บทนำ

1819 Words
​ บทนำ  ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ “บ้าเอ๊ย แกจะเต้นให้มันเบาลงหน่อยไม่ได้หรือไง อยากตายมากนักเหรอ” ‘เมษารินทร์’ ก่นด่าหัวใจของตัวเองพลางทุบมือลงหน้าอก เธอแทบจะกลั้นหายใจอยู่แล้วแต่หัวใจกลับไม่มีทีท่าว่าจะเต้นเบาลงเลย “เจอตัวไหมไอ้เบื๊อก” เสียงตะคอกโวยวายดังมาจากด้านนอกทำเธอสะดุ้งโหยง “ไม่เจอเลยลูกพี่” “หายไปไหนวะ!” หากไม่เจอกับตัวเธอคงไม่เชื่อว่าจะมีคนกล้าชกชิงวิ่งราวกันตอนกลางวันแสกๆ ทำเธอวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน ตอนนี้อยู่ที่ซอยไหน ถนนอะไรก็ไม่รู้ กวาดสายตามองไปรอบตัวเพื่อหาทางหนีต่อไป แต่เธอจะหนีไปไหนได้ในเมื่อเธอไม่รู้จักถนนหนทางแถวนี้เลยสักนิด ไม่คิดว่าการพาตัวเองมาหาพ่อที่ไม่ได้เจอหน้ากันมายี่สิบกว่าปีจะกลายเป็นการพาชีวิตมาทิ้งไว้ข้างถนนไม่ได้ คนอย่างเมษารินทร์จะไม่ยอมตายอย่างหมาข้างถนนเด็ดขาด “โฮ่ง!” แค่ปลุกความฮึกเหิมให้ตัวเองในใจ แต่สวรรค์ดันได้ยิน ส่งหมาตัวเป็นๆ มายืนเห่าอยู่ตรงหน้า เสียงของมันทำเธอตกใจจนผวา เบิกตาโพลง กลัวจนตัวสั่นงันงกแต่พยายามเก็บอาการ ลอบกลืนน้ำลายอึกแล้วอึกเล่า จ้องตามันเพื่อพยายามสื่อสารว่าเธอมาดีและไม่มีเจตนาจะทำร้ายมันไปพร้อมกับสะกดจิตตัวเองว่าอย่ากลัว มันก็แค่หมาตัวหนึ่ง “โฮ่ง” ไอ้หมาบ้านี่มันจ้องจะหาเรื่องเธอชัดๆ สบตากับมันอยู่ตั้งนานมันกลับแสดงตัวเป็นเจ้าถิ่น จะเก็บค่าที่จากเธอท่าเดียว “ไป ชิ่ว ออกไปนะ ชิ่วๆ” จากที่รู้สึกสิ้นหวังอยู่แล้ว พอต้องมานั่งคุยกับหมาที่รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่มีทางเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการแน่ๆ ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกสิ้นหวังมากขึ้นอีก เมื่อวานเธอยังนั่งกินโอมากาเสะในภัตราคารอยู่เลย ทำไมวันนี้ต้องมานั่งคุยกับหมาจรจัดในตรอกแสนจะเหม็นอับ ได้ยินเสียงหนูวิ่งอยู่ในท่อน้ำทิ้ง “ยังไม่ไปอีก รีบไปสิ ถ้ารอดไปได้เดี๋ยวฉันซื้อขนมอร่อยๆ มาฝาก” ต่อรองกับหมาเสียแล้ว แต่พูดดีๆ ก็แล้ว ยิ้มให้ก็แล้ว มันก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเดินออกไป ป๊อก! แล้วจู่ๆ ก็มีบางอย่างร่วงลงมาใส่หัวเธอ โชคดีมีสติอยู่พอประมาณไม่อย่างนั้นเธอคงแหกปากร้องลั่น “นี่น้องชาย” “มึงเรียกใครน้อง” เจ้าของกล่องนมรสกล้วยที่หล่นลงบนหัวเธอเมื่อครู่เอียงคอพูดกับคนด้านนอก เขายืนล้วงกระเป๋าเอาตัวเองบังตรอกแคบๆ นี่ไว้จากสายตาของไอ้พวกที่เดินตามเธอมาตั้งแต่เธอก้าวเท้าลงจากรถแท็กซี่ กระชากกระเป๋าเธอและพยายามจะฉุดกระชากเธอเข้าไปในซอยเปลี่ยวจนเธอตัดใจทิ้งทุกอย่างแล้ววิ่งหนีเอาตัวรอดมาถึงที่นี่ “มึงนั่นแหละ เห็นผู้หญิงสวยๆ ผ่านมาแถวนี้บ้างไหม” ปกติเวลาถูกชมว่าสวยเธอมักรู้สึกดีใจ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกขยะแขยงจนขนลุก เมษารินทร์ยกมือขึ้นปิดปาก พยายามจะเงียบให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะเธอมั่นใจว่าเจ้าของกล่องนมรสกล้วยต้องกำลังช่วยเธอแน่ๆ แอบมองท่าทีกวนๆ ของเขาจากทางด้านหลัง เสื้อยืดสีซีดที่แม้จะดูสะอาดสะอ้านแต่ก็ยังดูออกว่าเก่าและชายเสื้อเริ่มย้วย กางเกงยีนส์เข้ม ระดับความขาดที่เลยเส้นแบ่งคำว่าเซอร์ไปไกลโข รองเท้าผ้าใบสีขมุกขมัว แต่โดยรวมแล้วก็ดูเข้ากันดี ไม่มีตรงไหนที่เธอรู้สึกว่ามันขัดหูขัดตา “โฮ่ง” สะดุ้งอีกรอบเมื่อมัวแต่มองผู้ชายจนไม่ทันระวังว่าถูกหมาจ้องอยู่ เสียงเห่าของไอ้หมาเจ้าถิ่นดึงสายตาของผู้ชายที่เธอมองเห็นแต่แผ่นหลังของเขาให้หันกลับมา เขามองหมาก่อนจะมองมาที่เธอเสียอีก “ผู้หญิงสวยๆ เหรอ” เขาถามไอ้พวกนั้นทั้งที่สายตาจ้องแต่เธอ หัวใจเธอเริ่มเต้นไม่เป็นส่ำเพราะไม่รู้ว่าตกลงแล้วเขาจะช่วยเธอไหม ทำไมถามพวกมันเหมือนจะบอกที่ซ่อนของเธออย่างนั้น “ใช่ หน้าตาดี ผิวขาว ผมดำ ยาวถึงเอว แต่งตัวดีๆ หน่อย” “เดรสสีชมพู?” ก้มมองชุดที่เธอสวมอยู่แล้วอยากจะร้องไห้ “เออ นั่นแหล่ะๆ มึงเห็นใช่ไหม” “เห็น” เธอเบิกตาโพลง ยกมือไหว้เขาเพื่ออ้อนวอนขอความช่วยเหลือ น้ำตาจะไหลเมื่อเธอไม่เคยรู้สึกกลัวอะไรมากขนาดนี้มาก่อน “โฮ่ง” หรือเธอกำลังจะเอาชีวิตมาทิ้งจริงๆ ตอนนี้ทั้งหมาทั้งคนพร้อมใจกันชี้เป้ามาที่เธอแล้ว “วิ่งกระหืดกระหอบไปทางท้ายซอยน่ะ” “ท้ายซอย?” “เออ พวกมึงเชื่อก็เชื่อ ไม่เชื่อก็ช่าง ไปไอ้อับโชค กลับบ้านกัน” อับโชคคือชื่อของหมาเจ้าถิ่น ที่พอเจ้าของเรียกปุ๊บ มันก็กระดิกหางแล้วเดินตามไปทันที เขาช่วยเธอแล้วใช่ไหม พวกมันไปแล้วหรือยัง เธอทำอย่างไรดี จะยื่นหน้าออกไปดูก็ไม่กล้า คนที่ยืนเอาตัวบังเธอไว้เมื่อครู่ตอนนี้ก็ไม่อยู่แล้วเพราะพาหมากลับบ้านไปตั้งแต่พูดจบ เมษารินทร์นั่งนิ่งเพราะยังไม่กล้าขยับ อาศัยความเงียบฟังเสียงรอบๆ ตัวแล้วคาดเดาไปต่างๆ นานา รอจนมั่นใจว่าไม่มีเสียงการเคลื่อนไหวจึงรวบรวมความกล้าเท่าที่พอมีค่อยๆ ยื่นหน้าออกไปมอง ด้านนอกไม่มีใครอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นไอ้พวกที่ตามเธอมา นายนมกล้วย หรือแม้แต่หมาอับโชค ที่ถึงมันจะชื่ออับโชค แต่ก็เหมือนจะยังโชคดีกว่าเธอในตอนนี้เสียอีก “ยังไม่รีบกลับบ้านอีกไอ้อับโชค ตามมา เร็ว! อยากโดนหมาแถวนี้รุมหรือไง” สะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงตะคอกดังมาจากด้านหลัง หันไปมองอีกทีเธอถึงรู้ว่าตรอกที่เธอนั่งซุกตัวอยู่มันไม่ใช่ทางตัน แต่มีป้ายอะไรสักอย่างปิดทางออกเอาไว้ ตอนนี้มันถูกลากออกไปไหนแล้วก็ไม่รู้ มองไปแล้วเห็นว่าสามารถทะลุไปอีกซอยหนึ่งได้ สัญชาติญาณสั่งให้เธอสวมรอยเป็นหมาอับโชคทันที คิดเสียว่าตัวเองเป็นหมาแก้เคล็ดก็แล้วกัน ตั้งสติพร้อมรวบชายกระโปรงขึ้นแล้วเดินเท้าเปล่าไปตามเสียงที่ได้ยิน เพราะเธอมองไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าของหมา ก่อนหน้านี้เธอจำต้องถอดรองเท้าทิ้งเพราะเธอเดินตกหลุมบน ฟุตบาธ ส้นรองเท้าหักทั้งที่เธอเพิ่งจะใส่มันเป็นครั้งแรก แต่ตอนนั้นไม่มีเวลาแม้แต่จะเสียดายมันด้วยซ้ำ แป๊ก! เสียงก้อนหินตกลงพื้นทำเธอสะดุ้งจนชะงักฝีเท้า แต่มองไปรอบตัวแล้วกลับไม่เห็นใคร นายนมกล้วยที่ท่าทางเหมือนอันธพาลเมื่อครู่ก็ไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว “ยังไม่รีบกลับอีก” เสียงของเขาเหมือนจะดังมาจากข้างหน้า ไม่ไกลจากจุดที่เธอยืนอยู่เท่าไร “โอ๊ย!” เพราะรีบจนไม่ทันระวัง ทำให้เธอไม่ทันสังเกตเห็นเศษขวดแก้วแตกที่พื้น เหยียบมันเต็มฝ่าเท้า “ไอ้เวรนั่นมันต้องหลอกเราแน่ๆ” เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเมื่อได้ยินเสียงทุ้มๆ ของอีกฝ่ายดังแว่วมาจากอีกด้านหนึ่ง ความกลัวพลันเอาชนะความเจ็บได้ในเสี้ยววินาที เมษารินทร์กลั้นใจดึงเศษขวดแก้วออกจากฝ่าเท้าแล้วมุ่งหน้าเดินต่อไปเรื่อยๆ นาทีนี้ต่อให้จะไม่รู้ว่าข้างหน้าคือที่ไหน เธอก็ต้องรีบหนีจากไอ้พวกบ้านั่น “อยู่นั่นไง” ถูกพวกมันเห็นเข้าจนได้ “ช่วย...อื้อออ” สองตาเบิกโพลงเมื่อตั้งใจจะร้องขอความช่วยเหลือแต่ดันถูกฉุดเสียก่อน ริมฝีปากถูกปิดด้วยฝ่ามือหนากดแน่นจนเปล่งเสียงไม่ได้ “ชู่” แม้จะยังไม่เห็นหน้าแต่เธอคิดว่าน่าจะเป็นเขา นายนมกล้วยเจ้าของหมาอับโชค “หายไปไหนวะ” ไม่ทันเหลือบมองคนด้านหลังให้แน่ใจ เสียงสบถจากด้านนอกก็ทำเธอสะดุ้งสุดตัว เผลอยกมือขึ้นจับมือของอีกฝ่ายแน่น ในขณะที่เธอทั้งตกใจและกำลังกลัวจนตัวสั่น แต่เขากลับยืนนิ่งมาก แม้แต่เสียงลมหายใจก็ยังสม่ำเสมอเป็นปกติเหมือนไม่ได้รู้สึกกลัวหรือตื่นเต้นกับเรื่องอันตรายแบบนี้เลยสักนิด “หาให้ทั่ว แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียว จะหายไปไหนได้วะ” “หรือว่าถูกไอ้เวรนั่นฉุดไปแล้ว” “หาตัวไอ้เวรนั่นมาด้วย ถ้ามันกล้าแย่งของกู พวกมึงก็จัดการมันได้เลย” เมษารินทร์เบิกตาโพลงเมื่อได้ยินเสียงคำสั่ง เหลียวหลังไปมองเขาเพราะในใจรู้สึกกลัวว่าเขาจะไม่ช่วยเธอต่อเพราะอาจจะกลัวไอ้พวกนั้น ทว่าสิ่งแรกที่สะดุดสายตาของเธอกลับเป็นสันจมูกโด่งๆ ของเขา เพราะเขายังเอาแต่มองออกไปด้านนอก ระดับความนิ่งของสายตาเขายากต่อการคาดเดาว่ากำลังคิดอะไร จะช่วยเธอต่อทั้งที่ตัวเองกำลังจะเดือดร้อนไหม ต่างคนต่างเงียบกันอยู่ครู่ใหญ่ รอจนเสียงด้านนอกเงียบสนิทลงแล้วเขาจึงมองกลับมา “อย่าทิ้งฉัน” เธอเอ่ยปากขอร้องเขาทันทีที่ริมฝีปากเป็นอิสระ และเขาทำเหมือนจะถอยออกไป “ช่วยฉันด้วยนะ ถ้าฉันรอดไปได้ ฉันสัญญาว่าฉันจะตอบแทนบุญคุณของนายแน่ๆ” “แล้วถ้าฉันโดนพวกมันฆ่าตายก่อนล่ะ” เขาแย้งเสียงทุ้ม สีหน้าดูไม่ได้ใส่ใจกับความเดือดร้อนของเธอเลยสักนิด “แต่ยังไงพวกมันก็จำหน้านายได้แล้วนะ” “เหอะ” “นะ ไหนๆ นายก็ช่วยฉันมาขนาดนี้แล้ว ช่วยฉันอีกนิดเถอะนะ” เมษารินทร์คว้ามือของเขามาเขย่าไม่หยุด แต่เขากลับสะบัดออกอย่างไม่ไยดี เมษารินทร์มองฝ่ามือของตัวเองที่ถูกเขาสะบัดทิ้งอย่างไร้ค่าไร้ความหมายแล้วน้ำตาไหล เม้มริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง เธอเห็นม่านตาของเขาขยายกว้างเพราะอาการตกใจ ก่อนจะกระชากเธอเข้าสู่อ้อมแขน พร้อมตะโกนเสียงดัง “อย่า!” ปัง! ​
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD