๔.๑
“นี่คุณ จะตามผมมาทำไมไม่ทราบ” รพีเอ่ยถามอย่างหมดความอดทนเมื่ออีกฝ่ายตามติดไม่ลดละ
“อยากตามก็ตาม ไม่มีเหตุผล”
คำตอบกวนโทสะทำให้เจ้าบ้านหนุ่มถอนหายใจแสดงความเหนื่อยหน่ายออกมาอย่างไม่คิดปิดบัง พลางคิดว่าจะทำยังไงกับผู้หญิงบ้าตรงหน้าดี ดูแต่งเนื้อแต่งตัวอย่างกับว่าจะไปยั่วใครยังงั้น ทุเรศลูกกะตา!
เขาบอกตนเองเช่นนั้น แต่ลึกลงไปกลับรู้สึกหวั่นไหวแปลกๆ
“นี่ขอโทษนะครับ ผมจะเข้าห้องแต่งตัว ไม่ทราบว่าคุณจะเข้ามาหาอะไร พ่อแม่ไม่เคยสั่งสอนเหรอว่าให้ระวังตัวเมื่ออยู่ใกล้ผู้ชายน่ะ”
บลินดาทำตาโต พวงแก้มแดงก่ำด้วยความอับอาย แต่ความต้องการเอาชนะเขามีมากกว่า!
“สอน แต่ฉันไม่อยากจำ! มีอะไรไหม”
รพีกลอกตาอย่างละเหี่ยใจ เอือมระอา เอากับหล่อนสิ เถียงคำไม่ตกฟาก ยั่วโมโหเก่งเป็นที่หนึ่ง คนนุ่งเพียงผ้าขาวม้าคิดอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะก้มลงตอบไปแบบที่คนฟังแทบอยากจะผูกคอตาย!
“งั้นเหรอ แต่ผมจำนะ แม่ผมบอกว่าเดี๋ยวเนี้ยผู้ชายไม่ต้องวิ่งตามผู้หญิงเหมือนเมื่อก่อน เพราะผู้หญิงมีมากกว่าผู้ชาย เลือกได้สบายๆ แล้วถ้าจะมีเมียสักคน ก็ต้องดูดีๆ ผู้หญิงประเภทหน้าด้านหน้าทน ผู้ชายเขาไล่แล้วก็ยังไม่ไปนี่ต้องระวังให้มาก โดยเฉพาะพวกที่พูดหน้าตาเฉยว่าเป็นแฟนโดยที่ผู้ชายเขาไม่เคยสนใจนี่ต้องคิดให้หนัก ผู้หญิงแบบนี้นะ โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ชายมันแค่เก็บเอาไว้ฟัน แต่ไม่มีใครคิดอยากเอามาทำพันธุ์หรอก คุณล่ะ เป็นผู้หญิงแบบไหน”
บลินดาอ้าปากค้าง ร้าวไปทั้งอก ร้อนไปทั้งหน้า เกือบจะกรี๊ดออกมาถ้าเขาไม่ห้ามเอาไว้เสียก่อน
“อย่าน่ะ! อย่ามากรี๊ดกร๊าดแถวนี้ ถ้าอยากจะทำตัวเหมือนคนบ้าก็ไปที่อื่น ไม่ใช่ที่นี่ ถอย ผมจะเข้าห้อง!”
พูดจบเขาก็ผลักหญิงสาวให้พ้นทาง แต่ความโกรธที่อีกฝ่ายว่าหล่อนเสียๆ หายๆ ทำให้หญิงสาวไม่ยอมถอยง่ายๆ หล่อนคิดว่าเป็นไงเป็นกัน ยังไงครั้งนี้หล่อนจะต้องสยบผู้ชายคนนี้ให้หมอบราบคาบแก้วให้ได้!
ดังนั้นร่างบางจึงกระโจนเข้าไปในห้องของชายหนุ่ม ทำให้ความอดทนอดกลั้นของรพีขาดผึง เขาไม่อยากทำร้ายผู้หญิงและไม่เคยทำร้ายมาก่อน แต่หล่อนก็ยั่วโมโหเขาเหลือเกิน!
“ออกมา”
“ไม่! ฉันไม่ออก” รพีนับหนึ่งถึงสิบในใจ แล้วกัดฟันบอก
“ผมบอกว่าให้ออกมาเดี๋ยวนี้! ถ้าคุณไม่ออก ก็อย่าหาว่าผมไม่เตือน” ดวงตาที่วาววาบเข้มจัดของชายหนุ่มแสดงความโกรธออกมาอย่างไม่ปิดบัง จนหญิงสาวรู้สึกหวั่นใจแต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือคิดว่าอย่างไร รพีก็ไม่มีวันทำร้ายหล่อน...
“ไม่! ฉัน-ไม่-ออก กรี๊ดดด”
ไม่ทันขาดคำ บลินดาต้องกรีดร้องอย่างตกใจ เมื่อถูกกระชากที่เดียวก็ปลิวหวือออกมาจากห้องชายหนุ่มแทบไม่ทัน แรงเหวี่ยงทำให้ร่างบางล้มกลิ้งลงไปกับพื้นกระดาน นั่งจุกจนร้องไม่ออก ขณะที่คนกระทำก็หันกลับเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว ไม่หันกลับไปมองอีก...
บลินดาก้มลงจับข้อเท้าที่ยอกแปลบ ใบหน้างดงามเหยเกหล่อนถูกเหวี่ยงจนล้มทับตัวเอง เจ็บปวดกายไม่เท่าเจ็บที่ใจ เขาใจร้ายนัก ทำร้ายหล่อนแล้วไม่หันกลับมาดูสักนิด ริมฝีปากบางสั่นระริก น้ำตาหยดลงมาอย่างร้าวรานใจ
“คนบ้า คนเลว ใจร้าย ฮือๆ คอยดูนะ ฉันจะฟ้องแม่นาย” บลินดานั่งอยู่อย่างนั้นด้วยอาการจุกและลุกไม่ขึ้น ขณะเดียวกันชายหนุ่มเองโกรธจนหน้ามืด จึงเผลอไผลทำในสิ่งที่ไม่เคยทำกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน แต่สมควรแล้ว ใครใช้ให้หล่อนดื้อด้านไม่เข้าเรื่องเองล่ะ
เขาพยายามหาเหตุผลเข้าข้างตนเอง ทว่าใจหนึ่งก็นึกเป็นห่วงไม่รู้จะช้ำในหรือเปล่า รพีสะบัดหน้า หันกลับไปเปิดตู้เสื้อผ้าดึงออกมาใส่ด้วยความรู้สึกหงุดหงิด ไม่สบายใจ
บลินดาเช็ดน้ำตาอย่างโกรธๆ เขาเห็นหล่อนเป็นอะไร คำก็ด่า สองคำก็ทำร้าย ผู้ชายเฮงซวย ซังกะบ๊วย ไม่รู้ทำไมหล่อนต้องมาชอบเขาด้วย! พลันหัวใจดวงน้อยกระตุกวาบเมื่อรับรู้ความจริงที่หล่อนคิดมาตลอด บ้าๆๆ ผู้ชายดีๆ ตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมต้องเป็นนาย
บลินดาไม่เข้าใจตัวเองสักนิดที่คิดชอบเขา ความจริงหล่อนรู้ตัวมานานว่าชอบเขาตั้งแต่ที่พบหน้าครั้งแรก แต่เขากลับมองว่าหล่อนเป็นพวกชอบโปรยเสน่ห์ ก็มันช่วยไม่ได้นี่ ผู้ชายพวกนั้นต่างหากที่มาชอบหล่อนเอง หล่อนไม่ได้ตื้อให้ชอบซะหน่อย มีแต่เขาคนเดียวนั่นแหละที่หล่อนลงทุนตื้อ...
แต่เขาก็ใจแข็งน่าดู หล่อนอุตส่าห์ยั่วก็แล้วอะไรก็แล้ว เขายังไม่สนใจ และไหนจะตอนที่เขาเรียนจบ หล่อนก็อุตส่าห์เลือกของขวัญเป็นเสื้อตัวสวยด้วยความตั้งใจ นำไปมอบให้แต่เขากลับเอามันไปให้รุ่นน้องหน้าตาเฉย
ครั้งนั้นหล่อนเสียใจร้องไห้ไปหลายวัน แต่ยังไม่หมดความพยายาม หล่อนเรียกร้องความสนใจจากเขาโดยการโปรยเสน่ห์ชายคนอื่น ซึ่งก็ได้ผลดี หนุ่มๆ เหล่านั้นติดกับหล่อนหมด ยกเว้นเขาเท่านั้นที่นอกจากจะไม่เสียดายหล่อนสักนิด ยังตำหนิซึ่งหน้าหาว่าเป็นผู้หญิงไม่มียางบ้างละ เป็นพวกขาดความอบอุ่นบ้างละ
คำพูดของเขาแสบๆ ทั้งนั้น หล่อนเข็ดไม่ยุ่งกับเขาเป็นปี แต่ก็ไม่เคยที่จะไม่คิดถึงเลยสักครั้ง จนมาคราวนี้เมื่ออรพรรณชวนให้มาเที่ยวบ้านเกิด หล่อนรับปากทันทีอย่างไม่ต้องคิดมาก เพราะลึกๆ หญิงสาวอยากเจอหน้าเขาอีกสักครั้ง ผู้ชายปากจัดคนนี้...
รพีออกมาจากห้องพร้อมกับล็อกกุญแจเรียบร้อย แต่พอหันกลับมาก็พบว่า บลินดายังอยู่ที่เดิม ชุดเดิม นั่งท่าเดิม แต่มือของหล่อนกำอยู่ที่ข้อเท้า ใบหน้าซีดเผือดดูแล้วน่าสงสาร ถ้าเขาไม่รู้จักหล่อน!
“เป็นอะไร แค่นี้ทำเป็นเจ็บ ลุกขึ้นไปแต่งตัวได้แล้ว ผมจะไปทำงาน แม่ก็ไม่อยู่ด้วย” ชายหนุ่มพูดพลางมองคนที่ยังนั่งเฉย ทำหูทวนลม จึงถอนหายใจก่อนจะบอกซ้ำ
“เอ้า! เร็วสิคุณ หรือจะอยู่ตรงนี้ ถ้างั้นก็อยู่ไปนะ ผมไปละ ออกไปเมื่อไรก็ปิดบ้านให้ด้วยแล้วกัน”