ณ ฮาเร็มในปราสาทหลังใหญ่
“แฮ่กๆ...ฉันบอกให้ปล่อย...”
จิรัจฌาเหนื่อยล้าร่างกายจนแทบจะหมดเรี่ยวแรง เธอดิ้นตั้งแต่ต้น จนถึงตอนนี้เธอกำลังถูกจับใส่เสื้อผ้า เธอจะยอมแพ้ไม่ได้เป็นอันขาด ชีวิตของเธอจะต้องไม่เป็นแบบนี้
“นางคนนี้เอาเรี่ยวแรงที่ไหนมามากมายมหาศาล จับนางแต่งองค์ทรงเครื่องต้องใช้คนถึงหกคนเลยทีเดียว เกิดมาข้าก็พึ่งเคยเห็นนางเป็นคนแรก ทำไมนายน้อยฮาริสถึงเลือกนางมา กิริยามารยาทนางก็ไม่มี แถมยังพยศราวกับม้าออกศึก ข้าเหนื่อยเหลือเกิน...โอย”
ซีญ่าบ่นกับสาวรับใช้ทั้งหกคน กว่าจะจับผู้หญิงคนนี้ได้ ข้าวของภายในห้องกระจัดกระจาย บางคนก็ได้รับบาดแผลไปหลายที่ จนสาวใช้บางคนโอดโอยไปบ้างก็มี
“พวกคุณ...ต้องปล่อยฉัน! เดี๋ยวนี้”
จิรัจฌาเหลือบมองบริเวณรอบๆ ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆ อย่างใช้ความคิด เธอกำลังเหนื่อยเปล่า เธอจะกรีดร้อง หรือว่าดิ้นรนแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เพราะตอนนี้เรี่ยวแรงของเธอ กำลังจะหมดไปกับผู้คนทั้งเจ็ดคนนี้แล้ว...เธอควรคิดแผนการรับใหม่
“พานางไปฮาเร็ม...แล้วข้าจะให้คนนำอาหารไปให้นาง...ดูแล้วนางคงใช้พลังไปเยอะ...กลัวจะพาลหมดแรงไปก่อนที่จะได้รับใช้คืนนี้”
“เจ้าค่ะ”
“ไม่! นะ”
จิรัจฌาขัดขืนได้เพียงเล็กน้อย เธอยังมีสติอยู่ แต่ทว่าร่างกายของเธอกับสั่งการได้ช้าลง ‘เธอจะต้องหาทางออกให้ได้’ จิรัจฌากำลังใช้สมองในการคิดไตร่ตรองกับเหตุการณ์ เธอตกใจจนขาดสติ และใช้พลังพละกำลังที่มีไปจนแทบหมด ‘เธอต้องเปลี่ยนแผนใหม่...จะต้องใช้สมองมากกว่ากำลัง’
“นางคนนี้...คงเป็นคนต่างถิ่น...นายน้อยคงถูกใจนางคนนี้ไม่น้อยเลยนะเจ้าคะ”
สาวใช้สนทนากันระหว่างนำตัวเธอไปยังห้องต่างๆ ผ่านมามากมายหลายห้อง ‘นี่มันบ้าน หรือ คฤหาสน์ หรืออะไรกันแน่ ทำไมมันถึงได้ใหญ่โตขนาดนี้’ จิรัจฌามองซ้ายขวา และบริเวณรอบๆ เพื่อจดจำเส้นทางต่างๆ แต่ทว่ามันก็ซับซ้อนเหลือเกิน
“นางงดงามมากจริงๆ ผิวพรรณขาวราวกับไข่มุก รูปร่างนางอรชรทรวดทรงนางสวยงามราวนางฟ้า ข้าชอบนางจริงๆ ถึงแม้จะเป็นม้าดีดกระโหลกก็เถอะ”
สาวใช้อีกคนกำลังเอ่ยชมคนตรงหน้า โดยที่เธอคนนี้ไม่รู้อะไรเลย ว่าคนพวกนี้สนทนากับเธอเช่นไร
จิรัจฌาถูกพามายังห้องๆ หนึ่งที่มีขนาดใหญ่มากๆ ราวกับมันไม่ใช่ห้อง น่าจะเป็นห้องโถงมากกว่า ถ้าเธอไม่เหลือบเห็นเตียงนอนขนาดใหญ่ อยู่ตรงหน้าเธอ จิรัจฌากลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก เธอจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ได้อย่างไร
“ปล่อยนางไว้...และออกไปรอข้างนอก...”
สาวใช้นางหนึ่งเอ่ยขึ้น และทั้งหกก็พากันเดินออกไปจากห้องไป
ตึก! ตึก! เสียงฝีเท้าของจิรัจฌาวิ่งไปที่ประตู เธอพยายามเปิดออก แต่ทว่ามันถูกล็อคไว้แน่นหนา
‘มันจะต้องมีทางหนีสิ’
จิรัจฌาวิ่งไปทั่วบริเวณห้อง ทั้งหน้าต่างที่ถึงแม้จะเปิดระบายอากาศ แต่ทว่ามันก็ถูกตรึงไปด้วยเหล็กเป็นซี่ๆ ซึ่งถ้าเธอจะออกไปได้นั้น เธอจะต้องมีเลื่อยตัดเหล็กซะก่อน
‘ห้องน้ำ’ จิรัจฌาวิ่งไปห้องน้ำทันที เธอเปิดเข้าไปแต่แล้วบริเวณภายในนั้นก็ทำให้เธอตะลึง ‘ทำไมห้องน้ำมันไม่เหมือนกับจะเป็นห้องน้ำเลย ถ้าไม่เห็นอ่างอาบน้ำล่ะก็ เราคงคิดว่ามันห้องใหญ่อีกหนึ่งห้องเลยทีเดียว’
‘โอย! จะทำยังไงดี คิดสิกิมกิม...เธอจะติดอยู่แบบนี้ไม่ได้เป็นอันขาด...ที่นี่น่าจะเป็นห้องฮาเร็มแน่ๆ ดูข้าวของเครื่องใช้ และสิ่งของภายในห้องนั้นประดับประดาไว้สิ...เหมือนจะเป็นห้องนอนของพระราชาหยั่งงั้นแหละ’
จิรัจฌาสำรวจทั่วห้อง ไม่มีทางหนีสักทาง เธอนั่งลงตรงเบาะนั่งตรงริมหน้าต่างอย่างหมดแรง น้ำในดวงตากลมโตก็ค่อยๆ ไหลออกมาเป็นทางยาว กลบเครื่องประทินโฉมที่สาวใช้ทั้งหกได้แต่งให้เธอก่อนหน้านี้
‘ต้นกล้า...ฮือ ฮือ ฉันคิดถึงแก ฉันคงไม่มีโอกาสกลับไปเจอหน้าแกแล้ว...ฮือ ฮือ’ จิรัจฌาใช้มือเรียวบางปาดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนแก้มสวยของเธอ
....................
อีกด้านหนึ่งของปราสาท
“ฮาริส...พ่อมีเรื่องจะคุยกับลูกสักหน่อย”
ชีคอุซมีเอ่ยหลังจากที่เห็นบุตรชายของตนกำลังย่างกายเข้ามาภายในปราสาท ซึ่งคนรับใช้ได้มารายงานอยู่ก่อนแล้ว ว่าบุตรชายจะเข้ามา เขาเลยมาดักรอเจอ
“ครับท่านพ่อ” ฮาริสนั่งลงตรงข้ามกับผู้เป็นพ่อ
“ที่ลูกได้บอกท่านแม่ไว้...ว่าลูกจะยอมแต่งงานกับบุตรสาวของชีคอัฟซานั้นจริงหรือฮาริส”
ชีคอุซมีถามบุตรชายเพื่อต้องการความแน่ใจอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้บุตรชายได้ปฏิเสธเสียงแข็งว่าจะไม่ยอมแต่งงานเด็ดขาด
“ครับท่านพ่อ...ลูกไม่ขัดอะไรแล้วขอรับ”
“ทำไมลูกถึงยอมง่ายๆ เช่นนี้ล่ะฮาริส” ชีคอุซมีแปลกใจ
“ที่ลูกยอมก็เพราะว่า...ลูกไม่อยากขัดใจท่านพ่อกับท่านแม่อีกครับ”
จริงๆ แล้วฮาริสรู้มาว่า ทางชีคอัฟซาแห่งรัฐโคเชกเมียร์ที่เป็นบิดาของนูรีน พยายามจะยัดเยียดบุตรสาวของตัวเองให้รีบแต่งงานโดยเร็ว กับชายสูงศักดิ์ซึ่งมันก็คือเขา ชีคอัฟซานั้นต้องการรวมความสัมพันธ์ระหว่างสองอนาจักร ซึ่งฐานะทางการเงินของชีคอัฟซากำลังมีปัญหาอย่างหนัก และชีคอัฟซาอาจมีส่วนพัวพันกับเหตุการณ์บางอย่าง เขาก็ได้รับมอบหมายจากสุลต่านเพื่อสืบความจริงนี้ เขาจึงตกปากรับคำอย่างง่ายดาย เพราะแต่ก่อนหน้านี้เขานั้นปฏิเสธมาตลอด
“อืม...งั้นก็ไม่มีอะไรผิดพลาดอีก พ่อกำหนดวันแต่งงานของลูกกับนูรีนไว้...อีกประมาณอีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้ ลูกก็เตรียมตัวไว้เถิดฮาริส”
“ครับท่านพ่อ”
....................
อีกด้านหนึ่งของเหตุการณ์
ณ โรงแรมหรูใจกลางเมืองโอซีเรีย
“ไร้วี่แววของคุณกิมกิมครับ...พี่ซานิ”
ไกด์หนุ่มเอ่ยกับไกด์สาวรุ่นพี่ที่เป็นเจ้าของทัวร์นี้
“เธอจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้...โทรศัพท์เธอก็ไม่มีสัญญาณ พี่กลุ้มใจจริงๆ ไตเติ้ล ไม่รู้จะหาช่องทางไหนมาติดต่อเธอได้ พี่จ้างคนแถวนี้ค้นหาบริเวณใกล้กับจุดที่เธอหายไป ก็ไร้ร่องรอยของเธอ...พี่จะทำยังไงดี”
“ผมว่าพรุ่งนี้ก็จะครบตามกำหนดที่คุณกิมกิมหายไปแล้ว เราต้องแจ้งความ และโทรประสานญาติของเธอนะครับพี่ และอีกอย่างพี่ก็ต้องคอยแจ้งกลับไปที่บริษัทของเราด้วยครับ ให้ปิดข่าวเรื่องนี้ก่อน ไม่งั้นบริษัทเราเจ๊งแน่ๆ ครับพี่ซานิ”
“นั่นสิ...แต่เราจะปิดลูกทัวร์ที่อยู่ที่นี่ได้เหรอไตเติ้ล”
ไกด์สาวคิดหนักไปอีก
“พี่ก็สมมุติสถานการณ์สิครับ...ว่าเจอเธอแล้ว...เธอไม่สบายกลับมา...และพักรักษาตัวที่โรงแรม...แต่ถ้าเจอเธอก่อนที่เราจะกลับก็ค่อยว่ากันอีกทีนะครับ...เราไม่มีทางเลือกนี่ครับ”
“ใช่! เราไม่มีทางเลือก...แต่เราก็เหมือนเห็นแก่ตัวยังไงไม่รู้นะไตเติ้ล...พี่ไม่สบายใจเลยอ่ะ...คุณกิมกิมไม่น่ามาเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้เลย”
“ไม่มีใครอยากให้เกิดครับพี่ซานิ...ผมว่าเราแก้ไขสถานการณ์แบบนี้ไปก่อน...และเดี๋ยวผมจะเรียกทีมงานของเราอีก สี่คนประชุมนัดแนะกันก่อนครับ”
“อืม...เอาแบบนั้นไปก่อนก็ได้”
ไกด์สาวมองออกไปบริเวณรอบๆ โรงแรมอย่างใจหาย เธอเองได้คุยกับจิรัจฌามาตลอด ถือว่าสนิทพอสมควร ‘เธอไปอยู่ที่ไหนกันนะ’
....................
แกร๊ก! เสียงประตูบานใหญ่ถูกเปิดในเวลาต่อมา...
ปึก! เพล้ง! วัถตุทรงกระบอกลอยละลิ่วปะทะกับสิ่งหนึ่งอย่างจัง และล่วงหล่นบนพื้นแตกเสียงดังสนั่น!
“อุ๊ก!” เสียงชายหนุ่มร้องจนทำให้สาวใช้ที่อยู่ด้านนอก ที่รอดูเหตุการณ์อยู่ก่อนแล้ว รีบวิ่งเข้ามาดูทันที
“เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะนายน้อย”
ซีญ่าวิ่งมาเร็วก่อนใคร เพราะนางสังหรณ์ใจอยู่แล้ว ว่าจะต้องมีเหตุการณ์ไม่ราบรื่นแน่นอนในคืนนี้
“มีคนปองร้ายข้า”
ฮาริสใช้สายตากวาดมองบริเวณรอบห้องทันที เขารู้อยู่แล้วว่าคนที่ลอบทำร้ายเขานี้ไม่ใช่ใครเลย
“อุ้ย! นายน้อยมีเลือดด้วยเจ้าค่ะ...”
ซีญ่าลมแทบจับที่เห็นใบหน้าของนายน้อยฮารีสมีเลือดซึมออกมาแต่ไม่มากนัก จะเป็นฝีมือใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ ‘แม่นางพลังม้าคนนั้น’ ซีญ่าหันขวับทันที
“เจ้า ออกมา เดี๋ยวนี้” ซีญ่าใช้น้ำเสียงข่มขู่
“ไม่ต้องซีญ่า ข้าจัดการเอง”
ชีคฮาริสบอกด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเข้ม เขาต่อสู้กับพวกโจรผู้ร้ายมานับร้อย ไม่เคยมีบาดแผลเลยสักนิด แต่มาพลาดท่าหญิงสาวตัวเล็กๆ คนนี้ได้
“แต่ว่านายน้อยเจ้าคะ เราจะต้องสั่งสอนเธอบ้างนะเจ้าคะ”
“ไม่ต้อง! ข้าจะจัดการนางเอง...ออกไปได้แล้ว”
ฮาริสเดินสอดส่องไปยังบริเวณห้องขนาดใหญ่ ซึ่งมันใหญ่จริงๆ จนสามารถแอบซ่อนตัวได้สบาย
“ข้า จะให้โอกาส เจ้าออกมา”
ฮาริสใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร
“..........” ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับ
เหนือเตียงขนาดคิงไซส์มีผ้าม่านผืนใหญ่ปิดบังอยู่ ฮาริสรู้ทันทีว่าหลังม่านนั้นมีสิ่งใดแอบอยู่ เขาจึงเดินย่องเข้าเปิดผ้าม่านอย่างรวดเร็ว พร้อมกับคว้าร่างบางที่อยู่ในนั้นออกมา
“อุ้ย! ปล่อยนะ!”
จิรัจฌาดีดตัวหนี แต่ทว่าไม่พ้นมือหนาไปได้ เธอถูกเขารวบตัวเข้าหาร่างสูงใหญ่ทันที เธอดิ้นไปมาทั้งเตะ และใช้เท้าเล็กๆ กระทืบลงไปแบบรัวๆ แต่เพียงไม่นานร่างบางก็ลอยลิ่วกระแทกบนเตียงใหญ่ทันที
“ปล่อยนะ!”
จิรัจฌาดีดตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่อาจทันคนตัวใหญ่ที่กดทับตามมาได้
“กรี๊ดดด! อุ๊บ!”
เสียงกรี๊ดของจิรัจฌายังไม่ทันที่จะเปล่งสุดเสียง มือหนาก็ตะปปทันทีเพื่อปิดเสียงร้องของเธอ
“ฤทธิ์เยอะจังแม่สาวน้อย”
ฮาริสมองหน้าหญิงสาวที่ดิ้น ส่ายหน้าสวยไปมา
อื้ออออ”
จิรัจฌาเบิกตากลมโตทันที เมื่อเห็นใบหน้าคมอย่างชัดเจน และเธอก็ได้เห็นฝีมือของเธอเมื่อครู่ มันซึมออกมาอย่างเห็นได้ชัด ‘เธอน่าจะใช้สองใบ...ใบเดียวไม่ได้ผลเท่าไหร่’
“ดิ้นสิ”
ฮาริสกดทับร่างบางอวบอิ่มไว้ เขาสำรวจใบหน้าสวยของเธออย่างละเอียด โดยที่มือหนายังปิดปากบางไว้ ไม่ให้เธอส่งเสียงร้อง ‘เธอช่างงดงามเสียจริง ไม่ผิดหวังเลย ที่เขาเอาตัวเธอมา’ เขาประทับใจเธอตั้งแต่แรกเห็น ภาพถ่ายของเธอที่เขาถ่าย เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก แต่ไม่คิดว่าโชคชะตาจะทำให้เขาได้เจอเธออีกครั้ง และตอนนี้ก็อยู่บนเตียงนอนของเขา
“แฮ่กๆ”
จิรัจฌาเริ่มหมดแรง เพราะเธอไม่อาจจะสู้แรงเขาได้เลย พละกำลังเขามีมากกว่าเธอตั้งหลายเท่า
“..........” จิรัจฌาใช้ความนิ่งเงียบแทนการกระทำ
“อืม...หมดแรงแล้วสินะ”
ฮาริสยิ้มออกมาทันที เขารู้จากอาบูมาเมื่อครู่แล้ว ว่าเธอคนนี้ต้องใช้คนถึงหกคน ถึงจะเอาเธออยู่ได้ สาวใช้แต่ละคนน่วมไปตามๆ กัน รวมทั้งเขาก็ไม่อาจรอดจากฝีมือเธอได้ ‘ร้ายจริงแม่สาวน้อยคนนี้’
“.........” จิรัจฌาใช้ดวงตากลมโตส่งสัญญาณให้ชายหนุ่ม ให้ยอมเปิดปากของเธอ
“ถ้า เจ้าร้องอีก ข้าจะไม่แค่ใช้มือแน่นอน”
ฮาริสเตือนเธออย่างจริงจัง จนหญิงสาวพยักหน้าทันที
“ปล่อยฉัน!”
จิรัจฌาเปิดฉากทันทีที่ริมฝีปากบางเป็นอิสระ
“ไม่!” ชายหนุ่มก็ปฏิเสธทันทีเช่นกัน
ฮาริสยังคงใช้ร่างของตัวเองกดทับเธอไว้ ร่างใหญ่ปะทะกับร่างบางอวบอิ่มอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เสียงหัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ จนเขารู้สึกได้ ใบหน้าสวยอยู่ใกล้กับใบหน้าคมแค่เอื้อม
“ฉัน ขอเวลา”
จิรัจฌาพยายามหาทางเอาตัวรอด โดยการต่อรอง เพราะเหตุการณ์ต่างๆ ที่เธอเจอในวันนี้ มันเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากเธอถูกจับมาเป็นนางบำเรอ หรือพูดง่ายๆ ก็น่าจะเป็นการโดนฉุด (ในภาษาไทย)
“อืม” ฮาริสยอมอย่างว่าง่าย เพราะอย่างน้อยเขาก็ควรให้โอกาสเธอบ้าง
“ปล่อนฉันก่อน ฉันจะไม่หนี”
“ตกลง”
ฮาริสดีดตัวเองจากร่างบางทันที เขาถอยออกมานั่งโซฟามองเธออย่างใจเย็น สายตาคมจับจ้องที่ร่างบางอวบอิ่มอย่างพอใจ
“ฉันมีข้อเสนอ”
จิรัจฌาเอาน้ำเย็นเข้าลูบ สถานการณ์แบบนี้เธอต้องมีสติ ไม่งั้นอาจจะต้องพลาดท่าแน่ๆ
“ว่ามา”
ฮาริสจ้องร่างบางไม่กระพริบ ความสวยของเธอตรึงใจเขายิ่งนัก ไม่ว่าเธอจะอยู่ท่วงท่าไหน ร่างบางอวบอิ่มก็ดูน่ามองไปเสียหมดทุกส่วน เครื่องแต่งกายของเธอนั้น มันช่างเหมาะกับเธอเป็นอย่างมาก เธอเองก็คงจะไม่รู้ตัว ว่าเธอน่ามองขนาดไหน
“ฉันขอเวลาสามวัน”
สามวันนี้เธอไม่รู้ว่าเธอจะต่อรองเรื่องอะไร แต่ก็คาดเดาด้วยตัวเองจากสถานการณ์แล้ว คือขอเวลาสามวันที่เธอจะยังไม่ตกเป็นของเขา
“ข้ารอไม่ไหวหรอกสาวน้อย”
ฮาริสมีน้ำเสียงออกแปร่งๆ เล็กน้อย เริ่มจะแหบพล่าอยู่ในน้ำเสียง
“ฉันไม่รู้จักคุณ”
“เดี๋ยวเจ้าก็รู้จัก”
“แต่คุณ ทำแบบนี้ มันผิดกฎหมายรู้มั้ย”
จิรัจฌาพยายามอธิบาย
“ที่นี่ไม่มีกฎหมาย”
“แต่มันผิด ฉันแจ้งความจับคุณได้”
จิรัจฌาขู่ร่างใหญ่
“เจ้าจะออกจากที่แห่งนี้ ไปแจ้งความอย่างที่เจ้าบอกได้อย่างไรกัน”
“แต่...” จิรัจฌาจะต่อรองกับเขาอย่างไรดี เธอไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลย มันมืดมนไปหมด เธอจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้อย่างไรดีนะ ใครจะช่วยเธอได้ T-T
....................