ตอนที่ 17 : จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ (2)

1360 Words
ขณะที่กลุ่มนักศึกษากำลังหัวเราะสนุกสนานอยู่หน้าเวที เสียงหัวเราะ เสียงแซว และบรรยากาศเบาใจของวันรับน้องกลับไม่สามารถกลบเสียงหัวใจของโม่โฉวที่กำลังเต้นแรงอย่างผิดจังหวะได้ และแล้ว... สายตาของสวีสิฮันก็สบเข้ากับใครบางคน เติ้งหนิงเฉิง เพียงแว้บเดียวที่เธอเห็นเขา เธอก็สะดุ้งเฮือก ราวกับถูกดึงกลับไปในอดีตบางอย่าง ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มของเธอก่อนหน้านั้น หายวับไปทันที ความร่าเริงเปลี่ยนเป็นความกังวลวูบหนึ่ง เธอกระซิบข้างหูรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างรวดเร็ว ก่อนจะสาวเท้าเดินพรวดตรงเข้ามาทางโม่โฉว โม่โฉวที่เห็นเธอเดินเข้ามา หัวใจแทบจะหลุดออกจากอกด้วยความดีใจ เขายิ้มออกมา...ยิ้มที่รอคอยมาเนิ่นนาน รอยยิ้มที่มีแววลุกพราวในแววตา ...แต่แล้ว... เธอกลับเดิน “ผ่าน” เขาไปโดยไม่แม้แต่จะชะงักมอง มือเล็กของเธอคว้าเข้าที่แขนของเติ้งหนิงเฉิง ดึงเขาออกจากกลุ่มเพื่อนด้วยความรวดเร็ว ไม่มีคำทัก ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีแม้แต่แววตาที่หันมามองโม่โฉวเลยสักเสี้ยววินาที บรรยากาศเงียบลงชั่วขณะ เพื่อน ๆ ที่อยู่รอบข้างต่างมองหน้ากันด้วยความตกใจ แม้แต่เติ้งหนิงเฉิงเองก็ดูอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะยอมเดินตามเธอออกไปเงียบ ๆ ...และในวินาทีนั้นเอง โม่โฉวยืนนิ่ง ยิ้มของเขาค้างอยู่บนใบหน้า ดวงตาที่เคยลุกวาวเต็มไปด้วยประกายแห่งความหวัง ค่อย ๆ ดับวูบลง เขามึนงง เขาไม่เข้าใจ เขาถามตัวเองซ้ำ ๆ “เกิดอะไรขึ้น...” “ทำไมเธอถึงทำเหมือนไม่รู้จักเขาเลย...” เขาคิดมาตลอดว่า...อย่างน้อยที่สุด วันนี้ เธอจะเดินเข้ามาขอโทษ ขอโทษที่ไม่ได้พูดกันเลยตั้งแต่เจอกัน ขอโทษที่ทำให้เขายืนรอหน้าบ้านอยู่ทุกวันโดยไม่รู้ว่าเธอสบายดีหรือเปล่า แต่...เธอกลับไม่แม้แต่จะ “มองเห็น” เขา หรือว่า... ตลอดเวลาที่ผ่านมา คนที่อยู่ในหัวใจของเธอไม่เคยเป็นเขาเลย แต่อาจจะเป็น...เติ้งหนิงเฉิง คนที่เธอเดินเข้าไปหาอย่างไม่ลังเล คนที่เธอลากออกไปคุยด้วยไกล ๆ เหมือนพวกเขารู้จักกัน “ดีมาก” ดีกว่าเขาเสียอีก... โม่โฉวกำแก้วไว้แน่น หัวใจเขาหนักอึ้ง และในความเงียบของฝูงชน เขารู้สึกเหมือนตัวเอง...กำลังกลายเป็นเพียง “คนแปลกหน้า” ณ บริเวณด้านหลังสวน...ไกลจากสายตาผู้คน เสียงจากซุ้มกิจกรรมเบาบางลง เหลือเพียงเสียงลมอ่อน ๆ และความเงียบที่กดดันหัวใจ “นายมาที่นี่ทำไม…” น้ำเสียงตึงเครียด รั้งแขนเขาไว้ “ก็แค่สอบติดที่นี่...เหมือนเธอไง” เติ้งหนิงเฉิงยักไหล่ สีหน้าสบาย ๆ แต่แฝงด้วยเจตนา “นายห้ามบอกเรื่องของฉันกับพ่อเด็ดขาดนะ ฉันขอร้อง!” สวีสิฮันรีบพูด น้ำเสียงร้อนรน “ทำไมจะบอกไม่ได้ล่ะ? เราก็ไม่ได้รักกันอยู่แล้วนี่ ถ้าฉันบอกกับคุณอา...ก็จบไง เธอกับฉันจะได้ไม่ต้องแต่งงานกันซะที สมหวังกันทั้งคู่” เติ้งหนิงเฉิง ยิ้มมุมปาก จ้องเธอด้วยสายตากึ่งเย้ยกึ่งเฉยชา “ฉันขอร้องเถอะหนิงเฉิง... อย่าบอกกับพ่อเลยนะ ได้โปรดเถอะ ฉันขอร้อง…” สวีสิฮัน เบิกตากว้าง ก่อนจะรีบทรุดลงคุกเข่า ร้องขอทั้งน้ำตาคลอ “ทำไมล่ะ? ก็เธอเริ่มเองนี่” เติ้งหนิงเฉิง เสียงต่ำลง แฝงด้วยความคับข้องใจ “ถ้านายบอกกับพ่อฉัน...นายจะต้องแต่งงานกับฉันแน่” สวีสิฮันเสียงสั่น แต่สายตาจริงจัง ก่อน น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย “และถ้าเรื่องมันเป็นแบบนั้น...นายคิดว่าฉันจะยอมอยู่เฉย ๆ งั้นเหรอ?” “…น่าสนใจดีนี่สิฮัน ฉันจะรอดูว่า...เธอจะดิ้นยังไงต่อไป” เติ้งหนิงเฉิง ชะงักไปเล็กน้อยก่อนเหยียดยิ้มบาง ๆ ก่อนที่เขาจะหันหลังเดินจากไป มือเรียวของสวีสิฮันก็รีบคว้าแขนเขาไว้แน่น “เดี๋ยว...” เธอกระซิบเบา ๆ ราวกับกลั้นลมหายใจ ก่อนที่เขาจะทันตั้งตัว เธอก็โน้มตัวเข้าไปจูบริมฝีปากเขาอย่างรวดเร็ว...จูบที่ไม่ใช่เพราะรัก...แต่เพื่อจงใจ ทันทีที่ริมฝีปากสัมผัสกัน เธอก็ยกมือถือขึ้นมา กดชัตเตอร์รัวเหมือนมืออาชีพที่กำลังเก็บหลักฐานสำคัญ มุมหนึ่ง...สอง...สาม...เธอไม่ให้พลาดแม้แต่ภาพเดียว “สวีสิฮัน!” เขาร้องออกมา ก่อนจะผลักเธอออกด้วยความตกใจและขุ่นเคือง แต่เธอกลับไม่สะทกสะท้าน...ตรงกันข้าม เธอยิ้มอย่างมีชัย ก่อนจะคว้าแขนเขาเอาไว้แน่น แล้วเดินเคียงข้างเขาออกมาจากตรงนั้น ทันทีที่ทั้งสองก้าวพ้นพุ่มไม้และเข้าสู่สายตาของนักศึกษาคนอื่น ภาพที่ทุกคนเห็นคือ...เติ้งหนิงเฉิงกับสวีสิฮันเดินเคียงกัน ราวกับ “คู่รักที่เพิ่งสารภาพรักกันสำเร็จ” เสียงฮือฮาดังขึ้นทันที เพื่อนบางคนก็ตบมือแซว บางคนก็โห่ร้องอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางเสียงนั้น โม่โฉวที่ยืนอยู่ไม่ไกล กลับเงียบงัน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน...และปวดร้าว ท่ามกลางเสียงเฮฮาจากเพื่อน ๆ ที่ยังไม่รู้เบื้องหลัง “รุ่นพี่” คนที่เพิ่งสารภาพรักกับสวีสิฮันบนเวที กำลังยืนตัวแข็ง อึ้งงันกับภาพเบื้องหน้า แววตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ...ความอับอายพุ่งแล่นขึ้นมาทันที เมื่อเห็นหญิงสาวที่เขาเพิ่งเปิดใจรัก เดินเคียงข้างชายหนุ่มอีกคนด้วยท่าทีสนิทสนม...ราวกับเป็นเจ้าของกันและกันมาเนิ่นนาน เขากำมือแน่น ก่อนหันไปพยักหน้าให้เพื่อน ๆ ที่ยืนล้อมอยู่ไม่ไกล “ไป” เขาสั่งเสียงต่ำ เย็นเยียบ ทันทีที่เดินมาถึงตรงหน้า เติ้งหนิงเฉิง เขาใช้มือกระชากแขนของสวีสิฮันออกไปอย่างแรง ก่อนจะผลักไหล่ของเติ้งหนิงเฉิงจนเซถอยหลัง “คิดว่าหล่อมากเหรอห๊า…กูมาก่อนมึงนะเว้ย!” เสียงตะคอกนั้นดังก้องท่ามกลางความเงียบที่เริ่มโรยตัว กลุ่มเพื่อนของเติ้งหนิงเฉิงที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็ไม่ยืนดูเปล่า พวกเขาก้าวเท้าเข้ามาล้อมทันที บรรยากาศเริ่มอึมครึม แต่ในจังหวะที่ทุกอย่างกำลังจะปะทุ สวีสิฮันกลับ “แกล้งล้ม” ลงไปกับพื้น ราวกับหมดเรี่ยวแรง “โอ๊ย...พี่คะ...” เสียงเธอสั่นระริก ใบหน้าแสดงความเจ็บปวดแบบเกินจริง รุ่นพี่ที่เพิ่งโกรธจนแทบปะทุเมื่อครู่ แทบจะลืมตัว เขารีบพุ่งเข้าไปหาเธอทันที “เป็นอะไรไหมครับ?” เขาถามเสียงอ่อน พร้อมประคองเธอขึ้นมาอย่างทะนุถนอม “ไม่เป็นไรค่ะ” เธอเอ่ยเบา ๆ แล้วหันมายิ้ม...รอยยิ้มที่อ่อนหวานแต่นัยน์ตากลับเยือกเย็น มันไม่ใช่รอยยิ้มแห่งความดีใจ ...แต่คือรอยยิ้ม “เย้ยหยัน” เธอหันไปมองเติ้งหนิงเฉิง ด้วยแววตาเยือกเย็น ราวกับกำลังท้าทายเขาต่อหน้าผู้คน กลุ่มเพื่อนของหนิงเฉิงที่ยืนอยู่เบื้องหลังก็อึ้งไปถ้วนหน้า หนึ่งในนั้นหลุดปากออกมาด้วยความคับแค้น “...นางมาร” เพียงคำเดียว แต่กลับแทงลึกถึงใจหลายคน เติ้งหนิงเฉิงยืนนิ่ง ไม่พูดอะไร สีหน้าเขาไร้ซึ่งความรู้สึก เหมือนคนที่เพิ่งรู้ว่า...ตนถูกลากเข้าสู่เกมแล้ว โม่โฉวยืนกำหมัดแน่น จ้องภาพทุกอย่างเบื้องหน้าด้วยหัวใจที่บีบรัด เขาไม่รู้จะโกรธใครก่อนดี รุ่นพี่ เพื่อนของเขา หรือ...สวีสิฮัน แต่สิ่งที่ทำให้เขาเจ็บที่สุดคือ “เธอรักเติ้งหนิงเฉิงตั้งแต่เมื่อไหร่?” ในเมื่อพวกเขารู้จักกันตั้งแต่เด็ก แต่พออายุสิบขวบ เติ้งหนิงเฉิงก็ย้ายไปอยู่หมู่บ้านใกล้โรงเรียน โดยห่างจากเธอและเขาออกไป จากนั้น…ก็ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับเขาเพราะอยู่ห่างกันแล้ว และตอนนี้… สิ่งที่โม่โฉวเฝ้ารอมาทั้งชีวิต...อาจกลายเป็นเพียง “ความว่างเปล่า”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD