บทที่ 14 กระอักกระอ่วนไม่ไหว

3329 Words
กว่าจะผ่านช่วงเวลาที่กระแสดราม่าถาโถมเข้ามาหาเฟรนด์อย่างหนักหน่วงได้นั้นก็ใช้เวลาอยู่นานพอสมควรเหมือนกันทั้งๆ ที่คนตัวเล็กเลือกที่จะไม่ออกมาตอบโต้หรืออธิบายอะไรเลยก็ตาม เพราะเขารู้สึกว่าการออกมาพูดอะไรสักอย่างนั้นยิ่งเป็นการโหมให้กระแสมันถูกพัดตีกลับมาขึ้นมาอีกครั้งไม่ว่าจะในทิศทางที่ดีหรือแย่ก็ตาม เขาเองอยากให้กระแสมันค่อยๆ เงียบและจางหายไปไม่อยากจะไปให้ค่ามันสักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นและกระทบจิตใจอย่างสาหัสนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่คนตัวเล็กๆ อย่างเฟรนด์จะก้าวข้ามผ่านไปได้ง่ายๆ ซึ่งก็ต้องขอบคุณที่จัสท์คอยอยู่เคียงข้างคนตัวเล็กมาตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง เขาคอยพาเฟรนด์ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก ไปคาเฟ่ ทะเล ไปต่างจังหวัดเพื่อให้คนตัวเล็กไม่ต้องจมปลักอยู่กับเรื่องดราม่าที่เกิดขึ้น เพราะมันยิ่งทำให้เฟรนด์ติดหล่มจนทำงานออกมาได้ไม่ดีเท่าที่เคย เพราะงานศิลปะเป็นงานที่ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของศิลปิน พออารมณ์ของเฟรนด์ไม่คงที่งานที่มีก็เลยไม่ค่อยเข้าท่าสักเท่าไหร่นัก ใช้เวลาอยู่ตั้งเกือบสามอาทิตย์กว่าเฟรนด์จะเริ่มปล่อยวางได้แบบจริงๆ จังๆ สักที คนตัวเล็กจึงได้โอกาสกลับมาทำงานที่ตัวเองปล่อยค้างทิ้งเอาไว้ให้เสร็จเรียบร้อยรวมถึงคลิปรีวิวโฮสเทลของจัสท์ด้วย “เอาคลิปมาให้ตรวจ” เฟรนด์บอกแล้วยื่นไอแพดของตัวเองให้จัสท์ “คลิปไร” “ก็คลิปที่กูมารีวิวโฮสเทลไง ลองตรวจดูก่อนเผื่ออยากแก้ตรงไหน” “มึงเช็คเลย กูมั่นใจในตัวมึง” จัสท์เอามือดันไอแพดกลับคืนให้คนตัวเล็ก “ขนาดนั้นเลยเหรอ” เฟรนด์ถามย้ำ “เออออ แต่จริงๆ มึงส่งไฟล์มาให้กูเช็คก็ได้นะ ไม่เห็นต้องเดินมาเลย” “กูขี้เกียจอัพลงไดร์ฟ เปลืองพื้นที่กู” “ใช่อ่อ ไม่ใช่ว่าอยากเจอกูนะ” จัสท์แซวแล้วอมยิ้ม “ประสาท!” เฟรนด์ด่าแล้วรีบชักไอแพดกลับมาที่ตัวเอง ท่าทีเลิ่กลั่กของเขาทำเอาคนตัวโตที่นั่งอยู่ข้างๆ อดยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้ “แหนะ ทำเขินๆ” คนตัวโตเอ่ยแซวอย่างต่อเนื่องพลางเอามือจับคางอีกฝ่ายแล้วขยับไปมาเบาๆ “พอแล้ว!” เฟรนด์ปัดมือของจัสท์ออกก่อนพูดต่อ “งั้นเดี๋ยวกูลงคลิปให้เย็นนี้เลยละกัน ล่าช้ามาหลายวันละ” “โอเค กูได้หมดเลย ไม่ติดอะไร” “เดี๋ยวคลิปปล่อยแล้วจะส่งลิ้งก์ให้” “อ่าห้ะ” จัสท์พยักหน้ารับ “เค งั้นเดี๋ยวกูกลับบ้านก่อน จะไปอาบน้ำ” “เออ ก็ว่าได้กลิ่นแปลกๆ” “เดี๋ยวทุบ!” เฟรนด์ง้างมือทำท่าจะฟาดอีกฝ่ายก่อนจะเดินออกไปทำเอาจัสท์หัวเราะไม่หยุด เมื่อถึงเวลาที่กำหนดคลิปที่คนตัวเล็กตั้งเวลาเผยแพร่เอาไว้ในช่องยูทูปของตัวเองก็ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะและด้วยความที่ช่องของเฟรนด์มีคนติดตามเยอะก็ทำให้คลิปนั้นมียอดผู้เข้าชมพุ่งขึ้นรัวๆ อย่างรวดเร็ว และคอมเมนท์ก็เป็นไปในทิศทางที่ดีมีแต่คนสนใจอยากมาพักที่โฮสเทลแห่งนี้ เฟรนด์กดเปิดไอแพดแล้วคัดลอกลิ้งก์ของคลิปส่งไปให้ในไลน์ของจัสท์เพื่อเป็นการส่งงานให้อีกฝ่ายได้เห็นฟีดแบ็คว่ารีวิวที่เขาอุตส่าห์ช่วยทำให้ฟรีนั้นได้รับผลตอบรับอย่างไรบ้าง เผื่อว่าจัสท์จะเห็นใจแล้วให้ค่าขนมตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี เฟรนด์ไงจะใครล่ะ : https://youtu.be/BBqhGfBDdD4 เฟรนด์ไงจะใครล่ะ : ลิ้งก์คลิปรีวิวโฮสเทล จัสท์ครับ : อาเคร จัสท์ครับ : ขอบใจมากมึง เฟรนด์ไงจะใครล่ะ : (Sticker) จัสท์ครับ : (Sticker) หลังจากส่งงานให้คนตัวสูงเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นเฟรนด์ก็เดินเข้าไปหยิบขนมปังมาทาแยมก่อนจะเอาเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ จากนั้นจึงเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อจะอาบน้ำเตรียมมานั่งดูหนังสักเรื่องในเน็ตฟลิกซ์เป็นการผ่อนคลายหลังเสร็จงาน คนตัวเล็กใช้เวลาอาบน้ำอยู่พักใหญ่เพราะเวลาที่น้ำจากฝักบัวไหลไปตามร่างกายนั้นมันทำให้เขาได้รู้สึกผ่อนคลายและเกิดสมาธิอยู่เสมอ ไอเดียในงานหลายๆ ครั้งก็มาจากในช่วงเวลานี้แทบทั้งนั้น เสียงสั่นจากโทรศัพท์มือถือของเฟรนด์ดังขึ้นแต่ก็โดนเสียงน้ำที่ไหลลงไปปะทะกับพื้นดังกลบไปจนหมด ทำให้เฟรนด์ไม่ได้ยินเสียงแจ้งเตือนสายเข้าสายนั้น มือถือสั่นแรงอยู่นานจนปลายสายคงยอมแพ้และกดวางไป มือถือของคนตัวเล็กก็เลยกลับมานิ่งเงียบลงอีกครั้ง คนตัวเล็กรูดผ้าม่านที่กั้นระหว่างส่วนอาบน้ำกับห้องน้ำออกแล้วเดินออกมา ระหว่างที่เขาคว้าผ้ามาเช็ดตัวนั้นมือถือของเขาก็ดังขึ้นมาอีกครั้งหน้าจอโชว์รายชื่อของคนที่คุ้นเคยโทรเข้ามา จัสท์ “โทรมาทำไมวะ” เฟรนด์บ่นกับตัวเองก่อนจะเช็ดมือกับผ้าขนหนูจนแห้งแล้วหยิบมือถือขึ้นมากดรับ “ว่าไงมึง” (มึงงงง!!!!!) “อะไร!!!” เฟรนด์เอ่ยตอบด้วยความตกใจ (มีคนติดต่อเข้ามาเต็มเลย) “หื้ม?” (ก็พอมึงลงคลิปรีวิวโฮสเทลไปอะ มีคนติดต่อมาเต็มเลยทั้งเบอร์โทร ในเพจ อีเมล มาทุกทางเลยมึง เจ๋งว่ะ) “เออก็ดีละ ผลตอบรับดีกูก็ดีใจด้วย” (เดี๋ยวยังไงกูแบ่งเงินมาให้มึงนะ ถือซะว่าตอบแทนสินน้ำใจที่ยอมช่วยกูก่อน) “เออๆ แล้วแต่มึงเลย ขอบใจมาก” (กูไปก่อน มีสายเข้า) สายตัดไปพร้อมกับรอยยิ้มของเฟรนด์ที่รู้สึกยินดีว่าอย่างน้อยช่องของเขาก็ยังพอจะมีศักยภาพในการขายของได้อยู่บ้าง ไม่ทำให้เสียชื่อเสียงของยูทูปเบอร์ชื่อดังเจ้าของช่อง With your Friend ทีแรกก็คิดว่าจะช่วยทำรีวิวให้ฟรีๆ แต่ก็ยังดีที่คนอย่างจัสท์ยังพอมีน้ำใจอยู่บ้างที่พอได้รายได้จากสิ่งที่คนตัวเล็กช่วยเหลือไว้ก็ยังอุตส่าห์จะแบ่งเงินบางส่วนมาให้เป็นค่าตอบแทน ... ... ... หลังจากโฮสเทลของจัสท์เปิดกิจการไปได้เพียงเดือนเดียวก็ทำให้ผู้คนหลั่งไหลกันมาไม่ขาดสายแย่งกันจองล่วงหน้าหลายเดือนเพื่อที่จะได้มาพักที่นี่ ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดและต่างประเทศแทบทั้งสิ้น แม้จะเป็นสิ่งใหม่ในอำเภอดำเนินสะดวกเพราะไม่เคยมีโฮสเทลในลักษณะนี้มาก่อนแต่คนท้องที่ส่วนใหญ่ก็คุ้นชินกับบรรยากาศแบบนี้อยู่แล้วเพราะอาศัยอยู่ที่นี่กันมาตั้งแต่เกิด ไอ้ความตื่นตาตื่นใจสำหรับคนที่นี่ก็เลยเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้น กับเฟรนด์เองก็เช่นกัน... ตั้งแต่จัสท์เปิดกิจการวิถีชีวิตของเฟรนด์ก็แทบจะเปลี่ยนอย่างสิ้นเชิงเพราะผู้คนมากมายที่วนเข้าเวียนออกกันตลอดทั้งวันทั้งคืน ทำให้จากที่บ้านของเขาเคยสงบก็กลายเป็นว่าไม่สงบกันอีกต่อไป ซึ่งมันส่งผลกระทบต่อคนตัวเล็กเป็นอย่างมากเพราะมันทำให้เขาทำงานที่เขาเคยทำเป็นประจำไม่ได้อีกต่อไป ดังเช่นในวันนี้ เขาตั้งใจจะทำคลิปวาดรูปอันใหม่เพื่อที่จะเก็บไว้ในสต๊อกซึ่งไอเดียของเขาในวันนี้ก็แตกต่างจากปกติไปสักเล็กน้อยเพราะเขาอยากจะลองวาดอะไรใหม่ๆ ดูบ้างที่ไม่ใช่วิวนอกหน้าต่างเหมือนเช่นทุกวัน แต่เขาอยากจะลองทำอะไรที่มันนามธรรมขึ้นมาบ้าง เขาจึงตัดสินใจเปิดเพลย์ลิสต์ที่เขาเตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วกดเปิดกล้องบันทึกวิดีโอ คนตัวเล็กหน่อยตัวลงนั่งที่หน้ากระดานวาดรูปแล้วหลับตาลงอยู่พักใหญ่เพื่อตั้งสติและเรียกสมาธิจากเสียงเพลงที่ตัวเองได้ยิน เขาค่อยๆ ลืมตาแล้วคว้าพู่กันจุ่มสีในถาดสีที่เตรียมไว้แล้วค่อยๆ วาดไปเรื่อยๆ อย่างอิสระโดยไม่ได้มีการวางแผนหรือร่างโครงเอาไว้ก่อน ตึงงง!!! เสียงตึงตังและโหวกเหวกโวยวายดังมาจากโฮสเทลข้างๆ ทำเอาเฟรนด์ต้องสูดหายใจลึก ลำพังหากเขาได้ยินเพียงคนเดียวก็คงจะไม่ได้อะไรสักเท่าไหร่เพราะเขาเข้าใจดีว่ามันเป็นปัจจัยภายนอกที่เขาควบคุมไม่ได้ เขาจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมความรู้สึกของตัวเองไม่ให้หงุดหงิดและจดจ่อกับงานที่ต้องทำ แต่เสียงเหล่านั้นมันเล็ดลอดเข้ามาในคลิปที่เขากำลังถ่ายอยู่จึงเป็นสิ่งที่เขาไม่คิดว่าจะสามารถอดทนได้ เขาลุกพรวดแล้วรีบเร่งฝีเท้าเดินลงไปจากห้องทำงานแล้วเดินหน้าตึงไปยังโฮสเทลข้างบ้านทันที ยังดีที่เขายังมีสติพอที่จะไม่โวยวายเสียงดังเพราะมันจะทำให้จัสท์ต้องเสียหน้า คนตัวเล็กเดินเข้าไปหาจัสท์ที่นั่งเล่นเกมมือถืออยู่ที่เคาท์เตอร์แล้ววางมือลงบนโต๊ะด้านหน้าเสียงดัง ปัง! จัสท์สะดุ้งตกใจเงยหน้าขึ้นมามอง “เชี่ย! ตกใจหมด เบาๆ หน่อยมันรบกวนลูกค้า เดี๋ยวเขาคอมเพลนขึ้นมาก็แย่ดิ” “ใช่มั้ยล่ะ” “ห้ะ?” “ก็ลูกค้ามึงอะทำเสียงดังจนกูถ่ายงานไม่ได้เลยเนี่ย กูก็บอกมึงเป็นล้านรอบแล้วนะ ไม่เห็นจะแก้เลย” เฟรนด์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้จัสท์เล็กน้อยแล้วพูดด้วยเสียงเบาจนแทบกระซิบ เพราะเขาก็กลัวว่าลูกค้าในโฮสเทลจะได้ยินเดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปอีก จัสท์มองหน้าเฟรนด์นิ่งเพราะไอ้การที่จู่ๆ ใบหน้าของอีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้แบบที่ไม่ทันได้ตั้งตัวนั้นก็ทำให้ใจของเขาแอบหวั่นไหวได้เล็กๆ อยู่เหมือนกัน ก็น่ารักซะขนาดนี้จะไม่ให้ใจสั่นตอนอยู่ใกล้ได้ยังไง “...” “มึงได้ยินที่กูพูดมั้ยเนี่ย” เฟรนด์ถามย้ำ “ดะ...ได้ยินดิ” “เออ จัดการให้กูด้วย” “ได้ดิ เดี๋ยวกูช่วยหาทางแก้ให้” “พูดงี้ทุกที” เฟรนด์มุ่ยหน้าแล้วหันหนี จัสท์รีบลุกจากเก้าอี้แล้วเดินอ้อมมาจากด้านในของเคาท์เตอร์แล้วรีบวิ่งมายืนข้างหน้าคนตัวเล็กแล้วยิ้มกว้างพลางจับเข้าที่ข้อมือของอีกฝ่าย “โอ๋เอ๋น้า อย่างอนดิว้า” “ก็มึงอะ เรื่องผ่านมาเป็นเดือนๆ ก็เจอแต่เรื่องเดิมๆ ปัญหาเดิมๆ มาเตือนครั้งหนึ่งก็ดีขึ้นได้ไม่กี่วันแล้วก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก งานกูก็ไม่คืบสักที ดีนะที่กูอัดคลิปเก็บไว้ในสต๊อกเยอะเลยมีลงได้เรื่อยๆ” “พอๆ กูเข้าใจแล้ว เดี๋ยวจัดการให้ ขอเวลาคิดวิธีแก้ก่อน” “เออ ปล่อยได้ละ กูจะกลับบ้าน” เฟรนด์พยายามดึงมือของตัวเองออกจากมือของจัสท์ “อยู่ด้วยกันก่อนดิ” “เรื่องอะไรล่ะ” “ก็กูเหงาอะ นั่งคนเดียวทุกคืน” จัสท์เอ่ยพูดพร้อมทำหน้าอ้อน แล้วแบบนี้เฟรนด์จะปฏิเสธได้ยังไง... “เออๆ แต่กูขอกลับเอางานมาทำด้วยได้ป้ะ ยังคาอยู่เลย” “เอาดิ” จัสท์เอ่ยบอกแล้วพยักหน้ารับเล็กน้อย เฟรนด์ก็เลยตัดสินใจเดินกลับไปที่บ้านของตัวเองขึ้นไปยังชั้นสองแล้วคว้าเอากระดานวาดรูปพร้อมกับกล่องสีและอุปกรณ์วาดรูปอีกนิดหน่อยออกมาแล้วตรงเข้าไปที่โซนนั่งเล่นของโฮสเทลทันที บรรยากาศเริ่มเงียบลงแล้วมีเพียงเสียงจากมือถือของจัสท์ที่เล็ดลอดออกมาเพราะกำลังเล่นเกมอยู่อย่างเมามัน เขากางอุปกรณ์ที่เตรียมมาทั้งหมดบนโต๊ะที่ขอหนังสือพิมพ์เก่าๆ จากจัสท์มารองเอาไว้เพื่อไม่ให้เปื้อน “ขอเปิดเพลงคลอเบาๆ ได้มั้ย” เฟรนด์หันไปเอ่ยถามจัสท์ “อื้อ เอาดิ” “มีเพลงอะไรที่อยากฟังเปล่า” “มึงเลือกเลยเพราะมึงต้องทำงานหนิ” “โอเค” เฟรนด์หันไปหยิบรีโมทเพื่อเปิดทีวีแล้วกดเลือกเพลย์ลิสต์เพลงในยูทูปก่อนจะหันไปเริ่มจดจ่อกับงานของตัวเองที่ทำค้างเอาไว้ต่อ กระดาษสีขาวถูกแต่งแต้มไปเรื่อยๆ จนสีสันเริ่มเต็มพื้นที่ ภาพวาดในสไตล์นามธรรมแบบที่เฟรนด์ตั้งใจเริ่มเป็นรูปเป็นร่างให้เห็นชัดเจนมากขึ้น แต่หากจะให้ดูตอนนี้ก็ใช่ว่าจะมีคนตอบถูกได้ว่าภาพที่คนตัวเล็กกำลังวาดนั้นหมายถึงอะไร เพราะตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามันสื่อถึงอะไรนอกไปจากอารมณ์ภายในใจที่วุ่นวายอยู่ในตอนนี้ เพราะไอ้คนหน้าหล่อตัวสูงที่นอนเล่นมือถืออยู่ข้างๆ มันค่อนข้างรบกวนสมาธิเขาอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน คนตัวเล็กนั่งจดจ่ออยู่กับงานศิลปะของตัวเองอยู่นานจนไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าเวลามันผ่านไปนานสักเท่าไหร่แล้ว เพราะสมาธิทั้งหมดที่มีเขาใช้มันไปกับงานตรงหน้าแล้ว แม้จะอ้าปากหาวไปหลายรอบแต่ก็ยังไม่สามารถทำให้เขาลดละจากงานดังกล่าวได้เพราะเขาอยากจะวาดให้เสร็จในทีเดียวไม่อยากเก็บไว้ทำวันอื่น จัสท์เองก็ได้แต่แอบเดินวนไปมาดูคนตัวเล็กทำงาน เดี๋ยวนั่งเดี๋ยวยืนชะเง้อมองบ้างเล่นมือถือบ้างเพราะไม่กล้าทำเสียงดังกลัวจะรบกวนคนตรงหน้า แม้จะมีแขกเดินลงมาหาของกินในครัวบ้างแต่จัสท์ก็คอยบอกให้คนเหล่านั้นงดใช้เสียงจนทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น คนตัวสูงเหลือบตามองเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายวาดภาพจนเกือบจะเสร็จเต็มที เขาจึงค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นแบบเงียบๆ แล้วเดินหายเข้าไปในครัวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกมา “อะ ดื่มหน่อยมั้ย” จัสท์ยื่นแก้วนมที่ตั้งใจเทออกมาให้เฟรนด์ “อ้อ ขอบคุณมากมึง” เฟรนด์ตอบรับแล้วยื่นมือไปรับนมมายกดื่มรวดเดียวจนหมด “เหมือนหิว” จัสท์เอ่ยแซวแล้วนั่งลงข้างๆ เฟรนด์ “อือ นั่งเพลินไปหน่อย พอเสร็จถึงได้รู้สึกว่าหิว” คนตัวเล็กยื่นแก้วเปล่าคืนให้จัสท์ คนตัวสูงรับแก้วเปล่าไปวางไว้ที่โต๊ะข้างโซฟาก่อนจะจ้องตาอีกฝ่ายนิ่ง เฟรนด์มองกลับไปอย่างสงสัยกับท่าทีคนตรงหน้าแต่แววตาที่จ้องมาอย่างมั่นคงก็ทำเอาคนอย่างเฟรนด์ไม่กล้าจะหลบตาไปมองทางอื่น สายตาของจัสท์หลุบต่ำลงมองที่บริเวณริมฝีปากของเฟรนด์ก่อนจะเงยมาสบตาคนตัวเล็กอีกครั้งแล้วค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าของตัวเองเข้ามาใกล้ทีละนิด ทีละนิด เฟรนด์หายใจเข้าออกแรงขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อเห็นแบบนั้น เขาแอบเม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ถอยหลังนิดหน่อยแต่ก็ถูกอีกฝ่ายคว้าคอแล้วล็อกเอาไว้ จัสท์ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนลมหายใจของทั้งสองคนต่างก็สัมผัสใบหน้าของกันและกัน เฟรนด์ค่อยๆ หลับตาลงเพราะคิดว่าอีกฝ่ายจะจูบ “ปากเลอะนมหมดแล้ว” เสียงกระซิบแผ่วเบาเอ่ยพูดขึ้นพลางยกนิ้วโป้งของตัวเองขึ้นมาเช็ดปากให้เฟรนด์ “อะ... อ่อ ขอบใจมาก” เฟรนด์ใบหน้าร้อนผ่าวพร้อมหัวใจที่เต้นถี่และแรง “ทำไม? นึกว่าจะจูบเหรอ” จัสท์เอ่ยแซวด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ “เปล่า” กริ๊งงง~! เสียงโทรศัพท์มือถือของจัสท์ดังแหวกความเงียบขึ้นมาเขาหยิบมือถือมาดูหน้าจอก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปรับสายที่บริเวณหลังบ้านทันที “เห้อ” เฟรนด์ถอนหายใจออกมาเล็กๆ เพราะรู้สึกเสียดายโมเมนท์เมื่อครู่ แต่เขาก็เข้าใจว่ามันก็อาจจะเป็นไปได้ยากนิดหนึ่งสำหรับเขาสองคน ซึ่งก็ดูเหมือนจะจริงอย่างที่เขาว่า... จัสท์เดินยิ้มกลับมานั่งที่ข้างโซฟาจนเฟรนด์ที่หันไปเห็นก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมคนตัวสูงถึงได้อารมณ์ดีมากกว่าปกติ “มีไรวะ” “หื้ม?” จัสท์หันมาส่งเสียงในลำคออย่างสงสัยเพราะไม่ได้ยินในสิ่งที่คนตัวเล็กถาม “เปล่าๆ เห็นมึงออกไปรับโทรศัพท์แล้วอารมณ์ดีผิดปกติ” “อ๋อ ไม่มีไรหรอก พอดีเดี๋ยวจะมีคนมาหาอะ” “ดึกป่านนี้เนี่ยนะ” เฟรนด์ถามย้ำด้วยความประหลาดใจ ก๊อกๆๆ “สงสัยมาถึงละ” จัสท์รีบลุกขึ้นแล้วเดินไปประตูบานหลักของโฮสเทลที่ปิดเอาไว้เนื่องจากเป็นเวลากลางคืน เมื่อบานประตูเปิดออกก็ปรากฏหญิงสาวพร้อมกระเป๋าสัมภาระใบโตข้างกาย ใบหน้าเปื้อนยิ้มมองหน้าจัสท์ก่อนจะค่อยๆ เข็นกระเป๋าเข้ามาภายในบ้านแล้วหันมาเห็นเฟรนด์จึงส่งยิ้มกว้างให้ “หวัดดี!” หญิงสาวใบหน้าหวานเอ่ยทักพร้อมรอยยิ้มแล้วโบกมือให้ “สวัสดีครับ” คนตัวเล็กเอ่ยตอบ “นี่เฟรนด์นะ เพื่อนสมัยม.ปลาย อยู่บ้านข้างๆ นี่เอง” จัสท์เอ่ยแนะนำกับหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนจะหันไปหาเฟรนด์แล้วแนะนำเพื่อนใหม่ให้รู้จัก “ส่วนนี่แจนนะ แฟนกูเอง” “ฟะ...แฟนหรอ” เฟรนด์ถามย้ำอย่างตกใจ “อื้อ แฟนกูเอง เพิ่งบินมาจากเชียงใหม่” “ทำไมกูไม่เคยรู้เลย ไม่เห็นมึงบอก” เฟรนด์เอ่ยพูดต่อก่อนจะเริ่มทยอยเก็บอุปกรณ์วาดเขียนใส่กล่อง “ก็มึงไม่เคยถาม” “ก็จริง แล้วคบกันมานานหรือยัง” คนตัวเล็กเอ่ยถามต่อด้วยน้ำเสียงเรียบ “เกือบสองปีแล้วมั้ง” “อ่อ งั้นเดี๋ยวกูกลับเลยแล้วกันจะได้ไม่รบกวนเวลาส่วนตัวของพวกมึง” เฟรนด์รวบอุปกรณ์วาดเขียนและกระดานวาดรูปมาถือไว้ก่อนจะลุกขึ้นยืน “ส่วนรูปนั่นกูทิ้งไว้ให้มึงแล้วนะ เผื่ออยากได้ไว้ประดับโฮสเทล” “ไม่อยู่คุยกันก่อนวะ จะได้สนิทๆ กันไว้ แจนเขาเพิ่งมาจากเชียงใหม่ จะได้มีเพื่อนเพิ่มบ้าง” จัสท์เอ่ยถามแล้วคว้าแขนของคนตัวเล็กเอาไว้ “ไว้พรุ่งนี้แล้วกัน ดึกแล้ว กลับก่อนนะแจน” เฟรนด์ตอบจัสท์ก่อนจะหันไปหาแจนเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกันแล้วยิ้มให้ก่อนจะเดินกระเตงข้าวของที่ใช้วาดรูปออกจากโฮสเทลไป เรี่ยวแรงที่มีอยู่เมื่อตอนหัวค่ำหรือแม้กระทั่งหัวใจที่พองโตจากความใกล้ชิดระหว่างเขากับจัสท์กลับอันตรทานหายไปจนหมดเมื่อเห็นภาพแจนเดินเข้ามาแล้วถูกแนะนำว่าเป็นแฟน มันจุกอยู่ในอกของเขาแต่ก็แสดงออกอะไรมากไม่ได้เพราะเขารู้ว่าเขาไม่มีสิทธิ์นั้น เขาวางข้าวของทั้งหมดไว้ที่ด้านล่างโดยที่ไม่ได้ขนขึ้นไปเก็บในห้องทำงานที่ชั้นสองด้วยซ้ำ คนตัวเล็กมีน้ำตาไหลออกมาเล็กน้อยเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าที่ผ่านมาคงเป็นเพียงเขาคนเดียวที่มความสุขกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจัสท์ที่มันกลับมาดียิ่งกว่าที่เคยเป็นมาในอดีต ยิ่งพอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ยิ่งเป็นเครื่องการันตีว่าระหว่างเขากับจัสท์มันคงไม่สามารถพัฒนาไปได้ไกลมากกว่านี้อีกแล้ว แม้ในตอนนี้เฟรนด์จะรู้สึกในใจอย่างท่วมท้นมากแค่ไหนก็ตาม แต่มันก็คงจะไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเหมือนกันกับเขาได้... หลังจากนี้ก็คงต้องจัดการความรู้สึกของตัวเองสินะ...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD