7.ภาพคู่รักตรงหน้า...ทำให้หัวใจเจ็บปวด

1717 Words
“การที่กูแสดงคำพูดแล้วก็ท่าทีแบบนี้เขาเรียกว่าหวงหรอวะ กูว่ากูเกลียดมากกว่า เกลียดผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างมึงตอนนี้ ที่ทำเป็นใสซื่อไร้เดียงสาแต่จริงๆแล้ว../ “เจษ!แพรวเดินมาโน่นแล้ว ถ้านายไม่อยากให้แพรวคิดมากก็หยุดสักที” หนูยิ้มกัดฟันแน่นพยายามรวบรวมความกล้าปรามสติเจษ เธออยากเดินหนีแต่ร่างกายก็เหมือนถูกตรึงไม่ให้ก้าวถอย “ระวังตัวไว้นะยิ้ม…” เสียงทุ้มต่ำเต็มไปด้วยความคาดคั้น ราวกับเขากำลังประกาศสงครามส่วนตัวกับทั้งกฤตและเธอ หนูยิ้มยืนตัวสั่นใบหน้าแดงระเรื่อ แต่ต้องฝืนยิ้มเพื่อไม่ให้แพรวสังเกตเห็นอะไรผิดปกติ เพราะเธอรู้ดีทุกคำพูดทุกสายตาของเจษ คือแรงกดดันที่เธอต้องแบกรับคนเดียว กฤตยื่นมือมาจับมือเธอแน่นเสียงเขาเบาแต่มั่นคง “เราอยู่ด้วยกันได้นะยิ้ม…ไม่ว่าใครจะว่าอะไร ฉันจะอยู่ตรงนี้เสมอ” แต่คำพูดนั้นก็ไม่สามารถลบความเจ็บปวดที่เจษเพิ่งฝากไว้ในใจเธอได้ มันเหมือนรอยแผลลึกที่ยังไม่หายดี และทุกครั้งที่เจษสบตาความกลัวก็กลับมากดทับหัวใจเธออีกครั้ง เพื่อนๆรอบโต๊ะเริ่มเบาเสียง พยายามไม่ให้ความตึงเครียดลุกลาม แต่สำหรับหนูยิ้ม มันเหมือนโลกทั้งใบถูกรัดแน่นอยู่ระหว่างเจษกับกฤต สองแรงกดดันที่ต่างกัน แต่มีจุดร่วมเดียวคือเธอต้องทนแบกรับไว้คนเดียว จนกระทั่งมีกลุ่มรุ่นพี่วิศวะปี4เดินเข้ามา ทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดมีเสียงกรี๊ดกร๊าดจากสาวๆ ที่ส่งเสียงดังเมื่อเห็น 4 หนุ่มเดินเข้ามา 'วาโย'พี่ชายข้างบ้านของเธอ แล้วก็เพื่อนของเขาอีก 3 คน อคิราห์ เดย์ ไนท์ โดยเฉพาะอคิราห์ ที่เป็นตัวตึงวิศวะแถมยังเป็นนักแข่งรถที่ฮอตสุดในตอนนี้ แต่หนูยิ้มไม่ได้สนใจข้อมูลพวกนั้นเลยสักนิด “พี่วาโย!” วาโยคือความอบอุ่นเดียวของหนูยิ้มในตอนนี้ เธอปล่อยมือจากกฤตแล้วเดินไปหาวาโย หลบอยู่ด้านข้างเขา “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ทำไมหนูยิ้มหน้าซีดๆ” สายตาของเขาแล้วก็น้ำเสียงที่ฟังแล้วอบอุ่น จนเธอหายใจโล่งอย่างบอกไม่ถูก วาโยเข้ามาได้ถูกจังหวะพอดี “ไม่มีค่ะหนูยิ้มแค่พักผ่อนน้อยเลยเพลียๆนิดหน่อย ว่าแต่ทำไมพวกพี่ถึงมาที่นี่ได้คะ” “ทำไมโรงอาหารคณะบริหาร ไม่ต้อนรับวิศวะหรอ?” วาโยก้มลงมากระซิบไกล้หูของหนูยิ้ม ยิ่งทำให้พวกสาวๆในโรงอาหาร ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ “เปล่าค่ะ หนูยิ้มแค่แปลกใจเพราะไม่ค่อยเห็นพวกพี่มาที่นี่ หรือว่ามีใครในกลุ่มนี้มาหาแฟนที่คณะนี้หรือเปล่าคะ” หนูยิ้มยิ้มออกมาสดใสที่สุดในเวลานี้ รอยยิ้มที่หายไปพร้อมกับความรู้สึกผิดตั้งแต่วันนั้น จนเจษชะงักไปชั่วขณะ รอยยิ้มร่าเริงที่เขาเคยเห็นก่อนหน้านี้ มันหายไปหลังจากคืนนั้น ตอนนี้หนูยิ้มกล้ากลับมายิ้มสดใสได้อีกครั้ง ทั้งๆที่เขายังยืนอยู่ตรงนี้ แต่เธอกลับยิ้มสดใสให้แค่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนั้นหรอ เขาเกลียดรอยยิ้มนี้ของเธอ เกลียดที่เธอกล้ายิ้มให้กับผู้ชายคนอื่นได้อย่างเต็มเปี่ยม “ก็ต้องมีแน่นอนสิครับ ทั้งไอ้อคิราห์ ทั้งไอ้วาโย ก็มีสาวที่หมายปองที่คณะบริหาร พวกมันเลยชวนพวกพี่มา” เดย์รีบตอบก่อนจะโดนวาโยเตะเท้าไปหนึ่งที “ปากมึงนี่ พูดมากนะไอ้เดย์” “หรอคะ ดีจังงั้นแบบนี้หนูยิ้มก็ได้เจอพี่วาโยบ่อยขึ้นสิคะ” “หนูยิ้มอยากเจอบ่อยแค่ไหนก็ได้ ขอแค่หนูยิ้มบอกพี่” วาโยยิ้มให้หนูยิ้มจนลืมไปเลยว่ามีเพื่อนมาด้วย “กูเลี่ยนว่ะ งั้นกูไปหา'แพรวา'ก่อนนะ” พูดจบอคิราห์ก็เดินเลี่ยงออกไปแบบนิ่งๆ โดยที่ไม่ได้สนใจเสียงกรี๊ดกร้าดจากสาวๆเลย ส่วนวาโยจ้องหน้ากฤตอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะสบถคำด่าออกมา “ไอ้ลูกหมานี่ มึงยังมีหน้ากล้ามาวอแวน้องกูอีกหรอวะ” วาโยแทบพุ่งไปหากฤต แต่โดนหนูยิ้มห้ามไว้ซะก่อน เดย์กับไนท์รีบขวางวาโยไว้เช่นกัน “มึงหยุดเลยนะไอ้วาโย ถ้ามีอะไรค่อยเคลียร์กันนอกมหาวิทยาลัย” “เล่นแ***ตรงนี้ก็ยังได้ มึงไปเลยนะไปให้ไกลๆตีนกูแล้วห้ามมายุ่งกับหนูยิ้มอีก ถ้ามึงยังกล้ามึงก็เตรียมนอนในโลงศพได้เลย” วาโยกัดกรามแน่น “ผมขอโทษ แต่หนูยิ้มให้โอกาสผมแล้ว ครั้งนี้ผมสัญญาผมจะไม่ทำแบบนั้นอีก” “เพื่ออะไรหนูยิ้ม พี่จะไม่ยอมให้หนูยิ้มกลับไปคบกับไอ้เศษสวะนี่อีก มันทำหนูยิ้มเจ็บปางตายแค่ไหนจำไม่ได้หรอ” วาโยหันมาดุหนูยิ้ม เธอได้แต่ก้มหน้าจับชายเสื้อวาโยไว้แน่น ก่อนที่น้ำตาจะค่อยๆไหลออกมา ไม่ใช่เสียใจที่วาโยไม่ได้กลับไปคบกับกฤต แต่เสียใจที่ตัวเองตัดสินใจผิด ที่ยอมเปิดโอกาสให้กฤตมาในชีวิตเพื่อแบ่งเบาความเจ็บปวดจากเจษ วาโยดึงร่างบางเข้ามาซบอกเขาต่อหน้าทุกคน “พี่วาโย~” “ไม่ต้องร้องพี่อยู่นี่ ใครหน้าไหนก็ทำอะไรหนูไม่ได้ถ้าพี่ไม่อนุญาต” วาโยกอดปลอบหนูยิ้มยกมือขึ้นมาลูบผมเธอเบาๆ ก่อนสายตาคมจะตวัดไปมองกฤตด้วยแรงอาฆาต ทำให้กฤตเดินออกไปจากโรงอาหาร แพรวเดินเข้ามาหาหนูยิ้มที่ยังยืนซบวาโยอยู่ “พี่ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูยิ้มเป็นเพื่อนแพรว แพรวจะดูแลเองค่ะ” “เพื่อนหนูยิ้มหรอ งั้นพี่ฝากด้วยนะครับ ” “ค่ะ” “งั้นพี่ไปก่อนนะ” วาโยยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาบนแก้มเธอเบาๆ “ค่ะ” หนูยิ้มรีบผละออกจากอ้อมกอดของวาโย เธอเผลอไปสบตาเข้ากับเจษ สายตาที่มีความเกลียดชังมากอยู่แล้วกลับทวีคูณมากขึ้นไปอีก เจษเดินผ่านหนูยิ้มออกไปจากโรงอาหาร ก่อนจะพูดผ่านเธอก่อนจะพูดผ่านเธอเบาๆ “ผู้หญิงอย่างมึงเรียกว่าวันทองคงไม่พอ” แสงแดดยามบ่ายสาดส่องเข้ามาในห้องเรียนใหญ่ ชั้นเรียนเต็มไปด้วยเสียงกระดาษพลิกและเสียงครูอธิบายบทเรียน แต่สำหรับหนูยิ้มบรรยากาศทุกอย่างเหมือนถูกกลืนหายไปในอากาศ เธอนั่งอยู่มุมโต๊ะด้านหลัง แอบมองไปยังโต๊ะด้านหน้า โต๊ะที่เธอและแพรวเคยนั่งด้วยกันอย่างสนิทสนม แต่วันนี้เธอกลับนั่งห่างออกมา เพราะสายตาของเธอติดอยู่กับคู่รักที่นั่งซ้อนกันอยู่โต๊ะหน้า แพรวและเจษ พวกเขานั่งใกล้กันมากจนแทบจะสัมผัสกันได้ แพรวเอียงหน้ามาแล้วยิ้มหวานให้เจษ เสียงหัวเราะนุ่มๆ ของเธอก้องอยู่ในหัวหนูยิ้ม เหมือนระฆังแห่งความเจ็บปวด “เจษ…วันนี้สนุกไหม?” แพรวเอ่ยเสียงนุ่ม มือเล็กเธอยกขึ้นแตะแก้มเขาเบาๆ เจษยิ้มมุมปาก มองเธอด้วยแววตาอบอุ่นผิดกับตอนที่เขาพูดจาหยาบคายใส่หนูยิ้ม “มีความสุขมากกว่า แพรวอยู่ตรงนี้แล้ว วันทั้งวันของเจษก็มีความสุขหมดเเหละ” หนูยิ้มแทบกลืนลมหายใจลงคอ หัวใจเหมือนถูกบีบเเทบแหลกสลาย เธอยกมือกุมหน้าอกตัวเองพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ เสียงหัวเราะและคำพูดหวานๆของทั้งคู่เหมือนเข็มทิ่มแทงใจหนูยิ้มรัวๆ “เจษ มีใครเคยบอกไหม ว่าเวลานายยิ้มแล้วนายหล่อที่สุด” แพรวเอียงตัวไปใกล้มากขึ้นมือเล็กเกาะแขนเขา เจษโน้มตัวไปกระซิบข้างหูแพรว เสียงทุ้มต่ำเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “มีสิ!” “ใคร ?” แพรวชักสีหน้าเหมือนไม่พอใจ มือหนาของเขายกขึ้นมาบีบแก้มของแพรวเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ในตัวของเขาที่หนูยิ้มไม่เคยได้รับ “แพรวที่รักของเจษไงครับ” 'ที่รักของเจษไงครับ'คำพูดนั้นเขา จงใจพูดเสียงดังให้หนูยิ้มได้ยิน ก่อนจะหันมายิ้มเย้ยหยันให้เธอ คำว่า 'ที่รักของเจษ' ที่เขาพูดเต็มไปด้วยความจริงใจ แต่สำหรับหนูยิ้มมันเหมือนคมมีดกรีดลึกเข้าไปในใจ หนูยิ้มฝืนก้มหน้าพลางพยายามจดจ่อกับสมุด แต่สายตาก็ไม่อาจละจากพวกเขาได้ “เจษอย่าลืมทำงานกลุ่มด้วยนะ เดี๋ยวอาจารย์ดุ” แพรวพยายามเตือนพลางหัวเราะเขินๆ เจษยิ้มให้เธออีกครั้ง มือหนาของเขาจับมือเล็กของแพรวแน่น ราวกับโลกทั้งใบเป็นของพวกเขา “ไม่ต้องห่วงฉันจะทำให้ดีที่สุด…แต่ถ้าเธออยู่ตรงนี้ ฉันก็แฮปปี้ที่สุดแล้วแพรว” หนูยิ้มชะงักมือที่กำปากกาแน่นเริ่มสั่น เธอแทบอยากลุกหนีออกจากห้อง แต่ก็ต้องเกรงใจเพื่อนคนอื่นและไม่อยากให้ใครสงสัย เพื่อนรอบตัวเริ่มสังเกตความเงียบของเธอ แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไร เพราะทุกคนกำลังเพลิดเพลินกับความหวานของคู่รัก “เจษ…แพรวอยากให้เจษอยู่ใกล้แพรวแบบนี้ตลอดเลย” แพรวเอ่ยเสียงหวาน มือเล็กลูบไปตามแขนเขาเบาๆเจษโน้มตัวเข้ามาใกล้มากขึ้น พูดเสียงกระซิบกับเธอ “ฉันก็อยากอยู่ใกล้เธอทุกวันเลย ยิ่งเวลาเห็นเธอยิ้ม ฉันก็ยิ่งรักเธอมากขึ้นทุกที” หนูยิ้มรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบถล่มทับ เธอไม่เคยคิดว่าการนั่งในห้องเรียนธรรมดาจะทำให้หัวใจเจ็บปวดได้ขนาดนี้ แต่ภาพความใกล้ชิดและความสวีทของคู่รักตรงหน้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนอก ถูกกีดกันจากความสุขของเพื่อน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD