พันธะวิศวะร้ายพ่ายรัก EP.14 แค่ประสบการณ์

1635 Words
เมื่อเป็นเช่นนั้น มาคัสจึงลุกออกจากห้องนอนไปอาบน้ำที่ห้องพักด้านล่างของตน ทว่าขณะที่มาคัสเดินลงมาจากชั้น 2 สายตากับสะดุดเข้ากับภีมภพที่นั่งจิบกาแฟกับเรนิส และไนท์บนโต๊ะอาหาร “อ้าว เมื่อคืนมึงนอนที่ชั้นบนหรอกรึคับ คุณพี่” ภีมภพถามพี่ชาย “อืม...” มาคัสครางในลำคอ ทว่าสายตากับจับจ้องไปยังใครอีกคนที่นั่งทานมื้อเช้ากับภีมภพ และไนท์อย่างเงียบๆ โดยไม่มองหน้าเขา “ถึงว่า กูไปปลุกมาทานข้าว ห้องเงียบเชียว” ภีมภพเลิกสนใจพี่ชาย หันมาสนใจกาแฟในมือต่อ เรนิสสบตากับมาคัสเพียงแค่แว็บเดียวเท่านั้น จากนั้นเธอเป็นฝ่ายหลบตาเขา เรนิสทำราวกับเรื่องเมื่อคืนระหว่างเธอและมาคัสไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อคืนสนุกตื่นเช้ามาต่างคนต่างอยู่ แบบนี้อะดีแล้ว จนกระทั่งฉันและพี่ไนท์ทานมื้อเช้าเสร็จ เมื่อใกล้ถึงเวลาออกเดินทางกลับ ฉันก็เก็บกระเป๋าออกจากห้องพักไปยังรถของพี่ไนท์ ทว่าในจังหวะนั้นเขากับเดินสวนฉันมา เรนิสเดินหลบด้านซ้ายทว่าเขากับดักซ้าย เดินขวามาคัสกับดักขวา เมื่อเลี่ยงไม่ได้ เรนิสจึงยอมเผชิญหน้ากับเขาครั้งแรกหลังจากที่เรานอนด้วยกัน “เรื่องคืนนั้น ลืมๆมันไปเถอะ” เสียงทุ่มเอ่ยกับคนตัวเล็ก ขณะที่คอยหลังคนอื่นๆ “พี่ไม่ต้องห่วง ฉันถือว่าแค่ประสบการณ์เท่านั้นค่ะ” เรนิสเอ่ยจบร่างบางก็เดิน หิ้วกระเป๋าเดินทางไปยังรถของไนท์ต่อ มาคัสชะงักนิ่งค้างกับคำตอบของเด็ก 18 ปลายๆ สายตาคมคู่ดุจับจ้องไปยังร่างบางในชุดกางเกงขาสั้น เสื้อเอวลอยสีขาวอย่างไม่ละสายตา ตื่นมาคิดว่าเรนิสจะเรียกร้องโวยวาย ทว่ากับผิดคาด ด้านเรนิสที่นึกขึ้นได้ว่าลืมของไว้ในห้อง เมื่อเห็นมาคัสยังคงวนเวียนอยู่ที่หน้าบ้าน ถ้าไม่ใช่สายชาร์จแบตที่ลืมไว้ ฉันคงไม่ลงจากรถไปเจอเขาอีกแน่ เรนิสเดินกลับเขามาหยิบสายชาร์จสมาร์ตโฟนที่เธอลืมไว้ “ก็ดีที่เธอคิดแบบนั้น” มาคัสเดินมาดักตรงหน้าของเธอ “พี่สบายใจได้เถอะ ฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร” เรนิสรับปากมาคัส ใบหน้าอันหล่อเหลาพยักหน้ารับ ไม่ได้ถ้าเกิดเรื่องนี้หลุดถึงหูไอ้ฟรอสต์ ไอ้ไทม์ หรือใครสักคนจะยุ่งเข้าไปกันใหญ่ ผมจึงเลือกตัดไฟแต่ต้นลมเสียก่อนที่ปัญหาต่างๆ จะตามมา หลายวันต่อมา เรนิส หลังจากที่กลับมาจากทริปปาร์ตี้ที่หัวหิน ยอมรับว่าเป็นอีกทริปที่สนุกมากๆ แต่ก็นั่นแหละ หลายวันมานี้ฉันปฏิเสธไม่ได้ว่าคิดถึงเขาคนนั้นมาก คนที่เขาเป็นผู้ชายคนแรกและรักแรกของฉัน คิดถึงกล้ามโตซิกแพคแปดชั้น หัวนมอมชมพู ฉันคิดถึง แต่เขากับสั่งให้ฉันลืมเรื่องคืนนั้น ร่างบางในชุดนักเรียนนานาชาติเสื้อสีขาวแขนสั้นกระโปรงสั้นลายสก๊อตสีน้ำเงิน นั่งเหม่อลอยสายตาจับจ้องไปยังหน้าต่างนอกห้องเรียน ขณะที่ทีเชอร์กำลังสอนหน้าห้อง “ยัยเรย์ แกเป็นไรเปล่า ทำหน้ายังกะคนอกหักแหนะ” มาเบลฉันสังเกตยัยเรนิสมาหลายวันแล้วละ ใบหน้าสดใสทว่ากับเศร้าลง ยังกะอกหักจากใครมางั้นแหละ ทั้งที่เพื่อนฉันยังไม่มีแฟน “หน้าฉันมันออกขนาดนั้นเลยเหรอ” “หึ...นี้อย่าบอกนะ ว่าแกอกหักจริง” ถ้ายัยนี้อกหักจริง ละนางไปแอบมีแฟนตอนไหน ทำไมฉันไม่ทราบเรื่องนี้ “เปล่า...ฉันไม่ได้เป็นไร สงสัยฉันอ่านหนังสือหนัก เลยเครียดน่ะ” “โอ้ย...ยัยเรย์เราแค่เด็ก 18 เอง แกจะมาแบกรับทุกอย่างบนโลกนี้ไว้ไม่ได้หรอกนะ เข้ามหาลัยรัฐไม่ได้ ก็เอาเอกชนสิ ฉันเนี่ยไม่เห็นเครียดเหมือนแกเลย” มาเบลเอ่ยมาอย่างที่ใจคิด ก็จริงของนาง แต่ที่ฉันเครียดนี้ไม่ใช่เรื่องสอบเข้ามหาลัยอย่างที่บอกไปหรอก ฉันเครียดเรื่องหัวใจที่มันไม่รักดีของฉันต่างหาก “อย่าคิดมากเลยน๊า วันนี้หลังเลิกเรียนแกว่างปะ พาฉันไปซื้อของขวัญวันเกิดให้พี่ออฟโรหน่อยสิ” ยัยมาเบล หันมาสะกิดแขนฉัน “นะนะแก ยัยอิ๊ฟไม่ว่างไปเป็นเพื่อนฉัน แล้วทีนี้ก็เหลือแค่แกกับฉันแล้วแหละ” ยัยมาเบลเปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉย แถมยังหันมาอ้อนทำตาพริบๆ ใส่ฉันอย่างน่าสงสาร เหมือนลูกแมวตัวน้อยๆ ที่ขอของกินจากเจ้าของมันยังไงยังงั้น “อืม ได้สิ แต่ฉันไลน์บอกหม่ามี้ก่อนนะ” “โอเคนะแก เดี๋ยวฉันให้พี่ศักดิ์คนขับรถที่บ้านไปรอรับ ว่าแต่แกจะไปซื้อที่ไหนอะ” “สยาม...” “เค...” จากนั้นฉันก็ไลน์บอกคุณแม่ ไม่ต้องให้พี่ศักดิ์มารับฉันที่โรงเรียน แต่ให้ไปรับที่ห้างสรรพสินค้าแทน ~ 2 ชั่วโมงผ่านไป ~ จากที่ตั้งใจจะพายัยมาเบลมาซื้อของขวัญให้พี่ออฟโร ทว่ารู้ตัวอีกทีถุงกระดาษในมือฉันตอนนี้ไม่ต่ำกว่า 10 ถุง รู้ตัวอีกทีฉันกับยัยมาเบลก็ช็อปแหลกไปเลยสิ “ยัยเบล ไหนแกบอกจะซื้อนาฬิกาให้พี่ออฟโรไง สรุปนี้แกจะเอาไหม” ฉันหันไปถามยัยมาเบล ที่นางจูงมือฉันเข้าร้านนั้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่น “ยัง หาถูกใจไม่ได้เลย” “ซื้อๆไปเถอะน๊า ซื้ออะไรให้พี่ออฟโร พี่เขาคงไม่ปฏิเสธแกหรอก” “สองแสนห้าเลยนะแก แบบนั้นป๊าฉันได้จับหักคอพอดี” ยัยมาเบลเอ่ยกับฉัน “งั้นร้านนั้นละ ราคาดรอปลงมานิดนึง แกสนไหม” “เข้าไปดีกว่าป๊ะ...” 20 นาทีต่อมา ในที่สุดยัยมาเบลก็ได้นาฬิกาหรูเป็นของขวัญให้กับผู้ชายของนาง “อร๊าย...เท่มากแก พี่ออฟโรต้องชอบมากแน่ๆ เหมาะกับคนดุดัน เหมือนเจ้าของเลย” ยัยมาเบลหยิบนาฬิกาขึ้นมาจุ๊บด้วยสีหน้าตื่นเต้น ก่อนที่จะส่งให้เอสเอแพ็คเก็บลงกล่อง “ประหยัดไปตั้ง 8 หมื่นห้าแหนะ ฉันยังเหลือบัดเจทช๊อปต่อได้” เมื่อได้ของตามที่ต้องการแล้ว สองสาวที่ตอนนี้ถูกผีนักช๊อปเข้าสิงนะ ก็เดินช้อปเข้าช็อปแบรนด์ดัง เรนิสมาหยุดที่ร้านแบรนด์เนมชื่อดัง ร่างบางเดินสำรวจ ทว่าสายตากับสะดุดเข้ากับกระเป๋าใบหนึ่ง มันว้าวและสะดุดตาฉันมาก และอีกอย่างฉันตามหามานาน อยากได้มาก ทว่าขณะที่ร่างบางยื่นมือไปหยิบนั่น !! พรึ่บ !! กับมีมือของใครบางคนที่ฉกกระเป๋าใบนั้นไปต่อหน้าต่อตาของฉัน ทั้งที่มือฉันแตะถึงก่อน “พี่มาคัสว่าใบนี้สวยไหมคะ ลี่อยากได้ และชอบมากเลยค่ะ” มาคัสเหรอ วินาทีที่ฉันสบตากับร่างสูงในชุดนักศึกษาเดินมากับผู้หญิงคนนั้น เราสบตากันให้ตายสิ แล้วทำไมฉันต้องมาเจอพี่มาคัสกับผู้หญิงคนนี้ในตอนนี้ด้วย ไม่พอผู้หญิงคนนั้นยังฉกกระเป๋าที่ฉันจ้องไปอย่างหน้าตาเฉย “มีสต๊อกของไหมคะ” ลิลลี่ถาม “เหลือใบสุดท้ายแล้วค่ะ” มาคัสที่เห็นเรนิส สายตาคมจับจ้องร่างบางในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว กระโปรงสก๊อตสีน้ำเงินสั้น ที่หันมาสบตากับเขา แต่นั้นเธอกับไม่สนใจ ‘เมินงั้นเหรอ’ มาคัสเดาะลิ้นเข้ากระพุ้งแก้ม “ไง ยัยเรย์ ได้ไหมกระเป๋าที่แกอยากได้หนะ” มาเบลที่เดินดูกระเป๋าใบอื่นๆ ถามฉัน ทว่าขณะที่ลิลลี่กำลังตัดสินใจนั้น “ฉันเอาใบนี้ค่ะ” เรนิส ชี้ไปยังกระเป๋าในมือลิลลี่ ทว่าอีกฝ่ายกับไม่พอใจ ชักสีหน้าใส่เธอ ของแบบนี้ใครตัดสินใจก่อนก็ได้นะ “เท่าไหร่คะ” “299,000 ค่ะ คุณลูกค้า” ทว่าขณะที่เรนิสเดินไปเช็คกระเป๋า และยื่นบัตรเครดิตให้กับพนักงานนั้น “ขอโทษนะคะ บัตรวงเงินไม่พอนะคะ” พนักงานที่เอ่ยมาเช่นนั้น เรนิสถึงกับหน้าแตก ไม่พอฉันยังทำเรื่องขายหน้าน่าอายต่อหน้าพี่มาคัส และยัยหัวแดงคนนั้นด้วย น่าอายมาก “งั้นไม่เอาแล้วค่ะ” ทว่าขณะที่เรนิสและมาเบลเดินออกจากร้านนั้น “หึ...คงเป็นพวกอวดรวย แต่แท้จริงแล้วไม่มีอะไรสินะ” ลิลลี่เอ่ยด้วยสีหน้าสะใจ ไม่รู้สิ ฉันรู้สึกไม่ชอบยัยผู้หญิงคนนี้ มาคัส ที่เห็นสีหน้าเรนิส ร่างสูงทั้งหลุดขำและสงสาร สายตาคมจับจ้องไปยังร่างบางกระโปรงลายสก๊อตสั้นที่เดินผ่านหน้าเขาไปอย่างไม่สนใจ ไม่คิดจะทักทายคนเคยร่วมเตียงเลยหรือไง ‘คงลืมจริงสินะ’ เจอเขา แต่เรนิสก็ไม่คิดจะเอ่ยคำทักทายเขาแม้แต่คำเดียว ใช่ว่าปกติ เด็กนั้นจะนิ่งแบบนี้ ปกติเห็นหน้าเขาทีไร เสียงแจ้วๆจะดังมาก่อนคนเสียอีก มาคัสมองตามเรนิสจนกระทั่งพ้นสายตา “พี่มาคัส พี่มาคัส คะ” “ครับ” เสียงลิลลี่ทำให้มาคัส นั้นได้สติ “ลี่ไม่เอาแล้ว เราไปร้านอื่นเถอะค่ะ” อ่านให้สนุกฝากกดไลท์ คอมเม้นต์ให้ไรต์ด้วยน๊าา ขอบคุณค่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD