การเปลี่ยนแปลงของคาสโนว่าหน้านิ่ง สร้างความแปลก ประหลาดให้กับเพื่อนในกลุ่ม จากที่มันเฉยๆ กับเรื่องเรียน ไม่ต้องทำ อะไรคนอย่างคุณกวินทร์ก็จบง่ายๆได้อยู่แล้ว หล่อ เรียน เก่ง รวย คน อะไรมันจะครบสูตรแบบนี้
“ช่วงนี้อยู่ในภาวะเสือจำศีลหรือไง ไอ้เสือ” ตาร์เพื่อนรักอด แซ่วไม่ได้
“ไม่ได้จำศีล โว้ย!”
“ใช่วะ/กูว่ามันแปลก/ไม่เที่ยว” เพื่อนในกลุ่มต่างพากันสงสัย
“มันจะเที่ยวได้ไง ช่วงทำคะแนนอยู่เว้ย! พวกมึงไม่รู้อะไร” ตาร์ผู้เปิดประเด็น
“เฮ้ย!/จริงดิ/ไม่น่าเชื่อ” เพื่อนในกลุ่มต่างหันขวับไปมองยังเสือที่เคยร้าย
“จริงสิวะ มันเปลี่ยนขนาดนี้พวกมึงคิดว่ามันปกติหรือไง ลงทุนไปซื้อห้องเฝ้าเป็นหมาหวงเจ้าของ”
“ไอ้ตาร์! มึงนะพูดมากแล้ว” กวินทร์ขัดทันที
“พูดมากอะไร สิ่งที่กูพูดเรื่องจริงล้วนๆ ไอ้พวกนี้มันก็อยากจะเผือกเหมือนกันดูหน้าพวกมันสิ”
“อย่างนี้สาวๆไม่อกหักกันเป็นแถวเหรอวะ” เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มพูด
“ไม่ขนาดนั้น กูก็ผู้ชายธรรมดาเหมือนพวกมึง” กวินทร์ไม่ได้ยกตัวให้ดูดี ทั้งที่ความเป็นจริงเพียงแค่หันไปมองสบตาสาวๆก็แทบจะวิ่งตามกันเป็นแถว
“ถ้าธรรมดาเหมือนพวกกู สาวๆก็คงมองพวกกูไปแล้วไอ้วิน” เพื่อนพูดตัดพ้อ
“เอาน่า รักที่ดีมันต้องค่อยๆมองหา” กวินทร์ตบบ่าเพื่อนเป็นการให้กำลังใจ
“รักที่ดี! ฟังแล้วขนลุกวะ” ตาร์ถึงกับมองบน
“สรุปมึงมีปัญหาอะไรกับกูมากไหม เด็กของมึงนะระวังเอาไว้บ้าง ระวังน้องเขาเทมึงทิ้งขืนทำตัวแบบนี้”
“ไม่ต้องเนียนทำมาเป็นห่วงกูครับ ไอ้คุณวิน สรุปคืนนี้มึงว่างไปกับพวกกูไหม หรือว่าต้องไปเฝ้าหน้าห้องใครบางคนอีก”
“ไม่รู้วะ ยังไงดึกๆกูโทรบอก”
“มันจะยากอะไรวะ มึงก็พามาด้วยสิ เขาจะได้รู้ว่าคนอย่างมึงนะมันร้ายขนาดไหน”
“กูจะไม่พาไปก็เพราะพวกมึงและมึงนะตัวดีไอ้ตาร์” กวินทร์ส่ายหัวให้กับเพื่อนรัก
ส่วนคนที่กำลังนั่งทำงานเวลาผ่านไปจนจะเลิกงาน นิรินก้มมองนาฬิกาข้อมือ ปกติแล้วเธอไม่เคยมองเวลาว่ามันจะผ่านไปนานแค่ไหนในหนึ่งวัน คงจะมีช่วงนี้ที่เธอคอยมองมันอยู่เกือบตลอดเวลา
“ใจจดใจจ่ออยากกลับห้องเหรอจ้ะ คุณเพื่อน” อ้อนแอ่นแซ่วเพื่อนรัก
“หน้าฉันมันบ่งบอกขนาดนั้นหรือไง” นิรินหันไปมองค้อน
“แหม่! ก็ช่วงนี้แกมีกุมารหนุ่มรูปหล่อตามเป็นเงา”
“ไม่ช่วยก็ไม่ต้องพูด” นิรินใช้ปากปากชี้ไปยังเพื่อน
“จะให้ช่วยอะไรย๊ะ แกจะอะไรมากมาย เด็กอย่างน้องวิน หล่อน่ารักน่ากินขนาดนั้น ทำไมน้องเขาไม่โอเคหรือไง”
“มากมายเยอะแยะ ชีวิตส่วนตัวของฉันหายไปหมดตั้งแต่มีเด็กคนนี้เข้ามาป่วน”
“นังริน! แกจะไปว่าน้องเขาทำไม ฉันเห็นน้องเขาดูแลแกยังกับไข่ในหิน น่ารักดี”
“น่ารักกับผีนะสิ ฉันรำคาญต่างหาก”
“แหม่! เดี๋ยวน้องเขาเกิดมาได้ยินว่า แกรำคาญ น้องวินจะเสียใจได้นะ”
“ได้ยินสิดี จะได้เลิกวุ่นวายกับฉัน” นิรินทำเสียงเหมือน ไม่แคร์
“ปากดีจริงๆ เกิดน้องเค้าหายไปจริงอย่ามาร้องไห้” อ้อนแอ่นเบะปากใส่
“ไม่มีทาง น้ำตาของฉันมันมีค่ามากไม่มาเสียให้กับเรื่อง แบบนี้หรอกนะจ้ะ” นิรินยักไหล่ ซึ่งคำพูดที่ทั้งสองคุยกันนั้น มันไปกระทบความรู้สึกของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูพร้อมกับช่อดอกไม้ กวินทร์ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นสักพักใหญ่ทุกคำมันเจ็บยิ่งกว่าอะไร
“คุณวิน มาหาคุณรินเหรอคะ” พนักงานสาวที่นำเอกสารมาให้เจ้านายเซ็นถึงกับต้องเอ่ยถาม เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายหยุดอยู่หน้าห้องนานมาก
“ไม่เป็นไรครับ คุณรินคงจะไม่ว่าง เชิญคุณเข้าไปเถอะครับ” กวินทร์หันหลังเดินกลับออกไปจากบริเวณหน้าห้อง โดยทิ้งช่อดอกไม้เอาไว้ตรงโต๊ะด้านหน้า
กวินทร์เดินกลับไปที่รถของตัวเอง เขานั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น สักพักใหญ่ สมองกำลังสับสนอารมณ์ข้างในมันตีกันให้วุ่น
ระหว่างที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุก ทั้งนิรินและอ้อนแอ่นต่างไม่รู้ว่าคำพูดของตัวเองได้ไปกระทบความรู้สึกของใครจนกระทั่ง
“คุณรินคะ คุณวินฝากดอกไม้มาให้ค่ะ”
คำว่าคุณวินฝากดอกไม้มาให้ ทำเอานิริน อ้อนแอ่นต่างหันกลับไปมองหน้ากันและกัน
“นังริน น้องเขามาได้ยินอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงอ้อนแอ่น ดูจะเป็นกังวล
“ได้ยินก็ดีสิ” นิรินยักไหล่ทำเป็นไม่แคร์ ภายในใจแอบคิด อยู่บ้าง
“ปากดีจริงๆ ฉันไม่เชื่อหรอกว่า แกจะไม่หวั่นไหวไปกับน้อง อยู่ด้วยกันมาสักพักมันต้องมีอะไรบ้าง คำพูดแกนะคิดให้มากก่อนพูดจะได้ไม่มานั่งเสียใจทีหลัง” อ้อนแอ่นเตือนเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
“ฉันไม่ได้แคร์อยู่แล้ว” นิรินยังทำเป็นปากแข็ง
ตกกลางคืน
นิรินนอนพลิกตัวไปมาทำไมนอนไม่หลับ สายตาก็คอยมองไปตรงนาฬิกาหัวเตียงจะตีหนึ่งแล้ว
“ทำไมเงียบ” นิรินคิ้วขมวดผูกเข้าหากัน อยู่ๆก็มีคำถามหลุดออกมาจากปากของคนที่พูดว่าไม่สน ตอนนี้ทำไมเธอรู้สึกนึกเป็นห่วงคนที่อยู่ห้องข้างๆ ปกติเวลานี้จะต้องมาป่วนไม่หยุด คอยหยิบจับ ตอนนี้เงียบไม่มีการโทรหรือไลน์หาเลย
“คิดอะไรอยู่นังริน ชอบไม่ใช่หรือไง” นิรินลุกขึ้นมานั่งบ่นกับตัวเองสักพักก่อนจะกลับลงไปนอนเอาใบหน้าซุกหมอนกลิ้งไปมา
แสงสีเสียงยามราตรีที่ห่างหาย
กวินทร์ขับรถมาที่ไนต์คลับตามที่เพื่อนชวน ตอนแรกตั้งใจ จะพาคนดื้อมาด้วย เจอคำพูดแบบนั้นไป หัวใจผู้ชายที่แข็งแกร่งถึงกับอ่อนไหว งอน น้อยใจ เกิดมาไม่เคยรู้สึกน้อยใจใครมากแบบนี้
มือที่ยกแก้วสีน้ำอำพันยกดื่มติดๆกันจนจะหมดขวดที่สอง ไม่มีท่าทีว่าจะเมา ใช่เขาเป็นพวกคอแข็งสองขวดแค่นี้สบายๆ มันแค่กรึ่มๆ
“เป็นอะไรวะ ไอ้เสือ ตอนบ่ายยังดี๊ด๊าไปหาคุณริน ทำไมมาอยู่ในสภาพหมาถูกเจ้าของเมินแบบนี้ได้” ตาร์ถึงกับเอ่ยปากถาม
“กูมามึงก็ถาม กูไม่มามึงก็ถาม สรุปมึงเป็นอะไรกับกูยุ่งเรื่องกูไม่เข้าเรื่องนะมึง” น้ำเสียงบ่งบอกถึงความหงุดหงิดใบหน้าไม่ได้มีท่าทีนิ่งๆเหมือนปกติ
“ไอ้วิน กูถามเพราะกูเป็นห่วง มึงใส่กูมาเป็นชุดแบบนี้ทะเลาะกันมาชัวร์” ตาร์หรี่ตามอง
“ไม่ได้ทะเลาะ”
“แล้วเป็นไรวะ”
“กูไม่รู้ว่ากูควรจะน้อยใจดีใจ กูทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ด้วย แต่ดูเหมือนสิ่งที่กูทำเขาไม่ชอบ”
“ทำไมถึงคิดว่าคุณรินไม่ชอบ”
“กูได้ยินมากับหู เขาไม่ได้แคร์หรือรู้สึกอะไรกับกูเลย ตอนนี้กูเศร้า กูเจ็บตรงนี้” น้ำเสียงผู้ชายที่ไม่เคยผ่านความรักตาแดงกร่ำชัดเจนว่ากำลังเจ็บ
“ใจเย็นๆ กูว่ามึงลองหยุดวิ่งตาม ปล่อยให้คุณรินได้ทบทวนรู้สึกยังไงดีไหม” ตาร์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเป็นห่วงเพื่อน
“หยุดวิ่งตามเหรอวะ” กวินทร์มองหน้าเพื่อนนิ่งๆ
“ในเมื่อมึงวิ่งคุณรินเขาหนี บางทีการที่มึงอยู่เฉยๆ คุณรินอาจจะเป็นฝ่ายตามมึงบ้างก็ได้”
“กูต้องทำแบบนั้นเหรอวะ” กวินทร์พูดด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ
“เชื่อกู” ตาร์ตบบ่าเพื่อนเป็นการย้ำสิ่งที่แนะ