Episode 05 ไคล์แม็กซ์

2744 Words
การเดินทางที่แสนจะอึดอัดยาวนานเกือบหนึ่งชั่วโมง ซึ่งทันทีที่คนขับรถเลี้ยวเข้ามายังจุดหมายปลายทาง ก็ไม่ต่างกับการที่ฉันก้าวเท้าเข้ามาอยู่ในคุกที่เปรียบเสมือนนรกบนดินแบบที่ไดสึเกะเคยพูด ฉันนั่งเงียบมาตลอด ไดสึเกะเองก็เช่นกัน เขาไม่พูดและไม่ถามอะไรฉันอีกเลยแม้แต่คำพูดเดียว ไม่แม้แต่จะขยับเข้าใกล้ฉันด้วยซ้ำ ระหว่างเรามีความว่างเปล่ากั้นเอาไว้ซึ่งถึงมันจะห่างพอสมควร แต่มันกลับไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกว่าหายใจได้คล่องเลยสักนิดเดียว หลังจากที่ไดสึเกะสั่งให้คนของเขาพาตัวชินจิออกไป ตัวเขาเองก็พาฉันเดินกลับออกมา เราต่างฝ่ายต่างมองออกไปด้านนอก ปฏิสัมพันธ์ของเรามันเป็นแค่การแสดง เราจะพูดคุยกันหรือจะเรียกว่ามีปากมีเสียงกันเฉพาะเวลาที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นเท่านั้น เพราะจนถึงตอนนี้ที่รถจอดสนิทเทียบบันไดหน้าบ้าน เขาก็ยังไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าฉันด้วยซ้ำ ฉันไม่รู้หรอกว่าที่นี่เป็นบ้านของใคร แต่จำได้ว่าก่อนหน้านี้โอยามะบอกว่าจะให้ไดสึเกะพาฉันไปอยู่ที่แบล็กซิโน ซึ่งที่นี่ไม่ใช่ และถ้าถามว่าฉันจะเอ่ยปากถามเขามั้ยก็คงต้องตอบว่าไม่เหมือนกัน เพราะไม่ว่าจะที่นี่หรือแบล็กซิโน ความรู้สึกของฉันก็ไม่ต่างกัน ฉันคิดไม่ผิดหรอกว่าทั้งหมดเป็นแผนการของไดสึเกะ เขาลงทุนยอมปล่อยให้ฉันหนีออกจากโรงพยาบาลเพื่อใช้ฉันเป็นเหยื่อล่อคนของฉันออกมา เขาวางแผนทั้งหมดเอาไว้แล้ว และคงรู้ว่าต้องมีคนมาช่วยฉันแน่ๆ เขาถึงได้สะกดรอยตามฉันไปเงียบๆ ฉันมันโง่เองที่ทำให้ชินจิต้องเดือดร้อน นี่ถ้ายังมีคนอื่นๆ นอกจากชินจิอยู่ด้วย ฉันคงทำให้คนของเสือขาวตายกันหมด “นายให้คนของนายพาชินจิไปที่ไหน” ในที่สุดฉันก็ต้องเป็นฝ่ายถามออกไป ไดสึเกะที่กำลังก้าวลงมาจากรถเงยหน้าขึ้นมามองฉันแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก แต่กลับไม่ยอมตอบคำถามของฉันทั้งที่เขาได้ยินคำถามชัดเจน “ฉันถามว่านายพาชินจิไปไว้ที่ไหนไดสึเกะ” “เอาเป็นว่าฉันยังไม่ได้สั่งฆ่ามันก็แล้วกัน แต่ถ้าเธออยากให้ทำ ลองถามถึงมันอีกคำเดียว ฉันจะสั่งเดี๋ยวนี้” ไดสึเกะพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แววตาที่เขามองมาไม่ได้ฉายแววหยอกล้อออกมาเลยสักนิด “อย่าทำอะไรเขา” “เหอะ!” “ฉัน...ขอร้อง” ฉันจำต้องพูดออกไปเพราะรู้ดีว่าตอนนี้ฉันไม่มีทางเลือกอื่น ชินจิเป็นเพียงคนเดียวที่ฉันเหลืออยู่ ต่อให้เราอาจจะไม่ได้พบกันอีก ฉันก็ไม่อยากให้เขาต้องเป็นอะไรไปเพราะฉัน “คุกเข่าอ้อนวอนฉันสินามิ” ไดสึเกะท้าทาย เขาพูดพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อบอกฉันเป็นนัยว่าที่ตรงนี้ไม่ได้มีเราอยู่กันแค่สองคน แต่ยังมีคนของเขาอีกนับสิบที่ยืนอยู่รายรอบ ดังนั้นถ้าฉันยอมคุกเข่าลงตรงนี้ ก็เท่ากับการที่ฉันยอมทิ้งศักดิ์ศรีของรองประธานเสือขาวต่อเขา ต่อพวกแบล็กสกอร์เปี้ยน ตึก! แต่ฉันก็ทำ เพราะตอนนี้ชินจิเป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งญาติเพียงคนเดียวที่ฉันรู้สึกไว้ใจ นอกจากชินจิแล้ว ฉันก็มองไม่เห็นใครอีก “นามิ!” “ฉันขอร้อง โอ๊ย!” ฉันยังไม่ทันจะอ้อนวอนจบประโยค ไดสึเกะก็เดินเข้ามากระชากต้นแขนของฉันแล้วลากฉันเดินเข้ามาในตัวบ้านทันที แรงบีบที่ต้นแขนมีมากจนทำให้ฉันรู้สึกปวด แต่ไม่กล้าจะโวยวาย ทำได้เพียงร้องออกไปตอนแรกที่ถูกเขากระชากให้ลุกขึ้นจากพื้นเพราะความตกใจเท่านั้น “เอาของขึ้นไปให้ฉันข้างบน” ไดสึเกะสั่งคนของเขาก่อนจะลากฉันเดินตามเขาขึ้นมาที่ชั้นสอง ตลอดทางที่เขาลากฉันมา แรงบีบที่ต้นแขนไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่นิดเดียว จนกระทั่งฉันถูกเขาเหวี่ยงเข้ามาในห้องห้องหนึ่งที่อยู่บนชั้นสอง ทางด้านปีกซ้ายของตัวบ้าน ตุ้บ! ฉันเซเข้าไปด้านในจนเกือบล้ม แต่นับตั้งแต่ที่ตัดสินใจจะหนี ฉันก็ย้ำกับตัวเองมาตลอดว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะไม่อ้อนวอนให้เขาเห็นใจหรือสงสาร ตอนนี้เรื่องเดียวที่ฉันจะขอจากเขาคือเรื่องชินจิเท่านั้น! “เธอคงถนัดเรื่องการแลกเปลี่ยนสินะ ครั้งก่อนก็เอาตัวเข้าแลกเพื่อข้อมูลของกระเรียนทองกรุ๊ป ครั้งนี้ก็เอาศักดิ์ศรีเข้าแลกเพื่อปกป้องผู้ชาย แต่เธอคงลืมไปสินะว่าไอ้ผู้ชายคนนั้นมันไม่ใช่คนที่เธอจะต้องแต่งงานด้วย เพราะฉะนั้นจะคิดจะทำอะไร ไว้หน้าฉันสักนิดนามิ” น้ำเสียงของไดสึเกะดุดันจนน่ากลัว แต่นั่นกลับทำให้ฉันรู้สึกสะใจอยู่ลึกๆ เพราะแท้ที่จริงแล้ว สาเหตุที่เขาไม่พอใจที่ฉันยอมคุกเข่าเพื่อปกป้องชินจิ ก็เพราะเขากลัวว่าตัวเองจะเสียหน้านี่เอง “ก็นายเป็นคนพูดออกมาเองว่าถ้าฉันยอมคุกเข่า นายจะไม่ทำอะไรเขา” “หึ! แปลว่าต่อให้ฉันจะพูดอะไรออกไป เพื่อแลกกับชีวิตไร้ค่าหนึ่งชีวิตของพวกเสือขาว เธอก็จะทำงั้นสิ” ชีวิตไร้ค่างั้นเหรอ! “ว่าไงล่ะ ตกลงว่าเธอจะยอมรึเปล่า” “นายจะให้ฉันทำอะไรก็พูดมา แต่ห้ามทำอะไรชินจิ” ฉันยืนยันออกไปอย่างชัดเจน ตอนนี้อาการเจ็บหรือปวดตรงไหนก็ไม่สามารถทำให้ฉันหยุดความรู้สึกเกลียดที่ฉันมีต่อไดสึเกะได้อีกแล้ว ไดสึเกะจ้องมองฉันด้วยสายตาคมกริบ เสียงลมหายใจที่ดังครืดคราดของเขาบอกได้ดีว่าเขาคงกำลังอดทนมากกับฉัน “คุกเข่า” คำเดียวเพียงสั้นๆ ที่ไดสึเกะพูดออกมาทำให้ฉันกัดริมฝีปากของตัวเองแน่น ซึ่งสำหรับฉันไม่ว่าจะตอนก่อนหน้านี้หรือตอนนี้ การคุกเข่าเพื่อแลกกับชีวิตของชินจิ มันไม่ใช่เรื่องยากเลย ฟุ่บ! แล้วฉันก็คุกเข่าลงตรงหน้าเขาแบบที่เขาต้องการ ซึ่งถึงแม้ว่าสายตาของไดสึเกะจะมองอย่างไม่ชอบใจ เพราะนั่นหมายถึงการที่ฉันยอมทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อปกป้องชินจิ แต่ในขณะเดียวกันการที่ฉันยอมทำขนาดนี้ ก็ไม่ต่างจากการที่ฉันทำลายเกียรติของเขาด้วยเหมือนกัน ฉันกำลังจะแต่งงานกับเขา แต่กลับกำลังทำทุกอย่างเพื่อปกป้องคนอื่น! ก๊อกๆๆ ระหว่างที่ฉันกับไดสึเกะกำลังเล่นเกมจ้องตากันอยู่นั้น เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นทำให้ไดสึเกะผละตัวออกไปอย่างหุนหันพลันแล่น ฉันเห็นว่าเขากระชากประตูห้องให้เปิดออกก่อนจะพูดคุยบางอย่างกับคนของเขาที่ยืนอยู่ด้านนอก พูดกันอยู่ไม่กี่คำเขาก็รับถาดเล็กๆ ที่มีของบางอย่างอยู่ด้านในจากคนของเขาแล้วเดินกลับเข้ามา ปัง! บานประตูห้องถูกเหวี่ยงให้ปิดลงระบายความหงุดหงิด ไดสึเกะเดินผ่านฉันเข้าไปหยุดยืนอยู่ที่ด้านหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ เขาวางของในมือลงก่อนจะหันกลับมามองฉันเต็มๆ ตาอีกครั้ง ซึ่งระหว่างที่เขาเดินผ่านฉันไปนั้น ฉันถึงได้มองเห็นว่าของที่เขารับมาจากคนของเขาคืออะไร “รู้ใช่มั้ยว่าอะไร” “นายมันสารเลว” ฉันก่นด่าออกไปทั้งที่เสียงสั่นไปหมด หัวใจสั่นระริกเมื่อคิดว่ารู้จักของที่อยู่ตรงหน้าดีมากพอๆ กับที่รู้จักความชั่วร้ายของผู้ชายที่ชื่อไดสึเกะ ไดสึเกะยกมุมปากยิ้มนิดๆ ก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะทำงานตัวนั้นด้วยท่าทีสบายๆ ต่างจากฉันที่เริ่มประหม่าขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่อุณหภูมิภายในห้องตอนนี้เย็นเฉียบแต่ฉันกลับรู้สึกร้อน มือชื้นไปด้วยเหงื่อ “ฉันว่าเราคงไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกนามิ ไม่อย่างนั้นเราคงไม่ทันกันแบบนี้” ไดสึเกะพูดพลางเคาะนิ้วลงกับโต๊ะเป็นจังหวะช้าๆ สะกดให้หัวใจของฉันกระตุกไปตามเสียงเคาะนั่นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ฉันจ้องมองใบหน้าของไดสึเกะสลับกับถาดบนโต๊ะด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น ในถาดใบนั้นมีถ้วยแก้วใบเล็กๆ ที่ด้านในมีเม็ดยาสีขาวๆ สองเม็ดอยู่ในนั้น พร้อมกับแก้วน้ำที่มีน้ำสะอาดอยู่เกือบเต็มแก้ววางอยู่ใกล้กัน ฉันไม่คิดจะปฏิเสธเลยว่าฉันรู้จักมันดี เพราะมันคือยาไคลแม็กซ์หรือถ้าภาษานักเที่ยวมันก็คือยาปลุกเซ็กซ์ ส่วนสาเหตุที่ฉันรู้จักมันน่ะเหรอ ก็เพราะมันเป็นหนึ่งในธุรกิจของเสือขาวน่ะสิ “เท่าที่ฉันรู้มา มันทำรายได้ให้กับเสือขาวดีมากทีเดียวใช่รึเปล่า” ไดสึเกะถามพลางหยิบถ้วยแก้วใบเล็กนั่นขึ้นมาก่อนที่เขาจะเทเม็ดยาสองเม็ดใส่มือ ซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะทำทุกอย่างด้วยท่าทีใจเย็น แต่มันกลับทำให้ร่างกายของฉันสั่นขึ้นเรื่อยๆ ทุกอย่างที่ไดสึเกะพูดมามันถูกหมดนั่นแหละ เพราะถึงแม้ว่าเบื้องหน้าธุรกิจของเสือขาวจะเป็นการเปิดให้เช่าเรือสำราญ รวมถึงมีเรือนำเที่ยวอยู่อีกหลายลำ แต่รายได้จากการเช่าเรือไม่ใช่รายได้หลักของเรา เพราะแท้จริงแล้ว สิ่งที่ทำกำไรมหาศาลคือบริการแฝงบนเรือมากกว่า และหนึ่งในนั้นก็คือการค้าบริการ ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่ายาไคลแม็กซ์เองก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการทำรายได้ให้กับเสือขาวมาตลอด ฉันรู้จักกับมันก่อนจะรู้จักยาแก้ปวดด้วยซ้ำ เพียงแต่ไม่เคยคิดจะใช้มันกับตัวเองมาก่อนเท่านั้นเอง “อย่าคิดว่าฉันจะทำตามที่นายต้องการ” ฉันบอกออกไปทั้งที่เสียงสั่นเมื่อรู้ดีว่าไดสึเกะกำลังต้องการอะไร แต่กลับยิ่งต้องรู้สึกหวั่นใจเมื่อคำพูดของฉันกลับทำให้คนตรงหน้ายิ้มอย่างย่ามใจมากขึ้นกว่าเดิม “เพราะแบบนี้ไงฉันถึงได้บอกว่าเราไม่ต่างกัน ไล่กันเท่าไหร่ก็ไม่จนกันสักที” ไดสึเกะพยายามจะปั่นหัวฉันด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ เขาโยนเม็ดยาในมือขึ้นเบาๆ ราวกับมันคือลูกอมรสหวานทั้งที่สำหรับฉันแล้ว มันไม่ต่างจากยาพิษ หรือต่อให้มันจะเป็นลูกอมจริงๆ แต่ถ้ามันตกอยู่ในมือของไดสึเกะแล้วละก็ คุณสมบัติของมันก็คงไม่ต่างกัน “คนอย่างนายนี่มันเลวไม่มีใครเทียบจริงๆ” “ก็ถ้าไม่นับรวมพี่ชายของเธอที่ตายไปแล้ว ฉันจะยอมรับตำแหน่งนั้นไว้ก็ได้ แต่รู้เอาไว้นะนามิ ว่าสิ่งที่เธอเห็นและคิดว่ารู้จักฉันดีน่ะ มันยังไม่ได้เศษเสี้ยวของสิ่งที่เธอยังไม่รู้” ไดสึเกะยิ้มเย็นพร้อมกับเอื้อมมืออีกข้างไปคว้าแก้วน้ำในถาดขึ้นมา จากนั้นเขาก็เดินเข้ามาหาฉัน ร่างสูงหยุดยืนตรงหน้าฉันที่ยังคงนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นตามคำสั่งของเขาตั้งแต่ต้น “เธอรู้จักฉัน แค่ที่ฉันอยากให้รู้จักเท่านั้น นั่นแปลว่าฉันยังมีความเลวอีกมากที่ซ่อนไว้” “ไม่นะ ไดสึเกะ!” สองตาของฉันเบิกโพลงขึ้นในฉับพลันเมื่อสิ่งที่ไดสึเกะต้องการไม่ใช่อย่างที่ฉันคิด เขาไม่ได้หยิบยื่นยาสองเม็ดนั้นมาให้ฉันหรือบังคับให้ฉันกินมัน แต่เขากลับเป็นคนกินมันด้วยตัวเอง! เพล้ง! แก้วน้ำที่ไดสึเกะเพิ่งจะดื่มมันตามยาสองเม็ดที่เขาโยนมันลงคอไปจนหมดแก้วถูกปาใส่ผนังห้องแรงๆ จนมันแตกกระจาย เสียงของมันทำให้ฉันสะดุ้งตัวโยน ก่อนจะต้องตกใจซ้ำอีกครั้งเมื่อถูกไดสึเกะกระชากต้นแขนให้ลุกขึ้นจากพื้น ก่อนที่เขาจะเหวี่ยงฉันไปที่โซฟา ฟุ่บ! ร่างกายกระเด้งอยู่บนนั้นสองสามครั้ง ก่อนที่ฉันจะรีบกระถดตัวถอยหนี ฉันพาตัวเองไปนั่งชิดกับที่พักแขนของโซฟา สายตาจ้องมองไปที่ไดสึเกะที่ยังคงยืนมองฉันอยู่ที่เดิม สายตาของเขาดุดันหากแต่มุมปากกลับยกยิ้มเมื่อเห็นว่าฉันกำลังหวาดกลัว ติ๊ด! ไดสึเกะเดินย้อนกลับไปที่โต๊ะทำงานของเขาก่อนจะหยิบรีโมตขึ้นมาแล้วกดเปิดโทรทัศน์ที่ติดอยู่ที่ผนังห้อง ซึ่งฉันไม่รู้หรอกว่าเขาคิดจะทำอะไรจนกระทั่งเห็นว่าภาพที่ปรากฏอยู่บนจอเป็นภาพของชินจิ สองมือของฉันกำหมัดแน่นเมื่อเห็นว่าชินจิมีสภาพสะบักสะบอม เขานั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น สองมือถูกมัดไพล่หลังเอาไว้ ใบหน้าบวมเป่งและมีรอยฟกช้ำเต็มไปหมด มีเลือดไหลย้อยลงมาตามรูปหน้าของเขาซึ่งฉันแค่เห็นยังรู้สึกเจ็บปวดแทน ฉันไม่รู้ว่าไดสึเกะจับชินจิไปไว้ที่ไหน เพราะภาพที่เห็นน่าจะเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่อาจติดเอาไว้ในห้องไหนสักห้อง แต่ห้องห้องนั้นมันอยู่ที่ไหนล่ะ ต่อให้เอ่ยปากหรือตะโกนถาม ฉันว่าฉันก็คงไม่ได้คำตอบอยู่ดี “ถึงเวลาแลกเปลี่ยนกันแล้วนามิ” ไดสึเกะบอกพร้อมกับกดรีโมตเพื่อปิดโทรทัศน์ ก่อนที่เขาจะโยนรีโมตลงบนโต๊ะ จากนั้นเขาก็ทิ้งตัวนั่งลงบนโต๊ะทำงานด้วยท่าทีสบายๆ เหมือนเดิมทั้งที่เห็นว่าร่างกายของฉันสั่นไปหมด ก่อนหน้านี้ที่ได้รู้ว่าเขาต้องการอะไรมันก็เลวร้ายมากพออยู่แล้ว แต่เพิ่งรู้ว่าความเลวร้ายของจริงเป็นยังไงก็ตอนที่เห็นว่าไดสึเกะโยนยาไคลแม็กซ์ลงคอไปสองเม็ด และกำลังยืนจ้องฉันตาเป็นมันอยู่ในตอนนี้นี่เอง “จะเอายังไงก็ว่ามา” ฉันบอกเสียงสั่นติดสะอื้น คำถามของฉันทำให้ไดสึเกะแค่นหัวเราะในลำคอก่อนจะยิ้มกว้างอย่างพอใจ “ถอดเสื้อผ้าสิ ฉันว่าชุดพยาบาลชุดนี้มันไม่เข้ากับเธอเท่าไหร่ ไว้จะให้คนหาเสื้อผ้าให้ใหม่ก็แล้วกัน แต่คงไม่ใช่ภายในสามสี่ชั่วโมง นี้” ก้อนเนื้อในอกกระตุกเบาๆ เมื่อได้ยินสิ่งที่ไดสึเกะเพิ่งจะบอก มิหนำซ้ำพูดจบแล้วเขายังผิวปากอย่างอารมณ์ดีทั้งที่ฉันกำลังจะบ้า ฉันค่อยๆ ลุกขึ้นยืนด้วยสองขาสั่นๆ เพราะตอนนี้ไม่ว่าจะส่วนไหนของร่างกายมันก็สั่นไปหมดแล้วจริงๆ แม้แต่นิ้วมือที่กำลังยกมันขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อก็ยังสั่นจนห้ามไม่ได้ นานหลายนาทีที่ฉันพยายามจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเองโดยมีไดสึเกะยืนมองอยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว ซึ่งเขาก็ไม่ได้เร่งหรือแม้แต่ส่งเสียงใดๆ ออกมาปลุกความตื่นกลัวในใจของฉันให้เพิ่มมากขึ้น เพราะเพียงแค่รู้ว่าเขายังคงจ้องมองอยู่ตลอดเวลา ฉันก็แทบจะยืนไม่อยู่แล้ว “หมดทุกชิ้น” และเมื่อเขาพูดอีกครั้ง ฉันก็ถึงกับสะดุ้ง แต่สิ่งที่ทำได้คือการก้มหน้าทำตามความต้องการของเขา เพราะไม่กล้าพอจะเงยหน้าสบตาเขาแม้แต่เสี้ยววินาที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD