ตอนที่สี่
ไอศูรย์ที่เข้ารับการรักษาอาการบาดเจ็บสาหัส ฟื้นขึ้นหลังจากเขานอนสลบมาหนึ่งเดือนเต็ม แขนขาเต็มไปด้วยผ้าพันแผลราวกับมัมมี่ที่หลุดออกมา
“ไงเพื่อน ตื่นแล้วเหรอ”
“นี่มันอะไร”เสียวอู้อี้ในลำคอทำให้หมอหนุ่มต้องเอียงหูฟังเพื่อนรักพูดใกล้ๆ
“อะไร??หมายถึงมึงที่เป็นมัมมี่เหรอ โทษทีพอดีมึงบาดเจ็บเยอะเกินไป กูเลยให้พยาบาลพันแผลทั้งตัวไปเลย”
“แล้วก็หยุดพูดมากด้วยเดี๋ยวปากน่าจูบที่กูปั้นจะฉีกกูขี้เกียจแก้”
“ห๊ะ!!”
ย้อนไปหนึ่งอาทิตย์ก่อนที่ไอศูรย์จะฟื้นคืนชีพในร่างมัมมี่
“หมอคินทำไมหน้านายเป็นแบบนั้นล่ะ”
“ก็แผลจากโดนสะเก็ดระเบิด มึงจะให้มันสวยรึไง”
“แล้วเราไม่มีวิธีให้มันหายเหรอ ปล่อยไว้แบบนี้คงเป็นแผลเป็น นายยิ่งน้อยใจที่ผู้หญิงชอบรังเกียจหน้าตานายอยู่”
“นั่นดิ มึงจะให้ลูกกูอยู่ในสภาพขี้ริ้วขี้เหร่กว่าเดิมรึไง”สงครามเอ่ยเสริมหลังยืนมองใบหน้าลูกชายที่เต็มไปด้วยแผล ยอมรับเลยว่าลูกชายของเขาไม่หล่อเหลาเหมือนคนอื่นยิ่งสภาพตอนนี้ไม่ต้องพูดถึง
“ก็มีนะครับ”
“อะไรเหรอครับ”เจตน์บอดี้การ์ดหนุ่มตาลุกวาว รอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“ศัลยกรรมไง รับรองนายมึงหล่อเหมือนเกิดใหม่”
“จริงด้วยครับนายใหญ่ เราถือโอกาสนี้ทำให้นายเหมือนเกิดใหม่ดีไหมครับ”
“เอางั้นเลยเหรอวะ”
“แบบนั่นแหละครับนายใหญ่ หึ! หึ!”
“นี่ถ้ามึงไม่ใช่ลูกน้องคนสนิทไอ้มังกร กูคิดว่ามึงกำลังจะฆ่ามันนะ”
“เรามาเริ่มกันเลยเถอะหมอก่อนนายจะฟื้น”
“ไม่เอา กูไม่อยากโดนตีนไอ้มังกร”
“หมอก็แค่บอกไปว่าแรงระเบิดทำให้นายเกิดใหม่”
“ก็จริง เอาให้หล่อเลยนะคิน”สงครามจ้องมองลูกชายอย่างจริงจังด้วยใบหน้าเข้ม
“แบบนี้เป็นไงครับนายใหญ่”เจตน์กดโทรศัพท์เครื่องหรูค้นหาหารูปพระเอกคนหนึ่งในเกาหลีที่หน้าตาหล่อเหลาเอาการหากนายของเขามีหน้าตาแบบนี้สาวๆที่ไหนจะมาเมินนายของเขาได้อีก
“เอาให้เหมือนคนในรูปที่ไอ้เจตน์หามา”
“มึงเลือกซะหล่อเชียว ไม่กลัวนายมึงจำตัวเองไม่ได้รึไง”หมอคิระจ้องมองรูปครู่หนึ่ง ก่อนจะบ่นบอดี้การ์ดตัวดีของเพื่อนสนิท
“แบบนั้นสิดี เริ่มเลยเถอะหมอ”
“คนละครึ่งนะ”
“อะไรหมอ!”
“ถ้ากูตายมึงต้องตายด้วย”
“แน่นอน เราร่วมชะตาเดียวกันแล้วหมอ อย่างน้อยเราก็มีนายใหญ่”อย่างน้อยเขาสองคนก็มีคนคอยหนุนหลังจะไปกลัวอะไร ถึงแม้จะเสียวสันหลังอยู่บ้างก็ตาม
“ผมจะไปเตรียมเอกสารมาให้เซ็น คุณลุงรอก่อนนะครับ”
“อืม”สงครามตอบรับ นั่งลงบนโซฟากว้างรอเซ็นเอกสารผ่าตัดครั้งนี้
จากนั้นชายหนุ่มที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงก็ถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัดในวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เหล่าหมอศัลยกรรมตกแต่งได้ปรึกษาและเตรียมความพร้อมเป็นที่เรียบร้อย
“อย่าฆ่ากูเลยนะเพื่อน”หมอคิระกระซิบข้างหูเพื่อนสนิท ก่อนจะเริ่มลงมือผ่าตัด ใช้เวลาหลายชั่วโมงเต็มในที่สุดใบหน้าที่หมอหลายคนช่วยกันปั้นก็สำเร็จ ร่างของชายหนุ่มถูกเข็นกลับมายังห้องพักฟื้นเหมือนอย่างเคย ตอนนี้ก็รอแค่ผลที่จะออกมาเท่านั้น
ปัจจุบัน
“เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะ”มังกรฟังไม่ชัด จะว่าไปไม่ใช่แค่ตัวที่เป็นมัมมี่ แต่ใบหน้าเขาก็ด้วยจะหันแต่ละทีตึงไปหมดแถมฟังเสียงเพื่อนรักไม่ชัดไปอีก ไหนจะตาทำไมมันถึงเปิดได้ไม่เต็มที่ก็ไม่รู้ นี่เขาบาดเจ็บหนักขนาดนี้เลยเหรอ
“เปล่า กูมีตรวจคนไข้ต่อ มึงฟื้นก็ดีล่ะ”หมอคิระเดินออกจากห้องอย่างลนลาน เกือบไปแล้วเขาเกือบโดนฆ่าซะแล้ว
“คุณลุงสวัสดีครับ”สงครามมาเยี่ยมลูกชายพบหมอเพื่อนสนิทลูกชายลนลานออกมาจากห้อง
“หวัดดีคิน ลูกกูฟื้นยัง”
“ฟื้นแล้วครับ พยายามอย่าให้มันพูดมากนะครับเดี๋ยวแผลจะฉีกถึงแม้ตอนที่มันนอนอยู่แผลจะทยอยดีขึ้นแล้วก็ตาม”
“แล้วเป็นยังไงบ้างมันรู้เรื่องที่เราทำกันมั้ย”
“ยังหรอกครับ ผ้าพันแผลเยอะจนกว่าจะแกะผ้าออกมันไม่มีทางรู้เลยครับ”
“ดี”
“เอ่อ คิน...ช่วยหาพยาบาลพิเศษให้หน่อยนะ กูต้องการคนที่ไว้ใจได้”
“ให้คุณเลขาติดต่อแผนกจัดหาเลยครับคุณลุง”
“แบบนั้นจะไว้ใจได้เหรอ”
“ทั้งโรงพยาบาลเขาเสียวสันหลังกับห้องนี้หมดแล้วครับลุง ไม่มีใครกล้าสักคน”
“ทำไม”
“ลูกชายมาเฟียใหญ่มารักษาตัวทั้งที ถ้าเกิดทำผิดพลาดพวกเขาก็กลัวจะโดนเก็บ มีแค่ผมนี่แหละที่เข้าออกห้องนี้ได้”
“เลขา”
“ไปตามที่หมอคินบอกกูต้องการคนมาดูแลลูกชายก่อนจะกลับต่างประเทศ”
“ได้ครับนาย”
อีกด้านหญิงสาวยังคงไปทำงานตามปกติ จะว่าไปช่วงนี้เธอก็มีอาการแปลกๆอ่อนเพลียตลอดเวลา สงสัยคงจะพักผ่อนน้อยเป็นแน่
“เป็นอะไรขวัญ พักผ่อนน้อยเหรอดูเพลียๆนะเรา พี่บอกแล้วว่าอย่าควบกะให้เยอะ ว่าแต่เราเอาเงินไปทำอะไร”หมอนีรชาเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะพยาบาลสาวควบงานหนักจนดูอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด
“คือ…เอ่อ…ขวัญแค่ว่างน่ะค่ะหมอนิน”จะให้พูดยังไงดีล่ะ เธอเป็นพวกบ้างานหรือไม่ชอบอยู่คนเดียว จึงทำงานอย่างหนักเพื่อไม่ให้ตัวเองว่าง
“พักผ่อนบ้างก็ได้”
“นี่พวกเธอได้ข่าวยังเห็นว่าฝ่ายจัดหากำลังหาพยาบาลพิเศษไปดูแลมาเฟียที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เงินดีมากเลยนะ”
“ไม่เอาอะ แกเดินผ่านห้องนั้นไม่เสียวสันหลังบ้างรึไง พวกคนชุดดำยืนเฝ้าหน้าห้องเต็มไปหมด”
“ก็จริงของแก ถ้าดูแลไม่ถูกใจจะโดนฆ่ารึเปล่า”
“นั่นสิ”
“ของฝากมาแล้วจ้าสาวๆ”หมอธาราเดินเข้ามาพร้อมกับข้าวของพะรุงพะรังถุงใหญ่ หลังจากเขาไปสัมมนามาหลายวันจึงถือโอกาสซื้อของมาฝากทุกคนโดยเฉพาะพยาบาลสาวตรงหน้า
ขวัญนรีรีบยกมือบางขึ้นปิดจมูก เมื่อได้กลิ่นอะไรบางอย่างเหม็นๆออกมาจากในถุง ใช่ว่าหมอธาราจะซื้ออะไรที่เน่าเสียมาหรอกนะ
“ไหนดูซิ”หมอนีรชาเปิดถุงนั้นยิ่งทำให้ขวัญนรีทนไม่ไหวจนต้องรีบวิ่งตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ใกล้เคียง อาเจียนออกมาจนหมด
“เราเป็นอะไรไป ผลจากการพักผ่อนน้อยเหรอ”เธอบ่นพึมพำกับตัวเอง
“ขวัญอยู่รึเปล่าเป็นอะไรไหม”หมอนีรชาตามเข้ามาด้วยความเป็นห่วง
“อยู่ค่ะหมอ เดี๋ยวขวัญออกไปนะคะ”หญิงสาวเปิดประตูห้องน้ำออกมาด้วยความอ่อนเพลีย หมอนีรชาเข้าพยุงเธอไปที่หน้ากระจกเพื่อล้างมือ
“โอเคไหม พี่บอกแล้วว่าอย่าโหมงานเยอะ”
“โอเคแล้วค่ะ นั่งพักเดี๋ยวก็ดีขึ้น”หมอนีรชาพยุงหญิงสาวออกจากห้องน้ำพาตรงไปยังห้องตรวจของเธอ
“อาการเป็นยังไงบ้าง ไหนพี่ตรวจดูหน่อย”ขวัญนรีนั่งลงในห้องตรวจของคุณหมอนีรชาไม่วายมีหมอธารายืนอยู่ไม่ห่าง
“ช่วงนี้มึนๆ อ่อนเพลีย แล้วเมื่อกี้ตอนได้กลิ่นอาหารที่หมอธารเอามาก็รู้สึกเหม็นคลื่นไส้ค่ะ”
หมอนีรชาเลิกคิ้วขึ้นสูงอาการที่หญิงสาวตรงหน้าเอ่ยบอกคล้ายเป็นอาการของคนที่กำลังตั้งท้องทั้งนั้น เธอแหงนหน้ามองหมอธาราซึ่งเขาคงมีความเห็นไม่ต่างจากเธอ
“ประจำเดือนมารึยัง”
“ยังค่ะ”
“คงไม่ใช่หรอกหมอนิน ไม่ใช่ใช่ไหมคะหมอธาร ขวัญจะท้องได้ไงในเมื่อ.....”เสียงหวานหายเข้าไปในลำคอเมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งนั้น
“ตรวจหน่อยเถอะจะได้แน่ใจ”หมอนีรชาส่งกระบอกใส่ฉี่ให้หญิงสาว
สีหน้าของเธอเครียดขึ้นทันที หลายเรื่องเข้ามาทำให้เธอเผลอลืมเรื่องคืนนั้นไป ไม่คิดว่าผลของคืนนั้นจะย้อนมาหาเธอในตอนนี้ใช้เวลาไม่นานผลแล็บก็เผยออกมาว่าเธอตั้งครรภ์ หัวใจดวงน้อยสั่นไหว น้ำตาที่อดกลั้นมาตั้งแต่เมื่อครู่ไหลออกมาจนเธอกลั้นเอาไว้ไม่อยู่