Chapter 3
ทันทีที่รู้สักตัว ความเจ็บปวดจากทุกทิศทางก็พุ่งเข้าใส่จนชายที่อยู่ในชุดคนไข้ซึ่งตอนนี้นอนอยู่บนเตียงเกิดอาการกระสับกระส่าย ภาพในหัวค่อนข้างเลือนรางจนปะติดปะต่อเรื่องราวอะไรแทบไม่ได้ ก่อนจะยกมือขึ้นไขว่คว้าในอากาศพร้อมกับเสียงพูดที่แหบแห้ง
“ไม่...ออกไป อย่า” เสียงที่ได้ยินทำให้คนเฝ้าอย่างปริญญ์รีบรุดมาดูทันที พอเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่แสดงออกว่ากำลังเจ็บปวดก็รู้สึกเหมือนมีอะไรทิ่มแทงความรู้สึก
เพราะทุกครั้งที่มาอยู่เฝ้าไข้เวลาส่วนใหญ่ของเขามักจะหมดไปกับการนั่งมองคนไม่ได้สติและรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก รวมถึงอยากรู้ว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นกับตุลย์กันแน่ ทำไมถึงได้บาดเจ็บหนักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดแบบนั้น
คนบนเตียงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองเพดานสีขาว กะพริบตาสองสามครั้งเพื่อให้ปรับกับแสงสว่างรอบๆ ตัวได้มากขึ้น สายน้ำเกลือและถุงน้ำเกลือที่ห้อยอยู่ข้างๆ บ่งบอกว่าตอนนี้ตัวเขาอยู่ที่ไหน มันไม่ใช่สวรรค์และนรกอย่างแน่นอน
“รู้สึกตัวแล้วเหรอ” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นข้างเตียงทำให้ตุลย์ค่อยๆ หันไปมอง เขาจึงได้สบตากับชายหนุ่มที่เวลานี้ยืนอยู่ข้างเตียงคนไข้
ทำไมถึงรู้สึกคุ้นหน้าเหมือนเคยเจอที่ไหนกันมาก่อน แต่แม้จะพยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ส่งผลให้รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาตรงศีรษะจนนิ่วหน้า รวมถึงเจ็บตรงลำตัวจนขยับไปไหนแทบไม่ได้
“เจ็บเหรอ”
“ครับ” ตุลย์เอ่ยรับสีหน้ายังคงซีดเผือด
“เดี๋ยวฉันไปเรียกหมอกับพยาบาลให้” เอ่ยบอกเสร็จปริญญ์ก็รีบเดินออกไปจากห้องทันที ตุลย์ได้แต่มองตามและพยายามคิดว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แต่ภาพก็ติดๆ ดับๆ สุดท้ายก็ต้องหยุดคิดเพราะความเจ็บปวดที่ยังคงพุ่งเข้าใส่
ไม่นานภายในห้องพักฟื้นก็เกิดความโกลาหลเล็กๆ และเมื่อคนไข้ไม่สามารถตอบคำถามของหมอได้ในบางข้อเขาจึงถูกส่งตัวไปตรวจเอ็มอาร์ไออย่างละเอียด และผลที่ได้มาก็ทำให้หมอเจ้าของไข้เครียดขึ้นมาทันที
“คุณหมอว่าอะไรนะครับ”
“ความทรงจำของคนไข้เหมือนจะขาดหายไปช่วงหนึ่งครับ” หมอเจ้าของไข้เอ่ยบอกปริญญ์ สีหน้ายังคงเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“ความทรงจำขาดหายไป”
“ครับ...ซึ่งสาเหตุหมอก็ยังให้คำตอบที่แน่ชัดไม่ได้ว่าเพราะอะไร อาจจะมาจากได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างหนักจนจิตใต้สำนึกของคนไข้สั่งให้ลืมเหตุการณ์บางช่วงเวลาไป โดยเฉพาะตอนที่เกิดอุบัติเหตุ”
“แบบนี้จะเป็นไปได้ไหมว่าคนที่ก่อเหตุคือคนใกล้ตัวคนไข้เสียเอง” ปริญญ์สันนิษฐานขึ้น
“หมอไม่สามารถให้คำตอบได้จริงๆ ครับ ญาติคงต้องปรึกษากับทางตำรวจดูอีกที”
“ครับ” ปริญญ์เอ่ยรับแล้วเดินกลับมายังห้องพักฟื้นของคนที่เขาได้ช่วยชีวิตไว้ นี่ถ้าไม่ได้ยินมาเองกับหูเขาไม่มีทางเชื่อแน่ว่าความทรงจำของคนเรามันจะหายไปได้แถมยังเลือกที่จะหายไปแค่บางช่วงอีกด้วย
“คุณเป็นใครหรือครับ” เมื่อเห็นหน้าปริญญ์ที่รู้จากพยาบาลว่าเขาคือคนที่อยู่เฝ้าไข้มาตลอด ตุลย์ก็เอ่ยถามขึ้น
“ฉันเป็นคนรักของนาย เป็นสามีที่รักนายมากที่สุด”
“อะไรนะครับ” ตุลย์อุทานออกมาอย่างตกใจ ทว่าอีกฝ่ายกลับส่งสายตาเว้าวอนจริงจังมาให้จนอดคิดไม่ได้ว่านี่คือเรื่องจริง
“ฉันเป็นคนรักของนาย เราสองคนรักกันมาก” ปริญญ์ยังคงย้ำความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตุลย์ ถ้าที่บ้านรู้ความจริงข้อนี้เขามีหวังว่าเขาได้ถูกลบชื่อออกจากกองมรดกแน่ แต่เขาก็ไม่เคยคิดอยากได้สมบัติที่ไม่ได้หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงพวกนั้นตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่หรือไง ไม่อย่างนั้นเขาคงเลือกเดินตามรอยเท้าของพ่อด้วยการขึ้นไปนั่งเก้าอี้ผู้บริหารไม่เดินออกมาเปิดธุรกิจของตัวเองอย่างที่ทำอยู่
แต่กว่าจะมีวันนี้เขาก็ตั้งต้นมาจากศูนย์ ล้มลุกคลุกคลานอยู่นานกว่าจะประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้และคนที่หยิบยื่นความช่วยเหลือให้ก็มีแต่บรรดาเพื่อนๆ เท่านั้น
ทว่าสิ่งที่ได้ยินกลับทำให้ตุลย์อึ้งจนนิ่งงันไป หากนี่เป็นเรื่องจริงทำไมเขาถึงจำอะไรเกี่ยวกับผู้ชายตรงหน้าไม่ได้เลย มันว่างเปล่าจนรู้สึกกลัว
“คุณบอกว่าเรารักกัน”
“ใช่” ปริญญ์ตอบรับอย่างหนักแน่น
“แต่ทำไมผมถึงจำคุณไม่ได้ จำไม่ได้แม้กระทั่งว่าเราเป็นคนรักกัน”
“ก็ไม่แปลกเพราะหมอบอกว่าความทรงจำของนายหายไปบางช่วงเวลา โดยเฉพาะสองปีหลังที่จำอะไรแทบไม่ได้เลย” ปริญญ์หยิบยกคำพูดของหมอมาสนับสนุนเพื่อทำให้คำพูดของเขานั้นหนักแน่นขึ้น
“แล้วเราคบกันมานานแค่ไหนแล้วครับ” ตุลย์เอ่ยถามพร้อมกับพยายามนึกไปด้วย ทว่ากลับรู้สึกเจ็บหัวจนต้องหยุดคิด
“ปีกับสามเดือน” คนปั้นน้ำเป็นตัวก็ยังปั้นต่อไปอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ก็นานอยู่ แล้วคุณมีอะไรมายืนยันบ้างไหมว่าเราสองคนเป็นคนรักกัน”
“ทำไมถึงยังฉลาดถามอีกนะ น่าจะลืมๆ มันไปด้วย” ปริญญ์บ่นพึมพำกับตัวเอง นั่นเพราะตอนนี้เขาไม่มีหลักฐานอะไรเลยจริงๆ ขืนเป็นแบบนี้ตุลย์ต้องไม่เชื่อที่เขาพูดแน่ ก่อนที่ความคิดหนึ่งจะแวบเข้ามาในหัว
“คุณจะทำอะไร” ตุลย์เอ่ยถามเมื่อเห็นปริญญ์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเขาไว้หลายต่อหลายรูป แต่เพียงแค่จะยกมือห้ามก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บร้าวไปทั้งตัว
“ถ่ายรูปนายไว้ไปเคลมกับบริษัทประกัน” ชายตรงหน้าโกหกหน้าตาย และก่อนที่ตุลย์จะได้ถามอะไรต่อ เสียงเปิดประตูห้องพักฟื้นก็เหมือนจะช่วยชีวิตของปริญญ์ไว้เสียก่อน
พยาบาลเข้ามาล้างแผลให้ตุลย์ ซึ่งปริญญ์ก็ใช้จังหวะนั้นเดินออกไปจากห้องแล้วคว้าโทรศัพท์มากดโทรออกไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนอีกคนหนึ่ง ซึ่งเก่งกาจเรื่องการทำโฟโต้ช้อป
แต่เมื่อพยาบาลทำแผลให้เสร็จแล้วปริญญ์กลับไม่ได้เข้าไปหาตุลย์ เพราะกลัวอีกฝ่ายขอดูหลักฐานนั่นเอง ซึ่งเขาจะเข้าไปก็ต่อเมื่อทุกอย่างมันพร้อมแล้วเท่านั้น