ตอนที่3 ตามเฝ้าดู

1275 Words
"ก็ได้! ไม่ซื้อก็ได้ ลืมไปว่าแค่งานอดิเรกลูกคนรวย พอใจก็ขาย ไม่พอใจก็ไม่ขาย" พิงกระแนะกระแหนคนตรงหน้าด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่ากำลังโกรธ "คุณกำลังดูหมิ่นดูแคลนฉันนะคะ นี่มันคืออาชีพของฉัน แล้วมันก็เลี้ยงปากเลี้ยงท้องของใครอีกหลายๆคนด้วย" "ถ้างั้นก็ขายขนมให้ผมซะ" "คุณจะซื้อไปทำไมคะ" "ถามขนาดนี้มาเป็นเมียผมเลยดีกว่ามั้ย?" "นี่คุณ!" คำพูดโจ่งแจ้งของพิงทำให้หม่อมหลวงสรันตรีไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูด อีกทั้งยังรู้สึกอายคนอื่นๆที่กำลังมองมายังเธอและเขา "คุณพิงครับ ใกล้ถึงเวลานัดหมายที่บ้านเด็กกำพร้าแล้วครับ วันนี้รถติดมากด้วย" คนขับรถของพิงเดินเข้ามาหาชายหนุ่ม "ร้านนี้เขาไม่ขายขนม ไปหาร้านอื่น" พิงหมุนตัวหมายจะเดินออกไป ทว่า... "เดี๋ยว ถ้าจะเอาไปให้เด็กกำพร้า ฉันแบ่งให้คุณครึ่งหนึ่งโดยไม่คิดตังค์" ใบหน้าสวยฉีกยิ้มกว้างอย่างลืมตัวเมื่อรู้จุดประสงค์ที่แท้จริง "แต่ผมก็ต้องจ่ายให้คุณอยู่ดี" "คุณพูดเองไม่ใช่หรือคะ ว่าแค่งานอดิเรกลูกคนรวย เพราะฉะนั้นคิดซะว่าฉันฝากขนมให้เด็กๆ" ด้วยความที่เป็นคนคิดบวกจึงทำให้หญิงสาวไม่ติดใจเรื่องที่เธอทะเลาะกับเขาเมื่อครู่ "ก็ได้ เอาไว้ผมจะตอบแทนคุณด้วยการเลี้ยงข้าวก็แล้วกัน" คำพูดที่แฝงความหมายมากกว่าการตอบแทนที่เขาว่านั้น ส่งผลให้พวงแก้มใสของหม่อมหลวงสรันตรีกลายเป็นสีแดงระเรื่อ เธอนึกย้อนกลับไปตอนที่ยังไม่ได้รู้จักนิสัยใจคอของพิง 'เราก็แค่เคยแอบปลื้มความหล่อผู้ชายนี้ แต่ตอนนี้ห้ามรู้สึกแบบนั้นเด็ดขาด!" เธอคิดในใจ 'ตกลงจะหยิ่ง จะร้าย หรือจะดี น่าสับสนจริง' พิงคิดในใจก่อนจะละสายตาจากใบหน้าสวยตรงหน้าและเดินออกไปขึ้นรถ ในขณะเดียวกันก็มีบุรุษคนหนึ่งขับรถมาจอดท้ายรถของพิง เขาอยู่ในชุดเครื่องแบบติดยศพันตำรวจโท พิงรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาแต่ก็ได้เพียงยืนมองบุรุษผู้นั้นเดินเข้าไปในร้านขนม "ขนมได้แล้วครับ คุณพิงจะเอาไปเองหรือเปล่าครับ" คนขับรถเดินออกจากร้านขนมมารายงาน "ของคุณแม่ก็ให้คนของคุณแม่มารับไปสิ!" พิงตอบเสียงดุ "อ้าว ก็เห็นคุณพิงอาสามาซื้อขนมเอง ผมก็นึกว่าอยากเอาไปให้เด็กๆเองนี่ครับ " คุณขับได้แต่งวยงงกับท่าทีของเจ้านายหนุ่ม "พูดมาก!" พิงปลายตามองคนขับรถอย่างไม่สบอารมณ์ ร่างสูงก้าวขึ้นไปนั่งในรถด้วยความหงุดหงิดใจ คนรับรถจึงรีบวิ่งไปนั่งประจำตำแหน่งเพราะรู้จักนิสัยดุร้ายของเจ้านายดี เขาเคยไล่คนขับรถออกโทษฐานที่พาไปถึงที่ทำงานช้ามาหลายคนแล้ว "เดี๋ยวจอดตรงนี้ก่อน" หลังจากออกรถมาได้ยังไม่ถึงร้อยเมตร พิงก็บอกให้คนขับรถจอดริมทางซึ่งอยู่ไม่ห่างจากร้านขนมหวานคุณฟามากนัก เขาได้แต่มองกระจกหลังราวกับกำลังรอใครคนหนึ่ง แต่คนขับรถก็ไม่กล้าถามอะไรและได้แต่นั่งเงียบๆ "พี่ดริส" น้ำเสียงใสๆเรียก พันตำรวจโท ดริส ดำรงค์กุล ผู้มาเยือนด้วยความดีใจ "เด็กปีสี่ต้องทั้งเรียนและขายของหนักขนาดนี้หรือครับ" ชายหนุ่มยิ้มให้คนตรงหน้าด้วยแววตาภาคภูมิใจ "ก็ทำเท่าที่จะทำได้ค่ะ ดีกว่าไม่มีอะไรทำ อีกอย่างฟาหาเงินเองได้เป็นกอบเป็นกำโดยที่ไม่ต้องเงินพ่อเลยนะคะ" เธอเล่าให้เขาฟังด้วยความภาคภูมิใจ "แล้วโรงแรมขนาดใหญ่และโด่งดังกว่าสิบสาขาทั่วประเทศ ไหนจะอสังหาริมทรัพย์มูลค่าหมื่นๆล้านใครจะดูแลล่ะครับถ้าฟามัวแต่ทำขนม" คนตั้งคำถามยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างมีเลศนัย "พี่ดริสก็มาดูแลให้พ่อสิคะ" เธอพูดจบก็เดินไปหยิบกระเป๋าถือใบเล็กของตนเองซึ่งวางอยู่บนโต๊ะในเคาร์เตอร์แคชเชียร์และเดินกลับออกมาหาชายหนุ่ม "พูดแบบเมื่อครู่แปลว่าฟากำลังจีบพี่เป็นแฟนอยู่หรือเปล่าครับ" ใบหน้าสวยหันขวับมาสบตาคนข้างกาย "จีบ? ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ คุณพ่อคุณแม่ของพี่ดริสก็ถือหุ้นอยู่ตั้งเยอะ ฟาหมายถึงพี่ดริสก็มาช่วยฟาดูไงคะ" เธอหลบสายตาอันร้อนแรงของนายตำรวจหนุ่ม เขาเปิดประตูร้านให้เธอและเดินตรงมาเปิดประตูรถให้เธอด้วย "ถ้างั้น...เราคบกันเป็นแฟนดีมั้ยครับ" ดริสคอยรับคอยส่งหม่อมหลวงสรันตรีมานาน และวันนี้เป็นวันที่เขาเฝ้ารอมานาน กว่าจะพูดคำๆนี้ออกมาได้มันต้องหาโอกาสที่ประจวบเหมาะจริงๆ "พี่ดริส...ฟา...เอ่อ..." หญิงสาวอ้ำอึ้งไม่กล้าสบตาเขา "ยังไม่ต้องตอบตอนนี้ก็ได้ครับ พี่ให้เวลาฟาแบบไม่มีกำหนดเลย พร้อมเมื่อไหร่ก็บอกพี่มาเท่านั้นเองครับ" ดริสมอบความสบายใจและอบอุ่นใจให้เธอเสมอ หญิงสาวส่งยิ้มให้เขาก่อนจะก้าวเข้าไปในรถและขับออกไปทันที 'ที่แท้ก็เป็นเมียไอ้ตำรวจคนนี้หรอกหรอ ไม่น่าล่ะวันนั้นถึงได้ซื้อถุงยางอนามัย หึ!' พิงคิดในใจและเหยียดยิ้มมุมปากอย่างไม่สบอารมณ์ บริษัทการไฟฟ้าจำกัดมหาชน พิงเดินออกจากลิฟท์ชั้นผู้บริหารและตรงดิ่งไปยังห้องทำงานของตนเองทันที อันนาเห็นสีหน้ของชายหนุ่มก็รู้ดีว่าเขาจะต้องอารมณ์เสียเรื่องใดเรื่องหนึ่งมาเป็นแน่จึงไม่อยากเข้าไปหา "ที่โดนปฏิเสธการแต่งงานคงจะดีใจมากสินะ!" พิงถีบเก้าอี้ของตนชนกับโต๊ะทำงานเสียงดังเป็นการระบายอารมณ์ "ทำไมกูต้องหงุดหงิดด้วยวะ! โธ่เอ๊ย!" มือหนายกขึ้นมากุมขมับเป็นการเรียกสติ เขากำลังสับสนกับอารมณ์ของตนเอง 'ก๊อกๆๆ' "เชิญ!" พิงตอบกลับเสียงดุดันเพราะคิดว่าเป็นเลขาหรือพนักงานคนอื่นๆ "พราวเองค่ะ" พราวตะวันเปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าหวาดหวั่นต่อเสียงตอบรับเมื่อครู่ "อ้าว ขอโทษครับ" พิงเห็นพี่สะใภ้วัยสิบแปดปีเดินเข้ามาจึงพยายามปรับเปลี่ยนสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด "พราวรบกวนเวลางานคุณหรือเปล่าคะ" "ไม่ครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ" "คุณแม่ท่านบอกว่าคุณพิงไม่รับสาย ท่านกำลังคัดเลือกรายชื่อแขกที่จะเชิญมาร่วมงานวันเกิดของคุณพิงในสัปดาห์หน้า" "จัดงานวันเกิดเป็นเด็กๆไปได้" พิงพูดแทรกขึ้นพลางส่ายหน้าเบาๆให้กับความคิดของมารดา "ความจริงพราวจะมาขออนุญาตเชิญพี่ฟามาร่วมงานด้วยในฐานะพี่สาวของพราว แต่ถ้าคุณพิงไม่อยากจัดเดี๋ยวพราวจะบอกคุณแม่ให้ยกเลิกจัดงานวันเกิดให้นะคะ" เขาหันขวับมามองพี่สะใภ้เมื่อได้ยินชื่อของหม่อมหลวงสรันตรี "ไม่ต้อง ไม่ต้องยกเลิกหรอกครับ จัดตามที่คุณแม่ต้องการนั่นแหละ แล้วก็...เชิญพี่สาวคุณพราวมาด้วยนะครับ" พราวตะวันฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอกล่าวขอบคุณพิงด้วยความดีใจและเดินออกจากห้องทำงานของเขาไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD