cheeks turn red

1361 Words
หลังจากเย็บแผลสามเข็มแปะพลาสเตอร์ขนาดพอดีฝ่ามือกันน้ำพันผ้าก๊อซ ฉันได้รับคำขู่จากคุณหมอ “ห้ามนวดแป้งหรือทำอะไรให้กระทบแผลนะครับ ไม่งั้นผมจะกินขนมคุณให้หมดร้านเลย” ว่าแล้วเขาก็ส่งยิ้มสดใสน่ามอง แปลกดี ไม่ว่าจะยิ้มแบบไหน ...ทำไมมันอุ่นๆ ในอกจัง น่ากลัวเกินไปแล้ว เรากลับมาที่ร้าน ซึ่งไม่รู้ว่าเขาจะมาด้วยทำไม “ค่ะ” ฉันรับคำสั้นๆ “เจ็บมากมั้ยครับ ผมต้องโอ๋รึเปล่า” ยิ้มอ่อนโยนถูกส่งมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ฉันมองหน้าเขานิ่งๆ “คุณกำลังทำให้ฉันกลัว” คนหล่อเอียงศีรษะเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจ “ขอพูดตรงๆ เลยนะคะ ฉันรู้สึกไม่ปลอดภัยกับพื้นที่ส่วนตัว และต้องการจะอยู่ตามลำพังเหมือนเดิม” เขาเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ผมค่อนข้างแน่ใจว่าไม่ว่าใครก็ไม่ได้อยากอยู่คนเดียว” “คุณจะไปรู้อะไร” “ครับ ผมไม่รู้” “แต่ผมอยากเข้าใจคุณนะ” “เพื่ออะไร” “ผมอยากเป็นเพื่อนคุณ” “ผู้หญิง ต่อให้โง่แค่ไหน พนันได้ว่าพวกเธอไม่อยากเป็นแค่เพื่อนกับคุณ ฉันเองยังกลัวเลย” ฉันพูดตรงๆ ออกไป ไม่มีเหตุผลให้ปิด ทุกอย่างจะจบลงหากพูดสิ่งที่คิดออกไป ก็เหมือนทุกที แต่แล้วฉันก็ได้ใช้กล้ามเนื้อบริเวณหว่างคิ้วอีกครั้ง “ฮ่ะๆๆ” เขา... หัวเราะ? เพี้ยนแน่ๆ “คุณ.. เพี้ยนเหรอ” เมื่อไม่ต้องเกรงใจ ฉันจะไม่พูดสุภาพอีกต่อไป ในเมื่อมันกำลังจะจบแล้ว “โอเค ขอเวลาผมหน่อย” เขาหายใจเข้าลึกทั้งรอยยิ้มยังเกลื่อนใบหน้า “คุณกำลังจะบอกว่าคุณ ชอบผม?” “เปล่า ฉันกลัวคุณ” “กลัวจะรักผม?” “......” เงียบสิ ทำไมแก้มร้อนๆ ฉันป่วยเหรอ หมอหนุ่มยิ้มเอ็นดู เด็กคนนี้ดูไม่ประสากับความรักเอาซะเลย ดูสิ เขินเขาจนแก้มแดงแต่สีหน้าไม่เปลี่ยนสักนิด น่ารักดี “แล้วถ้าผมยอมละ” “อะไร” ฮ่าๆ แก้มแดงๆ นั้นป่องออกเล็กน้อย น่าเอ็นดูชะมัด “ยอมให้คุณรัก ยอมให้คุณคิดอะไรมากกว่านั้น” เขายิ้มเตาอบอีกแล้ว เฮ้อ ทำไมร้อนกว่าเดิมนะ “ไม่ล่ะ ความรักน่ากลัว ทุกความสัมพันธ์จบลงง่ายนิดเดียว อยู่คนเดียวอาจจะน่าเบื่อแต่ก็ไม่เสี่ยง ไม่ต้องผิดหวัง” “ไม่เสมอไป ความรักดีๆ ยังมีอยู่ และผมอยากพิสูจน์มัน คุณอยากให้โอกาสตัวเองด้วยไหมล่ะ” “...ไม่ดีกว่า คุณมีสาวๆ สวยๆ อีกมากมาย อย่าเสียเวลากับคนป่วยแบบฉันเลย ฉันไม่ชอบให้คนมาสงสาร” “ผมไม่ได้สงสารคุณ ผมอยากเข้าใจคุณจริงๆ” แววตาเว้าวอนของเขาเกือบทำให้ฉันใจอ่อน แต่แล้ว.. “สวัสดีค่ะพี่ไนท์” เสียงสดใสจากสองแฝดดังขึ้นก่อนจะเห็นตัวซะอีก ใช่แล้ว ฉันมีแค่นี้ก็พอแล้ว ฉันเป็นภาระให้คนอื่นมามากพอแล้ว “ฉันยืนยันคำเดิม ฉันทำคุณสายมากแล้ว ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือที่ผ่านมาค่ะ ลาก่อน” ยังไม่ทันที่หมอหนุ่มจะพูดอะไร เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น “ครับ กำลังไปครับ” แล้วเขาก็หันมาพูดกับฉันประโยคหนึ่งก่อนจะรีบวิ่งกลับโรงพยาบาล “ผมไม่ยอมแพ้แน่ๆ หัวใจที่เป็นแผล หมอจะรักษาเองครับ” แน่นอนว่ามันมาพร้อมรอยยิ้มที่อบอุ่นเหมือนแสงอาทิตย์ ......ที่โผล่พ้นทะเลหมอกในตอนเช้า ฉันหันกลับมาเตรียมของในร้านแล้วก็มองไปเห็นถุงน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ที่ยังไม่ได้กิน แยมก็เห็นเหมือนกัน เลยถามขึ้นอย่างแปลกใจ “พี่ไนท์ซื้อมาเหรอคะ” ทำไมต้องแปลกใจงั้นเหรอ ปกติพี่เขาแทบไม่ก้าวออกจากร้านเลยน่ะสิ “เปล่า หมอดอว์นซื้อมา อะ..” ฉันจำชื่อเขา? “ออออ” ยิ้มขานรับเสียงยานคาง รู้หรอกว่าแซว แต่มันไม่มีอะไรสักนิด ถึงเขาจะพูดอะไรแปลกๆ ออกมาก็เถอะ “พี่ยกให้แล้วกัน อุ่นน้ำเต้าหู้ในครัวเอานะ” ฉันตอบกลับด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำหลังครัว สองแฝดหันมามองหน้ากันอึ้งๆ “แยมเห็นเหมือนที่ยิ้มเห็นมั้ย” แยมพยักหน้า ‘พี่ไนท์หน้าแดง!!’ พวกเธอแทบจะกรีดร้องออกมาดังๆ ดูเหมือนพี่เจ้าของร้านไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ แก้มขาวซีดนั่นอมชมพูขึ้นมา ถึงจะไม่มาก แต่เมื่อเทียบกับหน้าไร้อารมณ์ไร้เครื่องสำอางอย่างที่เห็นมาทุกวัน นี่มันปาฏิหาริย์ชัดๆ ! ‘คุณหมอคนนั้นแน่ๆ เลยยิ้ม’ แยมเหล่ตาไปทางถุงน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ พวกเธอยิ้มให้กัน ถ้าเป็นจริง ถ้าคุณหมอสุดหล่อคนนั้นจะช่วยพี่ไนท์ได้จริงๆ มันคงดีมากๆ พวกเธอเป็นเด็กกำพร้าที่เข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยในจังหวัดนี้ ซึ่งเป็นจังหวัดใหญ่ทางภาคเหนือ เมื่อบุพการีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ญาติก็ไม่มีเงินมากพอจะส่งเสียเลี้ยงดูพวกเธอจึงต้องหางานพาร์ทไทม์ทำระหว่างเรียน งานที่เงินดีมักจะเป็นงานกลางคืนซึ่งพวกเธอไม่ถนัดนัก จนได้มาเริ่มทำงานในร้านขนมของพี่ไนท์เมื่อปีก่อน ปัญหาการเงินของพวกเธอก็แทบจะหมดไป พี่ไนท์ช่วยให้พวกเธอสอบชิงทุนการศึกษาได้ ติวหนังสือเก่งมากเลยล่ะ พวกเธอรู้เลยว่าพี่สาวคนนี้ต้องมีการศึกษาระดับที่ดีมากแม้ในตอนนั้นจะยังไม่รู้ว่าเรียนอะไรก็เถอะ นอกจากเงินเดือนพวกเธอก็มักจะได้รับค่าขนมอื่นๆ เป็นค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายเวลาต้องรักษาพยาบาล ประกันอื่นๆ รวมถึงค่าอาหารกับขนมฟรีในร้านด้วย พวกเธอรู้มาตั้งแต่แรกว่าพี่สาวคนนี้ประหลาด เธอพูดน้อย คิดมาก และมักไม่แสดงสีหน้า อารมณ์ความรู้สึก แต่ไม่ได้นึกถึงว่าเธออาจจะป่วยเพราะเธอไม่เคยเล่าอะไรหรือพูดเรื่องส่วนตัวให้ฟังเลยแม้แต่ครั้งเดียว มือและแขนที่มักถูกปิดไว้ด้วยปลอกแขนแบบคลุมฝ่ามือสีดำเสมอ ภายใต้ปลอกแขนนั้นมีรอยแผลเป็นเต็มไปหมด ครั้งแรกที่พวกเธอเห็นโดยบังเอิญเป็นเวลาเกือบครึ่งปีให้หลังจากที่ทำงานในร้านนี้มา สิ่งแรกที่พี่ไนท์บอกพวกเธอคือ ‘ไว้พี่หางานใหม่ให้นะ’ แต่แววตาของหญิงสาวมันเศร้าเสียจนพวกเธอต้องโถมไปกอดร่างบอบบางนั้นไว้แน่นๆ ‘ไม่กลัวเหรอ’ พี่ไนท์ถามต่อ จะให้พวกเธอกลัวได้ยังไง พี่สาวใจดีที่คอยช่วยเหลือพวกเธอมาตลอดคนนี้น่ะ เคยรู้มาบ้างหรอกว่ามีโรคที่ทำร้ายตัวเองอยู่ แต่หลังจากวันนั้นพวกเธอก็คอยดูแลพี่สาวใจดีที่มีแววตาแสนเศร้าคนนี้อยู่ห่างๆ พร้อมกับศึกษาข้อมูลที่เชื่อถือได้แล้วตัดสินใจถามไป เริ่มด้วยจับมือเธอเบาๆ ‘พี่ไนท์เป็นโรคซึมเศร้าเหรอคะ’ ‘......’ ใบหน้าเรียวพยักเบาๆ ‘แยมกับยิ้มจะอยู่ข้างๆ พี่เสมอนะ’ ‘ไว้ถ้าพี่อยากกินอะไรอร่อยๆ เราไปกินด้วยกันนะคะ’ นั่นเป็นครั้งแรก ที่พวกเราได้เห็นสีหน้าที่แสดงความรู้สึกของเธอจริงๆ .... ยิ้มทั้งน้ำตา พวกเธออยากให้พี่สาวของเธอคนนี้มีความสุขจริงๆ บ้าง เหมือนว่าพี่ไนท์จะมีความทรงจำไม่ดีเท่าไรกับความสัมพันธ์ที่เรียกว่า ‘เพื่อน’ และไม่เคยมีความรัก พี่ไนท์ไม่เคยมองหรือสนใจเพศตรงข้ามคนไหนจนบางครั้งพวกเธอเกือบเข้าใจว่าพี่สาวจะ ’ ใจเกเร’ แบบในการ์ตูน แต่พอเห็นปฏิกิริยาน่ารักๆ เมื่อกี้ พวกเธอคิดว่ายังพอมีหวัง แต่ดูเหมือนพี่ไนท์จะไม่รู้ตัวเลยน่ะสิ ไม่เป็นไร แยมกับยิ้มจะแผลงศรรักให้พี่เอง คิก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD