออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ แต่สะบัดในช่วงท้ายอย่างคนเอาแต่ใจและไม่เคยยอมลงให้ใครง่ายๆ แม้จะถูกเขาจะข่มขู่อยู่หยกๆ ก็ตามที...
“ก็แล้วทำไมนายไม่ตอบฉันล่ะ”
รพีตวัดสายตามองคนไม่ยอมลงให้เขาง่ายๆ
“ผมกับคุณมาถึงพร้อมกัน แล้วใครจะไปตรัสรู้ว่าใครอยู่ใครไม่อยู่ เพราะถ้าผมรู้ก็คงไม่มาเรียกปาวๆ อยู่แบบนี้หรอก หัดคิดเองซะมั่งเผื่อมันจะเพิ่มรอยหยักในสมอง ไม่ใช่มัวแต่มาถามคนอื่นเขาแบบนี้!”
รพีสะบัดหน้ากลับไปยังตัวบ้านเมื่อต่อว่าหญิงสาวจนพอใจ ในขณะที่บลินดาอ้าปากค้างอย่างคิดไม่ถึง ว่าเขาจะกล้าต่อว่าหล่อนขนาดนี้
นี่เขาหาว่าหล่อนโง่อย่างนั้นสิ... ใช่ไหม?
อ๊าย! ไอ้คนบ้า บังอาจ
หญิงสาวได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน โกรธจนเนื้อตัวสั่นแต่ทำอะไรเขาไม่ได้เลย ขืนพูดอะไรออกไปมีหวังถูกคนตรงหน้าเล่นงานเสียสะบักสะบอมแน่ ก็เขามันจำพวกหมาบ้า กัดไม่ปล่อย บ้าดีเดือด ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร!