ไฟสลัวในบาร์ถูกเงามืดครอบคลุม
เสียงฝีเท้าของมือปืนก้องสะท้อนบนพื้นไม้
...
ไอริสหายใจลึกหนึ่งครั้ง
ก่อนเปลี่ยนสีหน้าเป็นหญิงสาวอ่อนแอ
ที่กำลังเสียขวัญ
....
เธอก้าวออกจากมุมมืดช้า ๆ
ราวกับเพิ่งรอดชีวิตมาได้
...
“ฮึก…อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ..ได้โปรด”
น้ำเสียงเธอสั่นไหว
ปลายตาแดงวาวเหมือนเพิ่งร้องไห้
ดวงหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ที่เสแสร้งได้แนบเนียน
...
มือปืนหยุดชะงัก
กระบอกปืนยังเล็งไปข้างหน้า
จ้องเธอเขม็งก่อน ตะเบงเสียง ออกมา
“ออกไป! นี่ไม่ใช่เรื่องของเธอ!”
...
ไอริสชะงักก้าว
น้ำเสียงอ้อนวอนลอดริมฝีปาก
“แต่นี่…มันร้านของฉันนะคะ”
...
เธอพูดพลางสั่นไหวเล็กน้อย
มือจับขอบประตูเหมือนจะยืนไม่ไหว
“คุณบุกเข้ามายิงกลางร้าน ..
ทำร้ายแขกของฉัน…ทำไมกัน?
คุณต้องการอะไรกันแน่?”
...
คำถามของเธอ
ถูกจงใจลากเสียงให้ดัง
พอที่ มารุต..ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในเงาหลังร้าน
จะได้ยินทุกถ้อยคำ
..
ความหมายที่ซ่อนอยู่
ไม่ใช่เพียงการขอคำตอบ
แต่คือการเปิดโปงวัตถุประสงค์เบื้องหลัง
ของมือปืน ผ่านปากของพวกมันเอง
...
มือปืนกระชากเสียง
หงุดหงิดที่ถูกกดดัน
“ฉันมาเพื่อเก็บมัน…! มารุตต้องตายที่นี่ คืนนี้!”
...
คำสารภาพดังลั่นในบาร์
ไอริสยังคงเสแสร้งทำเป็นตกใจสุดขีด
น้ำตาร่วงเผาะเหมือนหญิงสาวธรรมดา
ที่ถูกลากเข้าไปพัวพันในเกมมืด
โดยไม่มีใครรู้…...
..ว่าเธอกำลังวางหมากให้คู่ต่อสู้เปิดไพ่เองทีละใบ
..
ไอริสยืนอยู่กลางห้อง
ด้วยดวงหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา
เสียงสะอื้นเบาหวิวหลุดออกมาเป็นระยะ
..
เธอหันไปหามือปืน
น้ำเสียงสั่นเครือจนแทบจะฟังไม่เป็นถ้อยคำ
“ที่นี่…ไม่มีใครแล้วจริง ๆ..
ฮึก…คนที่คุณตามหา คงหนีไปนานแล้ว…”
..
แววตาแดงก่ำของเธอสั่นไหวอย่างสมจริง
มือปืนชะงักไปเล็กน้อย
ก่อนสบถออกมาเสียงห้วน
“เวรเอ้ย…เสียเวลา!”
..
เขาหันหลังผลักประตูอย่างแรง
เสียงรองเท้ากระแทกพื้นไม้ดังถี่
ก่อนเงารถยนต์สปอร์ตสีดำทะยานออกไป
ในความมืดของถนนนอกชานเมือง
เสียงเครื่องยนต์คำรามดังก้อง
จนกระจกบาร์สะเทือน
..
ความเงียบกลับมาเยือนในวินาทีถัดมา
ไอริสยกหลังมือซับน้ำตา
ริมฝีปากยังคงเม้มแน่น
ราวกับไม่อยากให้ใครเห็นความจริง
...
เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังจากมุมมืดที่ซ่อนเร้น
มารุตก้าวออกมา ใบหน้ายังแข็งกร้าว
ดวงตาคมเต็มไปด้วยความเคลือบแคลง
..
“ฝีมือคุณ…ใช่ไหม?” เขาเอ่ยเสียงต่ำ
ก้าวเข้ามาใกล้ทีละก้าว
..“ทั้งหมดนี่…คุณวางแผนเองตั้งแต่แรก
ทั้งมือปืน ทั้งละครตลกที่คุณเล่น—
เพื่อให้ผมเลิกล้มการซื้อที่ดินนั่น”
..
ไอริสยืนนิ่ง ไม่ถอยหนี ไม่รีบแก้ตัว
แค่ยิ้มจาง ๆ ที่มุมปาก
ดวงตาสะท้อนประกายบางอย่าง
ที่อ่านไม่ออก
..
“คุณนี่…ช่างระแวงจริง ๆ เลยนะ...!!"
"...คุณ... มารุต..ใช่มารุต ...?
มือปืนเรียกคุณแบบนั้น..”
..
เธอกล่าวเสียงอ่อนหวาน
แต่แฝงความแข็งกร้าว
“ทั้งที่ฉันเพิ่งเสี่ยงชีวิต..โกหกแทบตาย
เพื่อช่วยคุณไว้แท้ ๆ”
...
แสงไฟนีออนสีแดงยังคงกะพริบวูบวาบ
เงาของไอริสทอดยาวบนพื้นไม้แตกกระจาย
เธอยืนตรงหน้า ไม่ถอยหนีแม้แต่นิด
จากแรงกดดันของมารุตที่ก้าวเข้ามาใกล้
ริมฝีปากเธอขยับช้า ๆ
เสียงใสแต่เฉียบคมดังก้องในบาร์ที่เงียบสงัด
..
“มารุต…คุณนี่น่าสงสารดีนะคะ”
เธอหัวเราะเบา ๆ แต่ดวงตาแข็งกร้าว
“ใช้ชีวิตอยู่กับความระแวงขนาดนี้
คงไม่มีวันรู้จักคำว่า ‘เชื่อใจ’ สักครั้ง”
...
มารุตขมวดคิ้วแน่น
ดวงตาวาวโรจน์เหมือนจะโต้กลับทันที
แต่ไอริสไม่ปล่อยโอกาสให้
เธอก้าวเข้าใกล้ทีละก้าว
จนกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ที่ติดกายเธอแทรกเข้าไปในอากาศรอบตัวเขา
..
“ถ้าฉันคิดจะกำจัดคุณจริง ๆ…”
เธอหยุดเพียงครู่ ก่อนโน้มตัวเข้ามาใกล้
ใบหน้าอยู่ห่างจากเขาไม่กี่คืบ
“…ป่านนี้ศพคุณก็คงถูกหามออกไปแล้ว ..
ไม่ใช่มายืนกล่าวหาฉันอยู่ตรงนี้”
..
คำพูดนั้นทิ่มแทงเข้ากลางใจมารุต
เขาชะงักไปชั่วขณะ ความแข็งกร้าวในแววตา
เริ่มสั่นไหว ไอริสยกคิ้วเล็กน้อย
รอยยิ้มเย็นเฉียบผุดขึ้นตรงมุมปาก
...
“ฉันไม่จำเป็นต้องเสแสร้งถึงขนาดนี้
เพื่อฆ่าคุณหรอก มารุต…”
เธอกล่าวเสียงหนักแน่น
แววตาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว
“สิ่งเดียวที่คุณควรถามตัวเองตอนนี้คือ…
ใครกันแน่ที่อยากเห็นคุณตาย?”
..
บรรยากาศเงียบงันลงอีกครั้ง
แต่คราวนี้เป็น มารุต ที่เป็นฝ่ายลังเล
แววตาที่เคยมั่นคงกลับสับสน
ราวกับเพิ่งเริ่มมองเธอในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน