๖.๒
บลินดานั่งพิงเสาเฉย ขณะมองทั้งคู่ที่เดินผ่านหล่อนไปราวกับว่าหล่อนไม่มีตัวตน ทั้งๆ ที่หล่อนเห็นอยู่ว่าเขาเห็นหล่อน แต่จะทักสักคำหรือก็ไม่มี
ไอ้คนใจดำ คอยดูนะทำเป็นเล่นตัวนักเดี๋ยวแม่ก็เข้าหาซะคืนนี้เลย ให้มันรู้กันไปว่ารอดจะพ้นเงื้อมมือหล่อนไปได้! บลินดาเข่นเขี้ยวอยู่ในใจอย่างแค้นเคือง
“อ้าวมาแล้วเหรอ อ้าวหนูมนมาด้วยนี่ แล้วไปไงมาไงนี่ลูกมากันเสียค่ำเชียว” คำทักทายของมารดาทำให้ชายหนุ่มยิ้มหันไปยิ้มให้มนชยาอย่างเป็นกันเอง
“อ๋อผมชวนมนมาเองครับ” บลินดาตวัดตาคมสวยมองขวับไปทางรพีทันที
เชอะ แหมทำเป็นชวนมา หน็อย มันจะมากไปแล้วนะ หยามกันชัดๆ
“ใช่ค่ะ เดี๋ยวพีไปส่งมนเองค่ะ คุณป้าไม่ต้องห่วง”
คำตอบจากมนชยาทำให้บลินดาตาลุกวาว
ต๊าย! นี่ต้องไปส่งกันด้วยเหรอ บ้าๆๆ แม่นี่ก็ที่สุด เห็น หนิมๆ ติ๋มๆ ไวไฟจริงๆ ท่าจะไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ฉันจองแล้ว
“ป้าคะ วันนี้มนทำกับข้าวมาฝากค่ะ” มนชยานำกับข้าวที่หล่อนว่าไปวางไว้บนโต๊ะอาหาร ขณะที่รพีเองก็เสริมให้บลินดาได้เจ็บใจเล่น
“ใช่ครับ ผมไปเฝ้ามนทำกับข้าวมา ชิมมาแล้วด้วยฮะ ยืนยันได้ว่าอร่อยชัวร์”
บลินดานั่งหมั่นไส้รพีและมนชยาที่ยังมีหน้ามาเล่าว่าไปนั่งเฝ้าให้หล่อนได้ช้ำใจเล่น
“จ้ะ แม่เชื่อ ว่าหนูมนทำอร่อยจริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ทานกันเลยดีกว่าฮะ ผมชักหิว” บลินดาทำตาโตเมื่อชายหนุ่มบอกว่าหิว หญิงสาวรีบลุกขึ้นโดยลืมไปว่าข้อเท้าของหล่อนยังไม่หายดี จึงทำให้ล้มลงไปอย่างแรงสะโพกผายกระแทกกับพื้นกระดานดังตึง
เป็นเหตุให้รพีชะงักเท้าที่กำลังเดินเข้าครัวอย่างกะทันหัน และเกือบจะวิ่งเข้ามาประคองถ้ามารดาของเขาไม่ถลาเข้ามาพยุงหญิงสาวเสียก่อน
“ตายแล้ว หนูดา เป็นไงบ้างลูก”
บลินดาเจ็บแปลบร้าวไปทั้งข้อเท้า หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มอย่างตัดพ้อ
เขาทำให้หล่อนเจ็บแท้ๆ แต่กลับไม่เคยมีน้ำใจมาดูดำดูดีสักนิด ดูสิขนาดหล่อนล้มขนาดนี้ เขายังไม่เข้ามาดูเลย
“ดาเจ็บนิดหน่อยค่ะ ขอบคุณนะคะที่ห่วงดา แต่ไม่เป็นไรมากหรอกค่ะ” หญิงสาวน้ำตาคลอ พยายามพยุงตัวลุกขึ้น แต่ความเจ็บที่เพิ่มขึ้นทำให้หล่อนไม่สามารถขยับขาข้างที่เจ็บได้
บลินดาเม้มริมฝีปากแน่น ขณะที่ร่างผอมบางของมารดาก็ไม่สามารถรับน้ำหนักของหญิงสาวได้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงเดินเข้ามาพยุงหญิงสาวเสียเอง
“แม่ฮะ เดี๋ยวผมช่วยเองฮะ” นางผกามองหน้าหน้าบุตรชายอย่างช่างใจพลางมองไปยังมนชยาที่ยืนมองนิ่งอยู่ข้างหลัง ก่อนจะปล่อยหญิงสาวให้บุตรชายประคองให้ลุกขึ้น
“คุณจะไปไหน” รพีกระซิบถามหญิงสาวขณะที่บลินดาเหลือบตาขึ้นมองเขาแวบหนึ่งก่อนจะตอบเสียงแผ่วออกไป
“ก็พี่พีบอกว่าหิว ดาก็เลยจะไปตั้งโต๊ะไงคะ” คำตอบพร้อมกับแววตาที่ช้อนขึ้นมองเขาอย่างตัดพ้อ น้อยใจ ทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างพูดไม่ออก
มนชยายืนมองหญิงสาวแปลกหน้าอย่างไม่ค่อยพอใจนัก และกำลังคิดว่าคนสวยคนนั้นกำลังเล่นละครตบตามากกว่า คงจะเห็นว่ารพีไม่สนใจจึงอยากจะเรียกร้องความสนใจของเขา
ยิ่งไม่พอใจมากขึ้นเมื่อร่างบางอวบอิ่มของบลินดาทำท่าทรุดลงไปอีกเมื่อชายหนุ่มพยุงให้ยืนขึ้น และเมื่อหญิงสาวยืนเองไม่ได้รพีจึงจำเป็นต้องตวัดร่างบางขึ้นมาไว้ในออมแขนอย่างจำใจ ชายหนุ่มสบตามารดาอย่างขอโทษ ก่อนจะมองเลยไปยังมนชยาที่ดูจะหน้าตึงขึ้นทุกที
รพีวางหญิงสาวลงบนเก้าอี้ตัวแรกที่เขาพามาถึง แล้วบอกให้หญิงสาวนั่งนิ่งๆ
“คุณนั่งเฉยๆ เถอะนะ เดี๋ยวผมกับแม่จะหาให้เอง ตัวเองยังเอาไม่รอดเลย”
รพีไม่วายค่อนขอดหญิงสาว แต่หล่อนก็ยังรู้สึกดีแกมสะใจที่ชายหนุ่มอุ้มหล่อนมานั่งที่โต๊ะอาหาร ในขณะที่มนชยามองมาอย่างไม่พอใจนัก
“พีตักต้มยำกุ้งในหมอมาด้วยนะลูก หนูดาอุตส่าห์เข้าครัวทำไว้รอลูกเลยนะ” รพีชะงักมือที่กำลังจะตักต้มลง ตาคมเหลือบมองหญิงสาวที่ยิ้มให้เขาอย่างภูมิใจในฝีมือของตนเอง แต่เขายังไม่แน่ใจว่าจะกินของหล่อนดีหรือไม่ดี
“ป้าคะ ลองแกงเลียงของมนดูสิคะ” มนชยาตักแกงเลียงใส่จานนางผกาอย่างเอาใจ ขณะที่หันไปตักต้มข่าไก่ใส่จานชายหนุ่มที่นั่งข้าง เว้นแต่บลินดาที่หล่อนไม่คิดจะตักให้
“อร่อยจ้ะ หนูมนนี่ฝีมือดีจริง”
“ใช่ฮะแม่ ต้มข่าไก่ก็อร่อย” บลินดานั่งมองคนนั้นทีคนนี้ที ก่อนจะเอื้อมมือไปตักต้มยำกุ้งของตนเองที่ดูจะเป็นหมัน เพราะไม่มีใครยอมแตะ คงมัวแต่หลงอาหารรสชาติเลิศรสของมนชยากันหมด
นางผกาหันไปเห็นบลินดาที่นั่งเงียบ เหงาหงอย รับประทานข้าวกับต้มยำฝีมือตัวเองอย่างเงียบเชียบ ก็พาให้นึกสงสารก่อนจะเอื้อมไปตักต้มยำที่หญิงสาวตั้งใจทำเต็มที่ มาใส่จานตนเองแล้วเอ่ยชมออกมาอย่างจริงใจ
“อืม อร่อยใช้ได้นี่จ๊ะ ตาพีลองชิมต้มยำน้องสิลูก ลองสิจ๊ะหนูมน ใช้ได้เชียว นี่ขนาดหัดทำครั้งแรกนะ”