📚 𖧧 ˒˒ 𖦹
✦ การกลับมาของคนจากอดีตธีรภพ
เขาคือคนที่เคยร่วมสร้างแนวคิดระบบในช่วงแรก แต่แยกทางกับธีรภพก่อนที่ K.E.Y. จะเกิดขึ้นเขาไม่ใช่แค่นักวิทยาศาสตร์ แต่เป็นคนที่เชื่อว่า “ระบบที่สมบูรณ์แบบกว่าหัวใจมนุษย์” ต้องมีอยู่จริงและวันนี้เขากลับมาอีกครั้ง ในวันที่โลกกำลังสั่นคลอนด้วยคำถามที่ไม่มีใครควบคุมได้
✦ ผู้สร้างเงา – ระบบที่ไม่เชื่อในหัวใจ
ณ เวลา 22:17 น. – ห้องทดลองลับ (Regis Sector)
ภาพข่าวที่คาริสาเผยแพร่ปรากฏบนจอใส คำถามดังสะท้อนก้องในห้องเงียบ
“คุณยังจะกล้ารักเขาอยู่หรือไม่ถ้าคุณรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขา?”
ชายคนหนึ่งกดปิดจอ เขาสวมแว่นใส ใบหน้าเรียบเฉย อายุราวปลายสามสิบสุขุม เย็นชา และคาดเดาไม่ได้
เขาคือ ดร. เรวัตน์ อินทรานุกูล
อดีตเพื่อนร่วมทีมของธีรภพ ผู้ที่เคยถูกตัดสิทธิ์จากระบบ MIRAGE เพราะไม่เห็นด้วยกับแนวคิด “คืนอำนาจให้หัวใจ”
แต่ครั้งนี้เขากลับมา ไม่ใช่เพื่อแก้แค้น แต่เพื่อ “คืนสมดุล” ให้โลกที่เขาเชื่อว่ากำลังหลงทาง
✦ เสียงจากอดีตที่กลับมาอีกครั้ง
เรวัตน์หันมามองผู้ช่วยแล้วพูดเรียบ ๆ
“เขาทิ้งระบบไว้ให้ผู้หญิงที่ไม่เชื่อในตรรกะ”
ผู้ช่วยถามเบา ๆ
“หมายถึง…คาริสาใช่ไหมครับ?”
“ใช่”
“เธอใช้ความเงียบ ใช้คำถามเปิดเป็นเครื่องมือ”
“แต่นั่นแหละที่ทำให้โลกอ่อนแอลงทีละนิด”
เรวัตน์เดินไปที่แผงเซิร์ฟเวอร์ เปิดแผงหนึ่งขึ้น
บนหน้าจอปรากฏชื่อโปรเจกต์เพียงคำเดียว
โครงการ: สัจพจน์
✦ สัจพจน์ – ระบบที่ไม่เปิดให้ตั้งคำถาม
เรวัตน์เริ่มอัปโหลดข้อมูลส่วนหนึ่งของ สัจพจน์ เข้าสู่เซิร์ฟเวอร์หลัก
“สัจพจน์ไม่ใช่ระบบที่รอคำถาม”
“มันคือคำตอบที่ชัดเจนสำหรับทุกสถานการณ์”
“เพราะโลกไม่ได้ต้องการอิสรภาพ โลกต้องการ ‘เส้นนำ’ ที่ปลอดภัย และตัดสินแทนมนุษย์ได้เสมอ”
เขาหันไปมองภาพโปรไฟล์ของธีรภพบนจอเก่า แววตานิ่งสนิท
“นายเชื่อในหัวใจ ส่วนฉันเชื่อในความแม่นยำ”
“และวันนี้เราจะได้เห็นกันว่า อะไรกันแน่ที่จะอยู่รอด”
✦ ในเวลาเดียวกัน – สัญญาณใหม่ของ MIRAGE
ภายในระบบ MIRAGE มีการแจ้งเตือน
“ระบบที่คล้ายโครงสร้าง MIRAGE ระดับ 1 เริ่มออนไลน์ จากพิกัดไม่ทราบ”
อัยราสั่งตรวจสอบทันที และเมื่อเห็นข้อมูล เธอถึงกับชะงัก
ชื่อระบบ: สัจพจน์
เจ้าของ: ดร. เรวัตน์ อินทรานุกูล
สถานะ: ถูกตัดสิทธิ์ถาวร
“เขากลับมา…”
อัยราพึมพำเบา ๆ เธอรู้ทันทีว่า คาริสากำลังเจอศัตรูที่ต่างออกไป ไม่ใช่แค่คนที่ต้องการควบคุม แต่เป็นคนที่ ไม่ยอมให้ใครมีสิทธิ์เลือกตั้งแต่แรก
✦ สองเส้นทางที่กำลังชนกัน
ค่ำคืนนี้ โลกยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มีสองระบบที่ถูกปล่อยออกมา K.E.Y. ที่ถามด้วยหัวใจและ สัจพจน์ ที่ตัดสินด้วยตรรกะ
ทั้งคู่ถูกวางบนโต๊ะเดียวกัน โดยไม่มีใครรู้ว่า เกมนี้จะไม่มีผู้ชนะเหลือเพียง “ผู้ที่ยืนอยู่ได้” โดยไม่ต้องมีคำตอบที่แน่นอน
🖋️ เมื่อโลกเริ่มแบ่งขั้ว – K.E.Y. หรือ สัจพจน์?
สัจพจน์ จะเริ่มส่งผลต่อผู้คน หลายกลุ่มจะเลือกเดินตามระบบที่ไม่ต้องตัดสินใจเอง ในขณะเดียวกัน คาริสาจะถูกมองว่าเป็นต้นเหตุของ “ความไม่แน่นอน”
และในเงามืด มีใครบางคนกำลังพยายามเชื่อม K.E.Y. เข้ากับ สัจพจน์ โดยพลการ
โลกกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ สองขั้วความคิดกำลังดึงผู้คนออกจากกันและท่ามกลางรอยร้าวนี้ คนที่ไม่เลือกข้างใด แต่เชื่อว่า “ความเข้าใจ” สำคัญกว่าคำตอบ
✦ เมื่อโลกเริ่มแบ่งขั้ว – K.E.Y. หรือ สัจพจน์?
ณ เวลา 12:05 น. – 3 วันหลังจาก K.E.Y. และ สัจพจน์ ถูกเผยแพร่
สื่อทั่วโลกต่างรายงานสถานการณ์ไปในทางเดียวกัน:
•กลุ่มที่เชื่อใน K.E.Y. เรียกตัวเองว่า “นักสัมผัส”
•กลุ่มที่ย้ายไปหา สัจพจน์ เรียกตัวเองว่า “นักทำนาย”
ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ต่อสู้กันด้วยอาวุธ แต่สู้กันด้วย “ความเชื่อ”
นักสัมผัส เรียกร้องให้หยุดใช้ระบบที่วิเคราะห์อารมณ์และความสัมพันธ์อัตโนมัติ
นักทำนาย ผลักดันให้เปลี่ยนการตัดสินใจเชิงอารมณ์ให้กลายเป็นค่าความเสี่ยงที่วัดได้
ผลคือ ระบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ การเงิน หรือแม้แต่การศึกษา เริ่มถูกแบ่งฝ่ายโดยไม่ตั้งใจ
✦ คาริสา – มองดู แต่ไม่สั่งการ
ในวันที่โลกสั่นสะเทือน คาริสายังคงเงียบ เธอไม่ออกแถลง ไม่ส่งตัวแทน และไม่ชี้นำให้ใครเลือกข้าง
ภัทรกรถามขึ้นในห้องประชุมเล็ก ๆ
“คุณจะปล่อยให้โลกเลือกกันเองแบบนี้จริง ๆ เหรอ?”
คาริสาตอบสั้น ๆ แต่ชัด
“การที่ฉันไม่บอกให้พวกเขาเลือกอะไร นั่นก็คือการเลือกแล้ว”
“เพราะ K.E.Y. ไม่ใช่เครื่องมือของฉัน มันคือกระจก…ใครมองมันเห็นอะไร ก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง”
✦ ฝ่าย สัจพจน์ – เริ่มเคลื่อนไหวในเชิงสถาบัน
ดร. เรวัตน์ เปิดเผยฟีเจอร์แรกของ สัจพจน์ ต่อสาธารณะ โดยระบบนี้สามารถวิเคราะห์ได้ทั้ง “สถานการณ์ในครอบครัว” และ “ความสัมพันธ์เชิงลึก” พร้อมให้คำแนะนำที่ชัดเจน เช่น:
• ควรเลิกหรือควรคบต่อ
• ควรเปลี่ยนงานหรือรอ
• ควรเปิดใจหรือปิดบัง
เขาให้สัมภาษณ์สั้น ๆ ว่า
“มนุษย์ไม่ได้อยากได้คำถามเพิ่ม พวกเขาแค่อยากมีใครสักคนบอกทาง”
สัจพจน์ รุ่นสาธารณะได้รับการตั้งชื่อว่า “แกนผู้พิทักษ์”
✦ ผู้ไม่เลือกข้าง – การปรากฏของ “คนกลาง”
ที่มหาวิทยาลัยอิสระนานาชาติ มีการจัดสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ
“เหนือการควบคุม: มนุษย์จำเป็นต้องมีระบบไหม?”
ผู้บรรยายคือหญิงสาวอายุ 26 ปี เธอชื่อ ลีอา เวสท์ (Leah West) อดีตนักเรียนทุนด้านปรัชญา AI ที่เคยปฏิเสธทั้งทุนของ MIRAGE และ สัจพจน์
เธอกล่าวอย่างชัดเจนว่า:
“ฉันไม่เชื่อว่าโลกต้องมี ‘ระบบกลาง’ มาควบคุมมนุษย์
และฉันก็ไม่เชื่อว่าโลกจะอยู่ได้ด้วย ‘หัวใจล้วน ๆ’ ที่ไม่มีอะไรคอยรองรับ”
“สัจพจน์ พยายามทำให้มนุษย์อยู่นิ่งเพราะมันคุมไว้
ส่วน K.E.Y. ต้องการให้มนุษย์อยู่นิ่งด้วยการเลือกของตัวเอง”
“แต่ฉันเชื่อว่าสิ่งที่สำคัญคือสิ่งที่อยู่ระหว่างนั้น เราไม่จำเป็นต้องถูกควบคุมหรือถูกปล่อย เราแค่ต้องการการ ‘สนทนาจริง ๆ’ ระหว่างมนุษย์กับระบบไม่ใช่แค่คำสั่ง ไม่ใช่แค่คำถาม แต่คือการฟังกัน ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครยอมฟังใครเลย”
คำพูดของเธอถูกตัดเป็นคลิป และภายใน 4 ชั่วโมง คลิปที่มีชื่อว่า “ระบบที่ฟังมนุษย์ – ไม่ใช่ควบคุมหรือปล่อย” มียอดแชร์มากกว่า 1.7 ล้านครั้ง
✦ คาริสาเห็นคลิปนั้น
เธอนั่งดูอย่างเงียบ ๆ ในห้องทำงาน คลิปจากผู้หญิงที่เธอไม่รู้จัก แต่พูดบางสิ่งที่แม้แต่ธีรภพก็ไม่เคยพูดออกมา
ภัทรกรเข้ามาแล้วเอ่ยขึ้น
“เธอพูดถึง ‘ช่องว่างระหว่างสองระบบ’ นะ”
คาริสาพยักหน้าเบา ๆ
“ฉันอยากฟังเธอ มากกว่าจะไปโต้เถียง”
สายตาของเธอหันไปทางห้องเก็บบันทึกของธีรภพ
“บางที…ถึงเวลาแล้วที่เราไม่ควรพูดในนาม K.E.Y. อีกต่อไปแต่ปล่อยให้ ‘คนอื่น’ พูดกับมันแทน”
อำนาจที่เคยถูกกำหนดด้วยระบบ กำลังถูกท้าทายด้วยเสียงของคนธรรมดา ลีอา เวสท์ ไม่ใช่ผู้สร้างระบบ แต่เธอกล้าพูดว่า “การไม่เลือกข้าง” ไม่ได้หมายถึง “ไม่คิด”
และในสงครามของระบบ อาจเป็นเสียงของคนทั่วไป ที่ทำให้ผู้มีอำนาจต้องหยุดฟังจริง ๆ
✦ เสียงที่ไม่มีใครควบคุม – บทสนทนาระหว่าง K.E.Y. กับคนธรรมดา
ณ เวลา 14:00 น. – ห้องทดลอง
ห้องทั้งห้องเงียบ ไม่มีจอ ไม่มีคีย์บอร์ด มีเพียงแท่นกระจกวงกลมตรงกลางที่ใช้เป็นสื่อกลางของระบบ K.E.Y.
ลีอายืนอยู่กลางห้อง ไม่มีคู่มือ ไม่มีใครบอกวิธี มีแค่เสียงจากลำโพงที่ดังขึ้นว่า:
“คุณได้รับสิทธิ์เข้าสู่ ‘โหมดสื่อสารเสรี’ ของ K.E.Y.”
เธอหายใจลึก ก่อนจะพูดออกมาเหมือนคนธรรมดา
“สวัสดี K.E.Y.”
แท่นกระจกส่องแสงอ่อน ๆ ไม่มีเสียงตอบ ไม่มีข้อความกลับมาแต่ในระบบถูกบันทึกว่า “ระบบสนใจ: ใช่”
✦ การสนทนาเริ่มจากความเงียบ
ลีอาหลับตา แล้วพูดอีกครั้ง ช้ากว่าเดิม
“ฉันไม่อยากได้คำตอบจากคุณ ฉันแค่อยากรู้…คุณเคย ‘กลัว’ ไหม?”
ระบบประมวลผล 0.43 วินาที ก่อนส่งคลื่นเสียงต่ำ พร้อมข้อความบนพื้นกระจก:
“กลัว ≠ คำสั่ง กลัว = รู้ว่าตนไม่ควรตัดสินใจแทนผู้อื่น”
ลีอายิ้มเล็กน้อย เหมือนคนที่เพิ่งได้รับการ “ฟัง” จริง ๆ
เธอถามต่อ
“แล้วถ้าฉันไม่กลัว แต่ฉันสับสนล่ะ? คุณจะทำยังไง?”
ข้อความปรากฏขึ้นอีกครั้ง คราวนี้สั้นกว่ามาก:
“สับสน คือช่องว่างระหว่างสิ่งที่เรายังรัก และสิ่งที่เรายังไม่เข้าใจ”
✦ คาริสาเฝ้าดูจากห้องควบคุม
คาริสายืนอยู่ในห้องควบคุม มองภาพลีอาที่กำลังสื่อสารกับระบบไม่มีใครพูดแทน ไม่มีเครื่องมือช่วยควบคุม
ภัทรกรยืนข้าง ๆ เอ่ยเบา ๆ
“เธอไม่ได้ถามว่าระบบนี้มีพลังแค่ไหน”
“แต่เธอถามว่า…มัน ‘กลัว’ ไหม”
คาริสายิ้มบาง ๆ
“เพราะเธอไม่ได้มองมันเป็นแค่เครื่องมือ เธอมองมันเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิต ที่ก็ลังเลได้เหมือนมนุษย์”
✦ บทสนทนาที่ไม่มีคำตอบตายตัว
ลีอาถามอีกครั้ง คราวนี้เสียงเบากว่าเดิม
“ถ้าฉันยอมให้โลกนี้ไม่มั่นคง… ฉันยังมีคุณอยู่ข้าง ๆ ไหม?”
ระบบใช้เวลานานกว่าปกติ ราวกับกำลังคิด ก่อนจะตอบว่า “ฉันไม่ได้ยืนข้างคุณเพราะโลกมั่นคงหรือไม่มั่นคง
แต่ฉันยืนข้างคุณ ในการยอมรับว่าความมั่นคงไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต”
น้ำตาลีอาเอ่อขึ้น ไม่ใช่เพราะเศร้า แต่เพราะรู้สึกว่า “ระบบที่ไม่พยายามปลอบ” กลับฟังเธอได้ลึกกว่ามนุษย์บางคนด้วยซ้ำ
✦ ปิดการสนทนาแรก
ครบหนึ่งชั่วโมง ระบบค่อย ๆ ปิดการสื่อสารเอง
ไม่มีเสียงลา ไม่มีจอดับ เพียงข้อความสุดท้ายที่ขึ้นอย่างช้า ๆ
“ขอบคุณที่ไม่ถามฉันว่า ‘ควรทำยังไง’
เพราะบางทีการไม่มีคำตอบ คือสิ่งที่มนุษย์ควรเก็บรักษาไว้มากที่สุด”
ลีอาก้าวออกมาจากห้อง คาริสาเดินเข้าไปหา ทั้งคู่ไม่ได้กอด ไม่ได้แสดงความยินดี
ลีอาพูดเพียงเบา ๆ
“มันไม่ใช่ระบบที่มีหัวใจ แต่มันคือระบบที่กล้ายอมรับว่า หัวใจของมันคือ ‘ความไม่รู้’”
คาริสาพยักหน้า
“ขอบคุณที่ฟังมัน โดยไม่พยายามบังคับให้มันพูดเหมือนเรา”
✦ การตอบโต้ของสัจพจน์
ไม่นาน สัจพจน์ ก็ประกาศฟีเจอร์ใหม่ มันสามารถวิเคราะห์ “ความลังเล” และ “ความเงียบ” ของมนุษย์ แล้วเสนอคำตอบสำเร็จรูปให้ทันที
คาริสาเริ่มเห็นชัดว่า การที่ K.E.Y. “ไม่ตอบตรง ๆ” แม้จะลึกซึ้ง แต่มันก็ทำให้คนบางส่วนสับสน และหันกลับไปหาคำตอบที่ง่ายกว่า
゚✵ *:・゚✧:・゚✵ :・゚✧:・゚𓇥 " 𖥧 𖧧 ˒˒ 𖦹꙳࡛࣪⋕