มีรถเก๋งสีดำคันหรูจอดเทียบที่หน้าร้าน พอร่างสูงคุ้นตาเปิดประตูลงมาจากรถ ตาหวานที่หันไปมองทางประตูร้านเห็นเข้าพอดี เด็กน้อยจึงรีบหันไปบอกอารักของเธอว่า
“อารักขา... ลุงหมอมาค่ะ”
แสนรักถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะเธอรู้ว่าลุงหมอของตาหวานคือใคร
เขาคือนายแพทย์มาวิน 32 ปี ลูกชายของคุณหมอวินัยกับคุณมะลิ ตอนนี้คุณหมอวินัยเกษียณแล้ว ท่านกับภรรยาพักอาศัยอยู่ที่บ้านในตัวจังหวัด โดยมีลูกสาวคนโตกับลูกเขยและหลาน ๆ พักอยู่ด้วย ส่วนหมอวิน... ลูกชายคนเล็กพักอยู่บ้านพักแพทย์ของโรงพยาบาลในตัวอำเภอนี้แหละ โรงพยาบาลเดียวกันกับที่เธอเพิ่งมาทำงานตำแหน่งพยาบาลได้เพียงสองเดือน
ถามว่าทำไมเธอถึงรู้จักประวัติเขาดีขนาดนี้น่ะเหรอ ก็เพราะคุณหมอมาวินคือคุณหมอหนุ่มโสดที่เนื้อหอมที่สุดในโรงพยาบาล ใคร ๆ ต่างก็พูดถึงเขา และรู้จักเขาทั้งนั้น
แสนรักถอนหายใจเฮือกใหญ่ ปั้นหน้ายิ้มรับลูกค้า
พอเสียงกระดิ่งที่ติดอยู่กับบานประตูหน้าร้านดังขึ้น ร่างสูงก้าวเข้ามาในร้าน พนักงานต้อนรับตัวน้อยก็ประนมมือไหว้ พร้อมกับกล่าวทักทายเสียงใส
“สวัสดีค่ะลุงหมอ”
“สวัสดีครับตาหวาน วันนี้ไม่ได้ไปโรงเรียนหรือครับ”
“วันนี้คุณครูบอกให้หยุดค่ะ หยุดกันทั้งโรงเรียนเลย”
“ก็เลยมาช่วยคุณแม่ทำงานที่ร้านหรือครับ”
“วันนี้หม่ามี้ไม่อยู่ร้านค่ะ หนูมาช่วยอารักทำงาน อารักมาดูแลร้านแทนหม่ามี้ ลุงหมอมาซื้อกาแฟใช่ไหมคะ รับอะไรดีคะ หนูจะไปบอกอารักทำให้ค่ะ”
“เอาเหมือนเดิมครับ”
“ได้ค่ะ”
แม่ค้าตัวน้อยไปยืนที่หน้าเคาน์เตอร์
“อารักขา... ลุงหมอเอาเหมือนเดิมค่ะ”
แสนรักขมวดคิ้วมุ่น เพราะแม้ว่าเธอจะเคยมาเฝ้าร้านให้พี่สะใภ้หลายครั้งแล้ว แต่เธอไม่เคยเจอเขาที่นี่ เธอเลยไม่รู้ว่าเหมือนเดิมของเขาคืออะไร
“เหมือนเดิมของลุงหมอคืออะไรคะ”
แสนรักถามหลานสาว เพราะคิดว่าตาหวานน่าจะรู้
“หนูก็ไม่รู้ค่ะ” ตาหวานตอบแล้วยิ้มแหย
“เหมือนเดิมคืออเมริกาโน่ร้อนแก้วใหญ่ครับ”
คุณหมอวินตอบเสียงเข้ม
“อ๋อ... ค่ะ ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ”
“ทีหลังถ้าไม่ทราบ คุณควรถามลูกค้าโดยตรงนะครับ”
แสนรักเม้มปาก มองหน้าคุณหมอหนุ่มอย่างไม่พอใจเท่าไรนัก เธอถามตาหวานเพราะคิดว่าหลานอาจจะรู้ พอตาหวานบอกไม่รู้ เธอกำลังจะหันไปถามเขาพอดี แต่เขาก็ตอบมาก่อน เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องทำเสียงดุใส่เธอเลย
“ร้านหม่ามี้ของตาหวานจะรอดไหมครับวันนี้”
“รอดสิคะ อารักของหนูเก่ง อารักทำได้ทุกอย่าง”
หลานสาวตัวน้อยยกยอปอปั้นคุณอาสุดที่รักเต็มที่
“ตาหวานก็เก่งครับ”
คนถูกลุงหมอชมยิ้มหวานสดใส
“ลุงหมอก็เก่งค่ะ ลุงหมอทำให้ตาตั้มหายเป็นไข้”
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วตาตั้มเป็นไข้ตัวร้อน หม่ามี้กับปะป๋าพาตาตั้มไปรักษากับลุงหมอ หลังจากนั้นแค่สองวัน ตาตั้มก็ไม่ตัวร้อนแล้ว
“สรุปเราสองคนเก่งเท่ากันนะครับ”
“ให้อารักเก่งเหมือนเราสองคนได้ไหมคะ”
ลุงหมอของตาหวานหันไปมองหน้าแม่ค้าจำเป็น เขายิ้มว่างเปล่า ยิ้มไร้ความหมาย แสนรักได้แต่คิดในใจว่า ยิ้มธุรกิจขนาดนี้ วันหลังไม่ต้องยิ้มก็ได้
“ตาหวานเชิญลุงหมอไปนั่งรอก่อนนะคะ”
“ค่ะ” รับคำคุณอาแล้ว ก็หันไปบอกลุงหมอว่า “ลุงหมอนั่งตรงนี้ก่อนนะคะ”
ตาหวานเดินไปเลื่อนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้เคาน์เตอร์
“ขอบคุณครับ” คุณหมอวินนั่งรออยู่เงียบ ๆ
เมื่อลูกค้านั่งลงแล้ว ตาหวานก็กลับไปนั่งที่เก้าอี้ติดประตูหน้าร้าน เพื่อรอทำหน้าที่พนักงานต้อนรับต่อ
แสนรักบอกตัวเองให้ใจเย็น ๆ เธอพยายามทำจิตใจให้สงบ และลงมือทำเมนูเหมือนเดิมให้ลุงหมอของตาหวาน แต่ความไม่ถูกชะตา ความหมั่นไส้ และเสียงในหัวก็บอกเธอว่า ควรแกล้งให้เขาแสบ ๆ คัน ๆ บ้าง มันน่าจะดี
... แล้วแสนรักก็แพ้เสียงในหัวตัวเอง เธอหยิบขวดเกลือป่นมาเทลงในแก้วกาแฟ ตอนแรกก็ว่าจะเทนิดเดียว แต่มือหนักไปหน่อย เลยใส่เยอะไปนิด แต่ก็ช่างสิ เขามาทำเสียงดุใส่เธอก่อนทำไม แล้วกาแฟแก้วนี้ เขาคงรอให้มันเย็นลงนิดหน่อย แล้วถึงจะดื่ม กว่าเขาจะดื่มและรู้ว่ามันเค็ม เขาก็คงขับรถไปไกลแล้ว เขาคงไม่ขับรถกลับมาต่อว่าเธอหรอก และถึงเขาจะลงทุนขับกลับมาต่อว่าเธอ เธอก็จะขอโทษ และบอกเขาไปว่า เธอเข้าใจผิดคิดว่ามันคือน้ำตาล
“อเมริกาโน่ร้อนแก้วใหญ่ ได้แล้วค่ะ”
แสนรักบอกพร้อมกับวางแก้วกาแฟสำหรับเดินทางลงบนเคาน์เตอร์ หมอมาวินลุกเดินไปสแกนโทรศัพท์จ่ายค่ากาแฟ แล้วหยิบแก้วกาแฟเดินไปทางประตู ตาหวานประนมมือไหว้และกล่าวคำขอบคุณลุงหมอ เขาพูดกับตาหวานอีกสองสามประโยคก็ออกจากร้านไป
แสนรักยิ้มเยาะคนที่จะได้ดื่มกาแฟเค็มปี๋ เธอมาเฝ้าร้านแค่วันเดียว พรุ่งนี้เขากลับมาก็ไม่เจอเธอแล้ว และถึงจะเจอกันที่โรงพยาบาล เธอจะหลบหน้าหลบตาเขาให้ได้นานที่สุด ผ่านไปไม่กี่วัน เขาก็คงลืม เพราะคุณหมอวินงานเยอะจะตาย
“อารักขา หนูขอไปหายายทวดได้ไหมคะ”
แม่ค้าตัวน้อยอยู่ในร้านมาทั้งวันก็ชักเบื่อ อยากจะหาเรื่องออกไปวิ่งเล่น